คุก6เดือน ลูกจ้างไปรษณีย์พรหมบุรี ปมซ่อนจดหมาย-พัสดุ200ชิ้น เผาทิ้ง ไม่ยอมส่งให้ผู้รับในพื้นที่





19 ก.ค.62 เว็บไซต์สำนักข่าวอิสรา รายงานว่า บทสรุปคดีอาญา นายวรวุฒิ กันทริกา ลูกจ้างประจำที่ทำการไปรษณีย์พรหมบุรี จังหวัดสิงห์บุรี กัก ยึด ซ่อนเร้น ทำลายหรือทำให้สูญหายซึ่งไปรษณีย์ภัณฑ์ ซึ่ง ถูกคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ลงมติชี้มูลความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 91 ตามพ.ร.บ.ไปรษณีย์ไทย พ.ศ.2477 มาตรา 71 และตาม พ.ร.บ.ฮั้ว มาตรา 11 ไปเมื่อวันที่ 17 ต.ค.2560 ที่ผ่านมา

ก่อนที่ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบภาค 1 จะมีคำพิพากษาว่า นายวรวุฒิ กันทริกา จำเลย มีความผิดตามที่ถูก ป.ป.ช.ชี้มูล ลงโทษบทหนักที่สุด ตามมาตรา 90 จำคุก 1 ปี แต่รับสารภาพลดโทษกึ่งหนึ่งตามมาตรา 78 เหลือจำคุก 6 เดือน ที่สำนักข่าวอิศรา www.isranews.org นำมาเสนอให้สาธารณชนได้รับทราบไปแล้ว (อ่านประกอบ : ศาลฯ สั่งลงโทษหนักคุก1ปี ลูกจ้างปณ.พรหมบุรี ยึดซ่อนเร้นไปรษณีย์ภัณฑ์-สารภาพเหลือ 6 ด.)

ล่าสุด สำนักข่าวอิศรา สืบค้นข้อมูลคำพิพากษาศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบภาค 1 ที่ตัดสินลงโทษ นายวรวุฒิ กันทริกา จำคุก 6 เดือน  พบว่ามีการระบุพฤติการณ์กระทำความผิดไว้ ดังนี้

“จำเลย” หรือ “นายวรวุฒิ กันทริกา” เป็นลูกจ้างประจำของบริษัทไปรษณีย์ไทย จำกัด ปฏิบัติงานในตำแหน่งเจ้าหน้าที่นำจ่าย ประจำแผนกปฏิบัติการที่ทำการไปรษณีย์พรหมบุรี อำเภอพรหมบุรี จังหวัดสิงห์บุรี สังกัดสำนักงานไปรษณีย์เขต 1 และได้รับมอบหมายจากหน้าที่ทำการไปรษณีย์พรมหมบุรี ให้มีอำนาจหน้าที่เป็นพนักงานนำจ่าย ด้านที่ 1 เขตพื้นที่ตำบลบ้านแป้ง หมู่ที่ 1-6  และตำบลบางน้ำเชี่ยว หมู่ที่ 3-5 เตรียมการนำจ่ายไปรษณีย์ธรรมดา ตามวิธีปฏิบัติงานและหน้าที่ที่มอบหมายไว้ในคู่มือคัดเลือกขาเข้าของที่ทำการ, เตรียมการนำจ่ายสิ่งของมีหลักฐานทุกประเภทตามหลักฐานส่งมอบ, จัดทำบัญชีนำจ่ายด้วยระบบ TRACK & TRACE และ ป.303,  ส่งข้อมูลการนำจ่ายด้วยระบบ TRACK & TRACE อย่างช้าภายในเวลา 10.00 นาฬิกาของวันทำการถัดไป, นำหลักฐานการนำจ่ายฯ ผนึกเข้าเล่มให้เรียบร้อยตามระเบียบ, สิ่งของนำจ่ายฯ ที่นำจ่ายไม่ได้หรือไม่หมดในแต่ละวันให้หมายเหตุข้อขัดข้องการนำจ่ายตลอดจนเหตุผลแล้วส่งมอบให้หัวหน้าที่ทำการไปรษณีย์,เป็นคณะกรรมการเปิด-ปิดถุงไปรษณีย์ มีสถานะเป็นพนักงาน ตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดของพนักงานในองค์การหรือหน่วยงานของรัฐพ.ศ. 2500 มาตรา 3 และเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ.2542 มาตรา 4

เมื่อระหว่างเดือนกุมภาพันธ์ 2553 เวลากลางวัน ถึงวันที่ 5 มีนาคม 2553 เวลากลางวัน ต่อเนื่องกัน วันเวลาใดไม่ปรากฏชัด จำเลยซึ่งเป็นลูกจ้างประจำของบริษัทไปรษณีย์ไทย จำกัด เป็นพนักงานในองค์การหรือหน่วยงานของรัฐและเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐ ตามกฎหมายดังกล่าว มีหน้าที่นำจ่ายไปรษณียภัณฑ์ด้านที่ 1 เขตพื้นที่ตำบลบ้านแป้ง หมู่ที่1-6 และตำบลบางน้ำเชี่ยว หมู่ที่ 3-5 ได้ยึดหรือจงใจซ่อนเร้นเก็บหรือกักถุงไปรษณียภัณฑ์ หรือไปรษณียภัณฑ์ในระหว่างส่งทางไปรษณีย์

โดยจำเลยได้รับไปรษณียภัณฑ์โปรโมชั่นสินค้าประจำเดือนของห้างแมคโคร, ไปรษณียภัณฑ์ที่ฝากส่งของ บริษัท เทสโก้โลตัส (เกี่ยวกับคูปองเงินสดคลับการ์ด) จดหมาย และไปรษณียภัณฑ์อื่นอีกหลายรายการรวมจำนวน 200 ชิ้น จากที่ทำการไปรษณีย์พรหมบุรี เพื่อนำจ่ายให้แก่ผู้รับตามจ่าหน้าในเขตพื้นที่รับผิดชอบของจำเลย แต่จำเลยไม่ได้นำส่งไปรษณียภัณฑ์ทั้งหมดดังกล่าวให้กับผู้รับจ่าหน้า

ต่อมา หัวหน้าที่ทำการไปรษณีย์พรหมบุรี ซึ่งเป็นผู้บังคับบัญชาของจำเลยได้ไปที่บ้านพักของจำเลยเพื่อตรวจสอบข้อเท็จจริงจากการที่มีผู้ร้องเรียน เรื่องการนำจ่ายไปรษณีย์ในพื้นที่ไปรษณีย์พรหมบุรีไม่ถึงผู้รับปลายทาง

พบว่า จำเลยได้นำไปรษณียภัณฑ์ทั้งหมดดังกล่าว จำนวน 200 ชิ้น ที่รับจากที่ทำการไปรษณีย์พรหมบุรี เพื่อนำจ่ายให้แก่ผู้รับตามจ่าหน้าในเขตพื้นที่รับผิดชอบของจำเลยไปเก็บไว้ที่ห้องพักของจำเลย โดยจำเลยไม่ได้นำส่งไปรษณียภัณฑ์ให้กับผู้รับตามจ่าหน้า และหัวหน้าที่ทำการไปรษณีย์พรหมบุรีซึ่งเป็นเจ้าพนักงานได้ร้องขอให้จำเลยนำไปรษณียภัณฑ์ทั้งหมดดังกล่าวไปไว้ที่ที่ทำการไปรษณีย์พรหมบุรี

จำเลยยังละเลยไม่ยอมมอบถุงไปรษณีย์ หรือไปรษณียภัณฑ์อันควรมอบให้แก่หัวหน้าที่ทำการไปรษณีย์พรหมบุรี และที่ทำการไปรษณีย์พรหมบุรี แต่กลับนำไปรษณียภัณฑ์ทั้งหมดดังกล่าวไปเผาทำลายเสีย

การกระทำของจำเลยดังกล่าว ได้กระทำการฐานเป็นพนักงานปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ เพื่อให้เกิดความเสียหายแก่บริษัทไปรษณีย์ไทย จำกัดและผู้หนึ่งผู้ใด

เหตุเกิดที่ตำบลพรหมบุรี ตำบลบ้านแป้ง และตำบลบางน้ำเชี่ยว อำเภอพรหมบุรี จังหวัดสิงห์บุรี เกี่ยวพันกัน

ศาลฯ พิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามพระราชบัญญัติไปรษณีย์ พ.ศ.2477 มาตรา 71 พระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดของพนักงานในองค์การหรือหน่วยงานของรัฐ พ.ศ.2502  มาตรา 11 เป็นการกระทำกรรมเดียวเป็นความผิดต่อกฎหมายหลายบทหลงโทษตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดของพนักงานในองค์การหรือหน่วยงานของรัฐ พ.ศ.2500 มาตรา 11 ซึ่งเป็นกฎหมายบทที่มีโทษหนักที่สุดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 90  จำคุก 1 ปี จำเลยให้การรับสารภาพ เป็นประโยชน์แก่การพิจารณามีเหตุบรรเทาโทษลดโทษให้กึ่งหนึ่งตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78  คงจำคุก 6  เดือน

เบื้องต้น คณะกรรมการ ป.ป.ช. มีมติเห็นควรอุทธรณ์คำพิพากษาของศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบภาค 1 

อย่างไรก็ดี อัยการสูงสุด (อสส.) พิจารณาแล้วเห็นว่า การที่จำเลยซึ่งเป็นลูกจ้างประจำของบริษัท ไปรษณีย์ไทย จำกัด ได้รับไปรษณียภัณฑ์จากที่ทำการไปรษณีย์พรหมบุรีแล้ว ไม่นำส่งให้แก่ผู้รับจ่าหน้า และละเลยไม่มอบถุงไปรษณียภัณฑ์ให้แก่หัวหน้าที่ทำการไปรษณีย์พรหมบุรี และที่ทำการไปรษณีย์พรหมบุรี ตามคำร้องขอของหัวหน้าที่ทำการไปรษณีย์พรหมบุรี ซึ่งเป็นผู้บังคับบัญชาของจำเลย

แต่กลับนำไปรษณียภัณฑ์ทั้งหมดไปเผาทำลาย ถือเป็นการปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ โดยมีเจตนาทุจริตเพื่อให้เกิดความเสียหายแก่บริษัทไปรษณีย์ไทยจำกัดและผู้หนึ่งผู้ใดแต่อย่างเดียว

การกระทำของจำเลย ตามฟ้องโจทก์ จึงเป็นกรรมเดียวเป็นความผิดต่อกฎหมายหลายบท ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 90  ตามที่ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบภาค 1 ได้วินิจฉัยไปแล้ว

จึงเห็นควรไม่อุทธรณ์คำพิพากษาของศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบภาค 1  ตามที่ คณะกรรมการ ป.ป.ช.ร้องขอมา

ข่าวจาก สำนักข่าวอิศรา
หมายเหตุ : ภาพประกอบข่าวจาก ผู้จัดการ เป็นเพียงภาพประกอบข่าว ไม่เกี่ยวกับเนื้อหาแต่อย่างใด

เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ๆ
- ไม่สามารถ copy ข้อความจากที่อื่น แล้วนำมา paste ในช่องแสดงความคิดเห็น
- ไม่สามารถใส่ชื่อเว็บไซต์ใด ๆ ก็ตาม ลงในช่องแสดงความคิดเห็น
- ระบบสามารถรับข้อความ ได้สูงสุดเพียง 2,000 ตัวอักษร ต่อหนึ่งครั้ง
- ผู้ดูแลเว็บไซต์ จะลบข้อความที่ไม่เหมาะสม และข้อความโฆษณาสินค้า หรือบริการ
error: