ใจหายว้าบ!! หนุ่มพบวัตถุต้องสงสัยใต้ท้องรถ ที่แท้เมียติดGPSเอง!!
ทั่วไป, บทความทั่วไป




 

หนุ่มแจ้งหน่วยเก็บกู้วัตถุระเบิด หลังพบวัตถุต้องสงสัยใต้ท้องรถ แต่ที่แท้วัตถุนั้นคือเครื่องติดตามตัว คาดว่าภรรยาเจ้าของรถเป็นคนติด

วันที่ 27 ก.พ. 61 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในโลกโซเชียลได้เกิดกระแสฮือฮาขึ้น โดยเฉพาะเหล่าพ่อบ้านใจกล้าทั้งหลาย ที่เห็นเรื่องนี้แล้วมีรู้สึกเสียวสันหลังกันวาบๆ เมื่อเฟซบุ๊กแฟนเพจ “Volvo Car and Travel” ได้นำภาพรถที่มีเจ้าหน้าที่หน่วยทำลายล้างวัตถุระเบิด (EOD) กำลังตรวจสอบใต้ท้องรถด้วยความระทึก แต่มาโป๊ะแตกตรงข้อความที่ระบุว่า

“ไม่รู้ว่าตอนนี้เจ้าของรถจะเป็นไงบ้าง เจ้าของรถพบวัตถุต้องสงสัยติดใต้ท้องรถ จึงแจ้งตำรวจ ส่งชุด EOD เข้าตรวจสอบ พบเป็นระบบติดตามตัว คาดภรรยาเป็นคนติดรถสามีเอง”

ภายหลังจากภาพและเรื่องราวดังกล่าวเผยแพร่ออกไป ชาวโซเชียลต่างก็เข้ามาแชร์กันไปพันกว่าครั้ง พร้อมแสดงความคิดเห็นกันต่างๆ นานา โดยมากจะแซวไปในทางตลกขบขัน

 

 

 

 

ขอบคุณภาพจาก : Volvo Car and Travel

 

Tag ที่เกี่ยวข้อง

เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ๆ
- ไม่สามารถ copy ข้อความจากที่อื่น แล้วนำมา paste ในช่องแสดงความคิดเห็น
- ไม่สามารถใส่ชื่อเว็บไซต์ใด ๆ ก็ตาม ลงในช่องแสดงความคิดเห็น
- ระบบสามารถรับข้อความ ได้สูงสุดเพียง 2,000 ตัวอักษร ต่อหนึ่งครั้ง
- ผู้ดูแลเว็บไซต์ จะลบข้อความที่ไม่เหมาะสม และข้อความโฆษณาสินค้า หรือบริการ

เรื่องที่คุณอาจสนใจ

ขึ้นค่าแรงทั่วไทยล่ม! บอร์ดไตรภาคีขึ้น400 แค่ 4 จังหวัด 1 อำเภอ

Advertisement เมื่อเวลา 13.00 น. วันที่ 23 ธันวาคม ที่กระทรวงแรงงาน นายบุญสงค์ ทัพชัยยุทธ์ ปลัดกระทรวงแรงงาน ในฐานะประธานคณะกรรมการค่าจ้าง (บอร์ดค่าจ้าง) ชุดที่ 22 เป็นประธานการประชุมบอร์ดค่าจ้าง ครั้งที่ 11/2567 เพื่อพิจารณาปรับขึ้นอัตราค่าจ้างขั้นต่ำตามนโยบายรัฐบาล ที่ตั้งเป้าประกาศในอัตรา 400 บาททั่วประเทศ เพื่อเป็นของขวัญปีใหม่ให้กับผู้ใช้แรงงาน ปรากฏว่าการประชุมในครั้งนี้ กรรมการไตรภาคี ประกอบด้วย ฝ่ายรัฐ จำนวน 5 คน, ฝ่ายนายจ้าง จำนวน 5 คน และฝ่ายลูกจ้าง จำนวน 5 คน รวม 15 คน เข้าร่วมครบองค์ประชุม ใช้เวลาหารือนานกว่า 5 ชั่วโมง Advertisement นายบุญสงค์ แถลงผลการประชุมว่า บอร์ดค่าจ้าง คณะกรรมการค่าจ้างชุดที่ 22 ได้มีมติในการประชุมครั้งที่ 11/2567 ในวันที่ 23 […]

