วันที่ 22 มี.ค. วจนา วรรลยางกูร หรือเตย ลูกสาวของ วัฒน์ วรรลยางกูร กวีและนักเขียนเจ้าของรางวัลศรีบูรพา ซึ่งปัจจุบันลี้ภัยอยู่ที่ฝรั่งเศส เนื่องจากถูกดำเนินคดีด้วยกฎหมายอาญามาตรา 112 โพสต์ข้อความผ่านทางเฟซบุ๊ก ระบุว่า คุณพ่อวัฒน์ วรรลยางกูร จากไปแล้วราวช่วงสามทุ่มครึ่งตามเวลาในฝรั่งเศส หลังจากป่วยหนัก
สำหรับประวัติ วัฒน์ วรรลยางกูร
วัฒน์ วรรลยางกูร เกิดวันที่ 12 มกราคม 2498 เป็นนักเขียนชาวไทย ที่ปรึกษาสมาคมนักกลอนแห่งประเทศไทยและสมาชิกสมาคมนักประชาธิปไตยชาวไทยไร้พรมแดน เกิดที่ตำบลตะลุง อำเภอเมืองลพบุรี จังหวัดลพบุรี เป็นบุตร นายวิรัตน์ วรรลยางกูร และ นางบุญส่ง วรรลยางกูร เขาสมรสกับนาง อัศนา วรรลยางกูร มีบุตร 3 คน
การศึกษา
พ.ศ.2505 ชั้นประถมปีที่ 1 ที่โรงเรียนประชาบาลวัดดาวเรือง ปทุมธานี
พ.ศ.2508 ชั้นประถมปีที่ 5 ศึกษาต่อชั้นมัธยมศึกษาตอนต้นที่โรงเรียนวินิตศึกษา ในพระราชูปถัมภ์ฯ ลพบุรี
พ.ศ.2514 เข้าเรียนชั้นมัธยมศึกษาตอนปลายที่โรงเรียนพิบูลวิทยาลัย จังหวัดลพบุรี โดยไปเป็นเด็กวัดอยู่ในเมืองลพบุรี สอบตกชั้นม.ศ.5 เพราะกำลังเริ่มสนใจการประพันธ์อย่างจริงจัง จนต้องเรียนซ้ำชั้น แต่สอบเทียบได้จึงเลิกเรียนและเข้ากรุงเทพฯ
ต้นปี 2517 สมัครเรียนที่คณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยรามคำแหง แต่เรียนอยู่เพียง 2 เดือน ก็เลิกแล้วหันไปทำงานด้านหนังสือพิมพ์จริงจัง
พ.ศ.2546 ได้รับปริญญาศิลปศาสตรมหาบัณฑิตกิตติมศักดิ์ สาขาภาษาไทย จากมหาวิทยาลัยราชภัฏกาญจนบุรี
เส้นทางนักกวี
วัฒน์อ่านหนังสือตั้งแต่เด็กเพราะใกล้ชิดกับตาและพ่อที่เป็นนักอ่านหนังสือ เมื่อเรียนชั้นประถม 7 เริ่มแต่งกลอนรักให้เพื่อนนักเรียนหญิง ต่อมาได้ออกหนังสือให้เพื่อนร่วมชั้นเรียนอ่าน อีกทั้งยังเขียนเรื่องสั้นลงหนังสือโรเนียวของโรงเรียนโดยใช้นามปากกา “วัฒนู บ้านทุ่ง” พร้อมกันนั้นยังได้ส่งผลงานกลอนและเรื่องสั้นไปยังนิตยสารต่าง ๆ
ผลงานแรกที่ได้รับการตีพิมพ์ ได้แก่ เรื่องสั้นชื่อ “คนหากิน” ต่อมาผลงานกลอนที่ส่งประกวดก็ได้รับการตีพิมพ์ในนิตยสารชัยพฤกษ์ ก่อนที่เรื่องสั้นชื่อ “มุมหนึ่งของเมืองไทย” จะได้ลงพิมพ์ในนิตยสาร ฟ้าเมืองไทย
หลังจากนั้น มีผลงานกลอนและเรื่องสั้นเผยแพร่ตามนิตยสารต่าง ๆ มากขึ้นในนาม “วัฒน์ วรรลยางกูร” ระหว่างเรียนมหาวิทยาลัยรามคำแหง ได้รู้จักนักเขียนนักกิจกรรมหลายคน กระทั่งปี 2517 ได้ฝึกฝนเขียนข่าว บทความ สารคดี เรื่องสั้นและนวนิยาย มีคอลัมน์ประจำชื่อ “ช่อมะกอก” ใช้นามปากกา “ชื่นชอบ ชายบ่าด้าน” ซึ่งสุดท้ายกลายเป็นนวนิยายเรื่อง “ตำบลช่อมะกอก” ในที่สุด
นอกจากนี้ยังมีผลงานเรื่องสั้นและบทกวีพิมพ์ต่อเนื่องอีก 2 เล่มคือ “นกพิราบสีขาว” (2518) และ “กลั่นจากสายเลือด” (2519) ที่สำคัญเขายังเป็นที่รู้จักของคนหนุ่มสาวเดือนตุลาอย่างกว้างขวาง
วัฒน์ หลังเหตุการณ์ 6 ตุลา
หลังเหตุการณ์ 6 ตุลา วัฒน์ที่ร่วมชุมนุมในมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ต้องลี้ภัยเข้าป่า ช่วงนั้นเขามีโอกาสเขียนเรื่องสั้น บทกวี และนวนิยายมากมาย มีผลงานรวมเล่มออกมา 3 เล่ม คือ รวมเรื่องสั้นและบทกวี 2 เล่ม คือ “ข้าวแค้น” (2522) กับ “น้ำผึ้งไพร” (2523) ส่วนเล่มที่ 3 เป็นนวนิยายชื่อ “ด้วยรักแห่งอุดมการณ์” (2524)
ปี 2524 หลังจากสถานการณ์ทางการเมืองคลี่คลาย วัฒน์กลับมาใช้ชีวิตนักเขียนทำงานหนังสือพิมพ์มาตุภูมิ ไฮคลาส และถนนหนังสือ ก่อนลาออกมาเป็นนักเขียนอิสระเต็มตัว เขียนนวนิยายเรื่อง “คือรักและหวัง” และ “จิ้งหรีดกับดวงดาว” ตีพิมพ์ในนิตยสารลลนา รายปักษ์
รวมถึงอีกหลาย ๆ เรื่อง เช่น บนเส้นลวด มนต์รักทรานซิสเตอร์ เทวีกองขยะ นอกจากนี้ ยังมีผลงานเรื่องสั้น สารคดี และบทสัมภาษณ์ตีพิมพ์ในนิตยสารต่าง ๆ อีกมาก
ปี 2525 เรื่องสั้นชื่อ ความฝันวันประหาร ได้รับการเลือกสรรจากสมาคมภาษาและหนังสือแห่งประเทศไทย ให้เป็นเรื่องสั้นดีเด่นประจำปี
หลังจากนั้นจึงเบนเข็มไปทำธุรกิจค้าวัสดุก่อสร้างกับภรรยาที่จังหวัดกาญจนบุรี ก่อนกลับไปทำงานนิตยสารอีกครั้ง เป็นคอลัมนิสต์หนังสือพิมพ์ผู้จัดการรายวัน และบรรณาธิการบริหารนิตยสาร Good Life
ปี 2550 กองทุนศรีบูรพามอบรางวัลนักเขียนรางวัลศรีบูรพาให้กับวัฒน์
ที่มาประวัติ : ประชาชาติ
- ไม่สามารถใส่ชื่อเว็บไซต์ใด ๆ ก็ตาม ลงในช่องแสดงความคิดเห็น
- ระบบสามารถรับข้อความ ได้สูงสุดเพียง 2,000 ตัวอักษร ต่อหนึ่งครั้ง
- ผู้ดูแลเว็บไซต์ จะลบข้อความที่ไม่เหมาะสม และข้อความโฆษณาสินค้า หรือบริการ