ศาลอนุญาตให้ประกันตัวแม่เลี้ยง และ พ่อแท้ๆใจโหด ที่ทำร้ายร่างกาย เด็กชายอายุ 14 ปี โดยใช้วงเงินประกันตัวคนละ 1 แสนบาท
จากกรณี ด.ช.วัย 14 ชั้น ม.2 โรงเรียนแห่งหนึ่งใน จ.ปทุมธานี ถูกพ่อแท้ๆและแม่เลี้ยง ทำร้ายร่างกายอย่างทารุณ จนมีบาดแผลเต็มตัว ตั้งแต่ศีรษะไปจนถึงเท้าทั้ง 2 ข้าง ก่อนจะทนไม่ไหวโทรมาหาแม่เพื่อขอความช่วยเหลือ โดยปั่นจักรยานจาก ปทุมธานี 3 ชั่วโมง ไปถึงอนุสาวรีย์ชัย เพื่อให้แม่มารับตัวไปอยู่ด้วยที่ จ.ระยอง
ต่อมาเมื่อวันที่ 16 ต.ค. เจ้าหน้าที่ตำรวจจับกุมตัว น.ส.นรินทร แขกกาฬ (แม่เลี้ยง) และ อัครเศรษฐ์พร เชิญสุวรรณรัตน์ (พ่อแท้ๆ) ที่ทำร้าย ด.ช.วัย 14 ปี ได้และอยู่ในระหว่างสอบสวน โดยยังไม่อนุญาตให้ประกันตัว เนื่องจากการสอบสวนยังไม่เรียบร้อย
ล่าสุดเมื่อเวลา 13.00 น. วันที่ 18 ต.ค. ที่ศาลจังหวัดธัญบุรี หลังจากที่พนักงานสอบสวนได้ส่งตัว นางสาวนรินทร และ นาย อัครเศรษฐ์พร ที่ทำร้าย ด.ช.วัย 14 ปี ไปฝากขังที่ศาลจังหวัดธัญบุรีเป็นผลัดแรกนั้น
ทางศาลพิจารณาคดีให้อนุญาตให้ประกันตัวทั้ง 2 คน โดยใช้หลักทรัพย์การประกันตัวคนละ 1 แสนบาท ส่วนเด็กที่ถูกทำร้าย เจ้าหน้าที่พัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ จ.ระยอง จะรับไปดูแลหลังจากพนักงานสอบสวน สภ.คลองหลวง สอบปากคำเสร็จแล้ว
วันที่ 18 ต.ค. 61 ทีมข่าวเดินทางมาที่โครงการบ้านเอื้ออาทร ที่ ด.ช.โอม อาศัยอยู่กับพ่อและแม่เลี้ยง โดยห้องยังคงปิดเงียบ ด้านหน้าล็อก แต่พบสิ่งของวางอยู่ด้านหน้าห้องเช่นเดิม ทั้งชั้นวางรองเท้า รองเท้าหลาย 10 คู่ โดย นางแอน (นามสมมติ) เพื่อนบ้าน ที่อาศัยอยู่ชั้นเดียวกันกับห้องที่เกิดเหตุ ให้ข้อมูลว่า หลังเกิดเรื่อง ตนไม่เห็นผู้ที่พักอาศัยอยู่ในห้องดังกล่าวกลับมา ทั้งนี้ ที่ผ่านมาไม่เคยทราบว่ามีเหตุการณ์ตามที่เป็นข่าวนำเสนอ จนกระทั่งหลังมีข่าว มีเจ้าหน้าที่ตำรวจมาสอบถาม โดยช่วงที่ตนกลับมาจากที่ทำงาน ประมาณ 02.00 น. ตนเคยเห็น ด.ช.โอม นั่งอยู่ที่ชั้น 1 ของอาคาร ลักษณะร่างกายมีรอยแผล ปากแตก อยู่บ่อยครั้ง ตอนนั้นคิดเพียงว่าเด็กอาจไปมีเรื่องชกต่อยกับเพื่อนมา ซึ่งตนก็ไม่เคยถามว่าเด็กไปโดนอะไรมา บางครั้งก็เห็นนั่งร้องไห้อยู่เพียงลำพัง คล้ายกับว่ารอเข้าห้องพัก โดยที่ผ่านมาก็ต่างคนต่างอยู่ไม่เคยทักทายกัน
น้องโอม อายุ 14 ปี
ทั้งนี้ ตนเคยถามเด็กว่า “รอใคร ไม่ขึ้นห้อง” เด็กก็ไม่ตอบ ส่วนตัวเห็นเด็กร่าเริงดี แต่ไม่มีเพื่อนในละแวก จะอยู่ลำพัง นั่งเล่นโทรศัพท์ ทั้งนี้ เด็กอยู่หน้าห้องแล้วเห็นคนอื่นในตึก จะมีอาการคล้ายกับกลัวคน และจะวิ่งเข้าห้องทันที
นางแอน ระบุว่า ครอบครัวนี้เพิ่งย้ายเข้ามาอยู่ได้ 4-5 เดือน ที่ผ่านมาไม่เคยได้ยินเสียงผู้ใหญ่ดุด่าเด็กหรือการทำร้ายร่างกาย ก็ไม่เคยเห็น เคยได้ยินเพียงเสียงคล้ายกับของในห้องหล่น เสียงดังโครม โดยเฉพาะช่วงหลัง ๆ ได้ยินประมาณ 3 รอบ แต่ไม่ได้ยินเสียงเด็ก
อย่างไรก็ตาม ทีมข่าวสอบถามชาวบ้านอีกหลายคน ที่เพิ่งกลับมาจากที่ทำงาน ต่างก็ระบุว่าไม่เคยเห็นครอบครัวนี้ทำร้ายเด็ก อีกทั้งไม่ทราบมาก่อนว่ามีเรื่องเช่นนี้เกิดขึ้น
พระชยพุฒโฑ ปู่ของน้องโอม อายุ 14 ปี
ด้านพระชยพุฒโฑ ปู่ของน้องโอม เปิดเผยว่า ตลอดเวลาที่ผ่านมา แม่เลี้ยงมักจะมีอาการคล้ายคนของขึ้น บ้างก็อ้างว่ามีเด็กเข้า องค์ลง แต่มองว่าการที่องค์ลงนั้น ต้องไม่ลงมาทำร้ายหรือสร้างความให้คนอื่น และไม่ใช้อำนาจบีบบังคับข่มเหง แต่กลายเป็นคนที่พูดอะไรต้องมีคนฟัง ทั้งการขู่ฆ่าและทำร้ายร่างกาย ซึ่งเรื่ององค์ลงหรืออะไรก็ตามที่ผ่านร่างของแม่เลี้ยง โดยส่วนตัวไม่เชื่อ จึงทำให้กระทบกระทั่งและถกเถียงกันในเรื่องความเชื่อดังกล่าว ทั้งนี้ เคยเห็นด้วยว่าแม่เลี้ยงใช้ธูปทั้งกำยัดปากหลานด้วย
ภาพจำลองเหตุการณ์ แม่เลี้ยงทำร้ายร่างกายน้องโอม
พระชยพุฒโฑ เล่าว่า มีครั้งหนึ่งขณะที่กำลังถกเถียงกันอยู่ แม่เลี้ยงถือไม้ทรงเหลี่ยมไม่ยาวมากนัก จังหวะที่มีปากเสียงกัน จนกระทั่งอาตมาจะเดินไปหาภรรยา ตอนที่ภรรยา (ย่าของน้องโอม) ยังไม่เสียชีวิต แต่แม่เลี้ยงกีดขวางทางไม่ให้ไป จากนั้นก็ผลักกันไปมา แม่เลี้ยงก็ใช้ไม้ที่ถืออยู่ฟาดจนถูกข้อมือ จากที่จะถูกที่ศีรษะ จนกระทั่งบวมถึงทุกวันนี้ อาตมาจึงไม่กล้ามีปัญหาเกรงว่าจะถูกทำร้ายร่างกาย เพราะชะตากรรมไม่แตกต่างจากน้องโอม ส่วนภรรยาของอาตมาก็ถูกด่าทอเป็นประจำ แต่ทุกคนต้องยอมอยู่ใต้อำนาจของแม่เลี้ยง เพราะไม่มีที่ไป ส่วนตัวเองก็อดทนอยู่เพื่อภรรยา เพื่อลูกชายและหลานชาย
