eMarketer บริษัทเก็บข้อมูลสถิติและวิจัยตลาดจากนิวยอร์ค ระบุ Facebook มีแนวโน้มที่จะเป็นแพลตฟอร์มของผู้สูงอายุในอนาคตอันใกล้ หลังพบตัวเลขที่น่าสนใจชี้ว่าวัยรุ่นในกลุ่มอายุต่ำกว่า 24 ปี กว่า 2 ล้านคน มีแนวโน้มจะเลิกใช้งานโซเชียลมีเดียเบอร์หนึ่งภายในปีนี้โดยปัจจุบัน Facebook ยังคงเป็นโซเชียลมีเดียอันดับ 1 ของโลก ด้วยยอดผู้ใช้งาน Active Users ถึงกว่า 2.2 พันล้านคนต่อเดือน และถูกคาดหมายว่าจะเพิ่มมากขึ้นอีกในอนาคต ตามรายงานจาก Statistic แต่เมื่อลงลึกในรายละเอียด โดยเฉพาะกลุ่มอายุของผู้ใช้งาน eMarketer กลับพบว่าตัวเลขผู้ใช้ที่เพิ่มมากขึ้น กลับมาจากกลุ่มคนทำงานและผู้สูงอายุ สวนทางกับคนหนุ่มสาวที่เริ่มเบื่อหน่ายแพลตฟอร์มนี้มากขึ้นเรื่อยๆ “ในปี 2018 จำนวนผู้ใช้ Facebook ของสหรัฐอเมริกา ในกลุ่มอายุ 11 ขวบหรือต่ำกว่านั้น จะหายไป 9.3% นอกจากนั้น กลุ่มผู้ใช้อายุ 12-17 และ 18-24 จะลดลงไป 5.6% และ 5.8% ตามลำดับ” eMarketer เผย ทาง eMarketer ประเมินว่ากลุ่มผู้ใช้อายุต่ำกว่า 24 ปี จำนวน 2 ล้านราย จะเลิกใช้งาน Facebook ภายในปีนี้ และหันไปใช้โซเชียลมีเดียชนิดอื่น อย่าง Instagram และ Snapchat แทน โดย Snapchat จะเพิ่มกลุ่มผู้ใช้งานอายุต่ำกว่า 25 ปี ได้ 1.9 ล้านราย ส่วน Instagram จะมีเพิ่มขึ้นถึงกว่า 3 ล้านคนด้วยกัน ประเด็นนี้ ยังสอดคล้องกับรายงานเมื่อปี 2016 จาก International Business Times mujว่า Facebook จะสูญเสียผู้ใช้งานที่เป็นวัยรุ่น เป็นจำนวนกว่า 3 ล้านคนภายในระยะ 3 ปีข้างหน้า ขณะที่ผลสำรวจเมื่อต้นปียังระบุว่า ยอดผู้ใช้ประจำวันในแถบอเมริกาเหนือ ลดลงเป็นครั้งแรกด้วย แม้ Mark Zuckerberg จะยังหนุ่มแน่น แต่สัญญาณที่เกิดขึ้นในระยะหลัง บ่งบอกเป็นนัยว่า Facebook อาจเริ่มโรยราลงแล้วจริงๆ ทั้งในแง่ของความนิยมและภาพลักษณ์ หลังถูกวิจารณ์อย่างหนักว่ากลายเป็นเครื่องมือสำหรับการเผยแพร่ข่าวเท็จ และทำให้ผู้คนสนใจแต่สิ่งที่ปรากฎบนหน้าจอสมาร์ทโฟนมากกว่าคนรอบตัว ถึงขนาด Roger McNamee นักธุรกิจชาวอเมริกันที่เคยลงทุนใน Facebook ยังกล่าวว่า “ผมเคยเป็นคนผลักดัน Mark Zuckerberg แต่วันนี้ผมจะบอกกับเขาว่า ผู้ใช้งานสื่อของคุณในทุกวันนี้โดนพิษภัยจากสื่อของคุณเล่นงานกันทั้งนั้น” “Facebook ปลุกสัญชาตญาณดิบของคุณออกมาเสมอ มันทำให้คุณโกรธและหวาดกลัว และด้วยการมีสมาร์ทโฟน ก็เหมือนมันติดตามตัวคุณไปทุกหนทุกแห่งและทุกเวลา นี่คือโอกาสของผมในการแก้ไขสิ่งผิดพลาด” เมื่อต้นปีที่ผ่านมา Zuckerberg ก็ประกาศที่จะปรับหน้าฟีดใหม่ เพื่อลดการเข้าถึงของเพจดังๆ โดยให้เหตุผลว่าอยากให้ผู้คนใช้ Facebook เพื่อติดต่อกับเพื่อนฝูง และคนในครอบครัวเป็นหลัก
แต่เอาเข้าจริง สิ่งที่ปรากฎบนหน้าฟีดกลับเป็นโพสต์ซ้ำๆเดิมๆของคนในครอบครัวและเพื่อน สลับกับโฆษณาหรือเพจที่ยอมจ่ายค่าบูสต์ จนผู้ใช้งานจำนวนหนึ่งเริ่มยอมรับว่า “เอือม” ทุกครั้งที่เข้ามาในโซเชียลเน็ตเวิร์คเบอร์หนึ่งโลก ขณะที่สื่อชั้นนำหลายราย ก็เริ่มแสดงท่าทีต่อต้านนโยบายนี้ ด้วยการถอนตัวจาก Facebook และการใช้ instant article กันไปบ้างแล้ว
ว่ากันตามตรง อาการเบื่อของชาวโซเชียลที่มีต่อ Facebook นั้น ดูจะเกิดขึ้นมาพักใหญ่แล้ว เห็นได้จากรายงานผลประกอบการจากไตรมาสสุดท้ายของปี 2017 เป็นครั้งแรกที่ผู้ใช้งานในแถบสหรัฐอเมริกาและแคนาดา ลดลง คิดเป็นตัวเลขถึงกว่า 1 ล้านคน ขณะที่ตัวเลข active users จำนวน 2.2 พันล้านคน แม้จะดูสวยหรู แต่ในจำนวนนี้ก็นับรวมบัญชีของผู้ใช้ที่ ‘เสียชีวิต’ ไปแล้วด้วย ซึ่งในความเป็นจริง ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่ามีจำนวนเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ เช่นกัน ตามตัวเลขจาก BBC ที่ระบุว่าในช่วง 8 ปีแรกของ Facebook มีบัญชีผู้ใช้ที่เสียชีวิตมากถึงกว่า 30 ล้านราย และทุกวันนี้ก็มีค่าเฉลี่ยถึง 8,000 บัญชีต่อวัน
แน่นอนว่าการถดถอยเพียงเล็กน้อย คงไม่อาจใช้สรุปได้ว่าอวสานของ Facebook จะมาถึงในเร็ววัน ในเมื่อ Instagram โซเชียลมีเดียยอดนิยมของวัยรุ่น ก็อยู่ใต้อาณัติของ Zuckerberg เช่นกัน
ทั้งนี้การสำรวจเป็นสัญญาณเบื้องต้น เพื่อเตือนเจ้าพ่อวงการโซเชียลมีเดีย ว่าควรต้องเร่งปรับปรุงสินค้าเรือธงของตัวเองตั้งแต่วันนี้ ก่อนที่ทุกอย่างจะสายเกินไป
ขอบคุณข้อมูลจาก ahead.asia
- ไม่สามารถใส่ชื่อเว็บไซต์ใด ๆ ก็ตาม ลงในช่องแสดงความคิดเห็น
- ระบบสามารถรับข้อความ ได้สูงสุดเพียง 2,000 ตัวอักษร ต่อหนึ่งครั้ง
- ผู้ดูแลเว็บไซต์ จะลบข้อความที่ไม่เหมาะสม และข้อความโฆษณาสินค้า หรือบริการ