ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง พิพากษายกฟ้อง นายพานทองแท้ ชินวัตร หรือโอ๊ค บุตรชายคนโตของนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนนตรี คดีฟอกเงินธนาคารกรุงไทย
เวลา 10.40 น. ศาลอาญาคดีทุจริตฯ อ่านคำพิพากษาโดยใช้เวลาไม่ถึง 1 ชั่วโมง สาระสำคัญของคำพิพากษาศาลระบุตอนหนึ่งว่า เงินจำนวน 10 ล้านบาทที่จำเลยได้รับจากนายวิชัย กฤษดาธานนท์ อดีตผู้บริหารกฤษดามหานคร ถือเป็น “ทรัพย์สินที่ได้จากการกระทำผิด” ตามมูลฐานความผิดของพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) ป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน พ.ศ. 2542 ไม่ใช่ “เงินบริสุทธิ์” ตามที่จำเลยยกมาต่อสู้
ส่วนที่โจทก์อ้างว่านายวิชัยได้รับเงินทุจริตปล่อยกู้ธนาคารกรุงไทย ในช่วงที่นายทักษิณ ชินวัตร เป็นนายกฯ โดยที่นายพานทองแท้ก็สนิทสนมกับนายรัชฎา กฤษดาธานนท์ บุตรชายของนายวิชัยนั้น ศาลเห็นว่า ไม่ปรากฏความสัมพันธ์ที่แน่นหนา
นอกจากนี้เงินจำนวน 10 ล้านบาทซึ่งจำเลยได้รับระหว่างปี 2546-2546 ถือเป็นจำนวนเพียงเล็กน้อย หากเทียบกับหุ้นบริษัทต่าง ๆ ที่อยู่ในครอบครองของนายพานทองแท้ ณ เวลานั้น ซึงมีมูลค่า 4,000 ล้านบาท หรือคิดเป็นเพียง 0.0025% หรือถ้าเทียบกับเงินที่นายวิชัยได้รับการอนุมัติสินเชื่อจากธนาคารกรุงไทย 10,400 บาท ก็คิดเป็นเพียง 0.001%
พยานหลักฐานที่อ้างมายังฟังไม่ได้ว่าจำเลยกระทำผิดตามฟ้อง จึงพิพากษา “ยกฟ้อง”
ภายหลังฟังคำพิพากษา นายพานทองแท้กล่าวเพียงว่า “สบายใจ” แต่ไม่ให้สัมภาษณ์สื่อ
วันนี้ คุณหญิงพจมาน ณ ป้อมเพชร์ มารดา, เอม พินทองทา คุณากรวงศ์ และ อุ๊งอิ๊ง แพทองธาร ชินวัตร น้องสาว รวมถึงเพื่อน ๆ และนักการเมืองสังกัดพรรคเพื่อไทย (พท.) มาให้กำลังใจด้วย
คดีนี้พนักงานอัยการฝ่ายคดีพิเศษ 4 เป็นโจทก์ยื่นฟ้องนายพานทองแท้ ในความผิดฐานร่วมกันฟอกเงินและสมคบคบกันฟอกเงินพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) ป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน พ.ศ. 2542 มาตรา 5, 9, 60 และ พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ฉบับที่ 5) พ.ศ. 2558 มาตรา 10 ประกอบประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83 และ 91 หลังมีชื่อของบุตรชายนายกฯ คนที่ 23 ปรากฏเป็นผู้รับเช็คจำนวน 10 ล้านบาท ซึ่งเชื่อว่าเป็นเงินที่เกี่ยวข้องกับการทุจริตปล่อยกู้ธนาคารกรุงไทยฯ ให้กับกลุ่มกฤษดามหานคร
- ไม่สามารถใส่ชื่อเว็บไซต์ใด ๆ ก็ตาม ลงในช่องแสดงความคิดเห็น
- ระบบสามารถรับข้อความ ได้สูงสุดเพียง 2,000 ตัวอักษร ต่อหนึ่งครั้ง
- ผู้ดูแลเว็บไซต์ จะลบข้อความที่ไม่เหมาะสม และข้อความโฆษณาสินค้า หรือบริการ