นายชัยวัฒน์ ทองคำคูณ ปลัดกระทรวงคมนาคม เปิดเผยว่า ได้เร่งรัดให้การรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) ผู้ให้บริการระบบรถไฟฟ้า MRT, บริษัท รถไฟฟ้า รฟท. จำกัด ผู้ให้บริการระบบรถไฟฟ้าแอร์พอร์ต เรล ลิงก์ และบริษัท ระบบขนส่งมวลชนกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือ BTSC ผู้ให้บริการระบบรถไฟฟ้า BTS พัฒนาระบบหัวอ่านให้สามารถอ่านข้อมูลของบัตรรถไฟฟ้าให้มีความหลากหลายครอบคลุมทุกระบบ เพื่อให้ผู้ถือบัตรใช้ข้ามระบบกันได้ โดยให้ดำเนินการให้แล้วเสร็จภายในเดือนพ.ค. 2563 โดยตนจะประชุมติดตามความคืบหน้าทุก หากไม่มีปัญหาอะไร คาดว่าจะใช้ตั๋วร่วมกันได้ตั้งแต่เดือนมิ.ย.นี้ เป็นต้นไป
ทั้งนี้ ภายใน 4 เดือนหลังจากนี้ แต่ละหน่วยงานต้องไปหารือร่วมกัน เรื่องการออกแบบและพัฒนาระบบ, ข้อตกลงทางธุรกิจ, ค่าใช้จ่ายในการพัฒนาระบบซึ่งอยู่ที่ประมาณ 385 ล้านบาท และการทดสอบการใช้งาน ปัจจุบันมีผู้ถือบัตรแรบบิท ที่ใช้กับรถไฟฟ้าบีทีเอส 12 ล้านใบ, บัตรแมงมุมและบัตร MRT plus ที่ใช้กับรถไฟฟ้า MRT สายสีม่วง/สายสีน้ำเงิน 2.2 ล้านใบ และบัตร Smart Pass ที่ใช้กับรถไฟฟ้าแอร์พอร์ต เรล ลิงก์ 4 แสนใบ รวมทั้งสิ้น 14.6 ล้านใบ
นายชัยวัฒน์ กล่าวว่า นอกจากนี้ ที่ประชุมได้สั่งการให้กรมการขนส่งทางบก (ขบ.) ไปพิจารณากำหนดเรื่องการพัฒนาระบบตั๋วร่วมเป็นเงื่อนไขหนึ่งสำหรับผู้ประกอบการที่จะเดินรถโดยสารประจำทาง เพื่อให้สามารถเชื่อมต่อระบบตั๋วร่วมได้ด้วย ส่วนการพัฒนาระบบให้สามารถใช้บัตร EMV (Euro/ Master/ Visa Card) ในการใช้บริการรถไฟฟ้าได้นั้น ยังไม่ได้มีการหารือเพิ่มเติม ในระยะแรกนี้ขอให้บัตรรถไฟฟ้าทั้ง 14.6 ล้านใบสามารถใช้ร่วมกันได้ก่อน
- ไม่สามารถใส่ชื่อเว็บไซต์ใด ๆ ก็ตาม ลงในช่องแสดงความคิดเห็น
- ระบบสามารถรับข้อความ ได้สูงสุดเพียง 2,000 ตัวอักษร ต่อหนึ่งครั้ง
- ผู้ดูแลเว็บไซต์ จะลบข้อความที่ไม่เหมาะสม และข้อความโฆษณาสินค้า หรือบริการ