นอกจากนี้ อาตมาอยากขอดูแลหลานชายอีกครั้ง อยากเจอหลานชาย อยากให้มาบวชใต้ร่มผ้าเหลือง และอยู่กับปู่ ให้ปู่ดูแลอย่างดีอีกครั้ง ขอแก้ไขที่ผ่านมา ที่ไม่สามารถดูแลปกป้องหลานได้ ทั้งที่อยากช่วยแทบขาดใจ แต่ไม่กล้า
ด้าน นางนฤกมลวรรณ ฉาบพลอย แม่ของน้องโอม เปิดเผยว่า ยังไม่ได้มีการติดต่อพูดคุยกับพระชยพุฒโฑ แต่พอรับรู้มาบ้างว่าปู่กับย่าก็ถูกแม่เลี้ยงกระทำไม่ดีเช่นกัน นอกจากนี้ จากเดิมที่ตนป่วย พอทราบข่าวลูกถูกทารุณ อาการป่วยทรุดลง นอนไม่หลับมาหลายคืน ช้ำใจที่เห็นลูกเจ็บอย่างทรมาน ซึ่งจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ตนไม่ได้รู้สึกโกรธเคืองปู่แต่อย่างใด เพียงแต่น้อยใจว่าทำไมปล่อยหลานถูกทำร้ายมาหลายปี ไม่ช่วย ไม่ดูแลหลานแท้ ๆ จากน้ำมือแม่เลี้ยงใจร้าย ในระหว่างนี้ ตนอยู่ในช่วงจัดเตรียมเอกสารเพื่อรับตัวลูกกลับไปอยู่ที่ จ.ระยอง ด้วย ส่วนกรณีที่ปู่ต้องการขอตัวหลานไปบวชที่วัดด้วยนั้น ตนไม่ยอมให้ไปไหนไกลสายตาอีก หากลูกต้องการบวช ตนจะให้บวชที่วัดใกล้บ้าน ไม่ให้ห่างจากการดูแล และยืนยันว่าไม่ว่าเป็นตายร้ายดี ยากดีมีจน ตนจะเป็นคนดูแลลูกเอง
นอกจากนี้ นางนฤกมลวรรณ กล่าวว่า ตนแยกทางกับสามีมากว่า 10 ปีแล้ว ที่ผ่านมาปู่มีนิสัยใจคอที่ดี พูดจาดี และปกติจะเป็นคนรักหลานมาก แต่ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น ทำไมถึงไม่สามารถปกป้องหลานได้ ส่วนที่มีข่าวออกมาว่า สามีอาจจะถูกของเข้าหรือไม่นั้น ตนไม่เชื่อ แต่ก็ยอมรับว่าสามีมีพฤติกรรม ท่าทางที่เปลี่ยนไปมาก ทั้งเรื่องการพูดจา อารมณ์ ต่างจากตอนที่ยังเป็นสามีภรรยากัน
ข่าวจาก : ข่าวสดออนไลน์, อัมรินทร์ทีวี
- ไม่สามารถใส่ชื่อเว็บไซต์ใด ๆ ก็ตาม ลงในช่องแสดงความคิดเห็น
- ระบบสามารถรับข้อความ ได้สูงสุดเพียง 2,000 ตัวอักษร ต่อหนึ่งครั้ง
- ผู้ดูแลเว็บไซต์ จะลบข้อความที่ไม่เหมาะสม และข้อความโฆษณาสินค้า หรือบริการ