arar

23 December 2567

ปรับแล้ว1,500 เก๋งติดไฟ-จมูกกวาง ขับรถฉลองคริสต์มาส

Advertisement ผู้ใช้ติ๊กต็อกรายหนึ่ง ออกมาทำคลิปวิดีโอ ตกแต่งรถด้วยไฟหลากสี ขับไปทั่วท้องถนน ทำเอาโลกโซเชียลแห่สงสัย แต่งรถติดไฟหลากสี-ติดเขากวางเรนเดียร์ จนหลายคนตั้งคำถามว่าทำได้หรือไม่ Advertisement ความคืบหน้า เมื่อเวลา 13.00 น. วันที่ 23 ธันวาคม ตำรวจตรวจสอบกรณีดังกล่าวจนทราบว่า ผู้ขับขี่รถยนต์ คือนายสุภัทธะ (สงวนนามสกุล) อายุ 29 ปี หลังเมื่อวันที่ 30 พ.ย. 2567 มีการเผยแพร่ใน สื่อสังคมออนไลน์  โดยมีผู้ใช้งานติ๊กต็อก ได้ถ่ายคลิปรถยนต์ประดับตกแต่งด้วยเขากวางเรนเดียร์ จมูกกวางเรนเดียร์ และไฟระยิบระยับ ขับอยู่บนถนนวิภาวดีรังสิต และบนยกระดับโทลเวย์นั้น เจ้าหน้าที่ตำรวจงานศูนย์ควบคุมจราจรวิภาวดีรังสิตจึงได้ตรวจสอบพบว่า คลิปที่เผยแพร่อยู่บนสื่อ สังคมออนไลน์ มียอดคนดูจำนวนกว่า 12 ล้านวิว ยอดแชร์กว่า 2 แสนครั้ง จนกระทั่งทราบผู้ขับขี่และรถยนต์คันดังกล่าว จึงได้เชิญผู้ขับขี่ มาเพื่อดำเนินการตามกฎหมาย Advertisement     นายสุภัทธะกล่าวว่า ได้ดำเนินการประดับไฟคริสต์มาสเพื่อให้เข้ากับช่วงเทศกาลคริสต์มาสกับกลุ่มเพื่อน และเนื่องจากประกอบอาชีพเป็นคนขับรถส่งผู้โดยสารจะได้เป็นการดึงดูดลูกค้าในการขึ้นรถ พร้อมกันนี้ เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้เตือนนายสุภัทธะว่า […]

arar

23 December 2567

คลังเล็งขายหวยการกุศล หาเงินหมื่นล้าน ส่งเด็กไทยไปเรียนนอก

Advertisement 23 ธ.ค. 2567 นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รมช.การคลัง เปิดเผยว่า กระทรวงการคลังเตรียมเสนอที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) พิจารณาโครงการสลากการกุศลชุดใหม่ วงเงิน 10,000 ล้านบาท ระยะเวลา 2 ปี จำนวน 11 ล้านฉบับ ซึ่งจะอยู่ในโควตาสลากปัจจุบันที่มีการพิมพ์ 100 ล้านใบ โดยเป้าหมายหลักจะนำเงินไปสนับสนุนเป็นทุนการศึกษาสำหรับเด็กและเยาวชน ในโครงการหนึ่งอำเภอหนึ่งทุน (ODOS) รวมถึงนำเงินไปใช้ในภารกิจด้านโครงสร้างพื้นฐานอื่น ๆ ที่เป็นประโยชน์กับประเทศ เช่น ภารกิจด้านสาธารณสุขที่เคยดำเนินการในช่วงก่อนหน้า ก็ยังสามารถนำเงินในส่วนนี้ไปดำเนินการต่อได้ด้วย Advertisement ทั้งนี้ รมช.การคลัง ระบุว่า ยอมรับว่าโครงการ ODOS เป็นหนึ่งในโครงการที่เคยดำเนินการในยุครัฐบาลนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี และการนำโครงการดังกล่าวกลับมาดำเนินการอีกครั้ง ก็ไม่ได้รู้สึกกังวลว่าจะมีข้อครหาว่าเดินตามนโยบายเดิมของนายทักษิณแต่อย่างใด เพราะรัฐบาลมองว่าหากเป็นนโยบายหรือโครงการที่ดี ก็พร้อมที่จะนำกลับมาดำเนินการ เนื่องจากรัฐบาลยึดประโยชน์ของประเทศชาติและประชาชนเป็นหลัก ดังนั้นหากสุดท้ายแล้วพิจารณาว่านโยบายหรือโครงการนั้น ๆ เป็นเรื่องที่เป็นประโยชน์ ก็พร้อมจะดำเนินการ Advertisement “ไม่ได้กังวล ไม่เคยรู้สึกอะไรเลยว่าการนำโครงการนี้กลับมาจะเป็นการเดินตามนโยบายเดิมของใคร เพราะเรามองว่าหากเป็นเรื่องที่มีประโยชน์ เป็นเรื่องดีเราก็พร้อมจะทำ […]

arar

23 December 2567
error: