เปิดนาทีแม่เด็ก 9 ขวบ ต้อน ผอ. จนมุมกลางรายการ ปมลูกโดนราดซีม่า ลั่นโดน ผอ. สั่งห้ามออกรายการ
ด้าน ผอ. ยัน ไม่ได้ห้าม แต่แม่ซัดกลับ อัดเสียงไว้ งานนี้เลิ่กลั่ก ซัดรัว ๆ ถ้าเรื่องไม่เป็นข่าว ผอ. ก็ไม่ดูแล แถมยังหว่านล้อมให้รับเงินของทางโรงเรียน
ภาพจาก รายการโหนกระแส
จากกรณีข่าวที่เด็กชายวัย 9 ขวบ นักเรียนชั้น ป.2 ของโรงเรียนแห่งหนึ่งใน อ.เขาพนม จ.กระบี่ ที่เข้ารับการรักษาตัวด้วยบาดแผลพุพองทั่วทั้งตัว ซึ่งแม่เด็กเผยว่าบาดแผลดังกล่าวมาจากรุ่นพี่ทำโทษที่ลูกไม่ยอมออกกำลังกาย โดยใช้ซีม่าโลชั่นราดลงบนร่างกายจนทำให้เกิดแผลดังกล่าว โดยเฉพาะที่ขาหนีบและอวัยวะเพศ แต่ครูกลับไม่พาไปโรงพยาบาล
ต่อมา ผู้อำนวยการโรงเรียนระบุว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนั้นเพราะเด็กชายวัย 9 ขวบเป็นหิด รุ่นพี่จึงทายาให้ เด็กที่เป็นพี่เลี้ยงไม่ได้มีเจตนาแกล้งหรือทะเลาะ พี่เลี้ยงมีเจตนาดีแต่วิธีการไม่ถูก ส่วนกรณีที่ครูไม่พาไปส่งโรงพยาบาลเพราะเห็นแผลแล้วรู้สึกว่าไม่ได้เป็นอะไรมาก ก่อนที่จะพบว่าแผลลุกลามในเวลาต่อมา หลังจากนี้จะมีคณะกรรมการมาตรวจสอบข้อเท็จจริง และรายงานเรื่องนี้ไปที่เขตพื้นที่การศึกษา และทางโรงเรียนพร้อมที่จะพูดคุยและเยียวยา ยังไม่อยากให้ครอบครัวไปแจ้งความ
ภาพจาก รายการโหนกระแส
ล่าสุด (25 มีนาคม 2564) รายการโหนกระแส ได้สัมภาษณ์ นางจินตนาพร วาชะอุ้ม แม่ของเด็กชายวัย 9 ขวบที่ได้รับบาดเจ็บ นายศักดิ์ชัย สุวรรณราช ผู้อำนวยการโรงเรียนที่เกิดเหตุ และ รศ. ดร.วีรชัย พุทธวงศ์ หรือ อาจารย์อ๊อด อาจารย์ประจำภาควิชาเคมี คณะศิลปศาสตร์และวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ รวมทั้งทนายรณณรงค์ แก้วเพ็ชร์
– แม่คาใจหลายประเด็น พี่เลี้ยงบอกลูกเป็นหิดเลยทายา, ครูไม่พาส่งโรงพยาบาล
โดย นางจินตนาพร ระบุว่า ตนคาใจในหลายประเด็น โดยเฉพาะที่ครูบอกว่ารู้ว่าน้องเป็นแผลตั้งแต่วันที่ 21 มีนาคม 2564 แต่กลับไม่พาน้องไปหาหมอ กระทั่งพี่สาวของน้องที่อยู่โรงเรียนเดียวกันมาเห็นจึงยืมโทรศัพท์ช่างทำประตูโทร. หาตน ซึ่งตนต้องไปรับลูกด้วยตัวเอง โดยลูกยืนยันว่าถูกพี่เลี้ยงทำโทษ แต่ครูบอกว่าลูกเป็นหิด พี่เลี้ยงจึงทายาให้
ด้าน นายสมยศ แก้วใหญ่ ครูผู้ดูแลหอพัก บอกว่า หอพักที่น้องพักจะเป็นหอพักที่มีเด็กชั้น ป.1-6 พักอยู่รวมกันประมาณ 60 คน โดยจะมีนักเรียนชั้น ม.1-6 จำนวน 10 คน ทำหน้าที่เป็นพี่เลี้ยง โดยพี่เลี้ยงระบุว่าทายาให้น้องครั้งแรกวันที่ 18 มีนาคม 2564 อาการดีขึ้นวันที่ 20 มีนาคม 2564 แต่วันที่ 22 มีนาคม 2564 อาการกลับไม่ดี จึงประสานพาน้องไปโรงพยาบาล แต่แม่มารับก่อน
– ผู้เชี่ยวชาญซัด ผอ. ลองทาซีม่าทั้งตัวไหม
รศ. ดร.วีระชัย พุทธวงศ์ ผู้ช่วยอธิการบดี ฝ่ายนวัตกรรมและกิจการเพื่อสังคม ม.เกษตรศาสตร์ หรือ อาจารย์อ๊อด เผยว่า ยาดังกล่าวหากใช้มากเกินไปจะทำให้ผิวหนังไหม้ ผิวหนังเปิด และอาจทำให้ติดเชื้อ ร้ายแรงกว่านั้น อาจติดเชื้อในกระแสเลือด ซึ่งข้อบ่งชี้ของการใช้ยาดังกล่าวห้ามใช้ในเด็กที่อายุต่ำกว่า 2 ปี และด้วยตัวยามีความเข้มข้นสูง เมื่อคูณด้วย 9 ขวด ทำให้เกิดอันตราย หากเข้าถึงเยื่อบุตา เสี่ยงที่จะทำให้ตาบอดได้ พฤติกรรมดังกล่าวถือเป็นการทารุณกรรม “อยากถาม ผอ. ว่า ลองทาซีม่าทั้งตัวไหม”
ตนเห็นบาดแผลของเด็กตั้งแต่ใบหน้าลงมาจนถึงอวัยวะเพศ แต่คำสัมภาษณ์ของครูผู้ดูแลไม่ตรงกัน ลักษณะการรักษามันไม่ใช่ แผลที่เกิดขึ้นค่อนข้างใหญ่ ผิวหนังลอก เด็กอาจจะเป็นแผลเป็น
ภาพจาก รายการโหนกระแส
– ผอ. ให้ข้อมูลต่างกัน ไม่พาส่ง รพ. เพราะติดประชุมต้อนรับ ส.ว.
นายศักดิ์ชัย สุวรรณราช ผู้อำนวยการโรงเรียนที่เกิดเหตุ ให้ข้อมูลที่แตกต่างกัน โดยยอมรับว่าทางโรงเรียนไม่ได้นำตัวน้องส่งโรงพยาบาลในวันเกิดเหตุ เพราะทางคุณครูหอเห็นว่าเป็นไม่มาก จึงจะนำส่งในวันจันทร์ที่ 22 มีนาคม 2564 แต่ในวันนั้นมีการประชุมเพื่อรับคณะ ส.ว. ที่จะมาตรวจเช็กโรงเรียนเป็นสถานที่สอบคัดเลือกครูผู้ช่วย
นายศักดิ์ชัย ระบุว่า เสียใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ยืนยันว่าจะพาเด็กไปรักษาอยู่แล้ว ปกติถ้าเด็กเจ็บไข้ไม่สบายก็จะส่งทันที แต่วันนั้นอาจจะเป็นข้อบกพร่องของคุณครูที่ไม่ได้แจ้งให้ทราบทันทีจึงทำให้ช้าไป ส่วนเรื่องมาตรการลงโทษครูนั้น โรงเรียนได้ตั้งคณะกรรมการสอบข้อเท็จจริง ถ้ามีความผิดก็ต้องลงโทษตามระเบียบ
ทั้งนี้ โรงเรียนพร้อมรับผิดชอบเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น อีกทั้งยังเป็นบทเรียนให้กับทางโรงเรียนเหมือนกัน ด้วยนักเรียนที่เยอะ ระบบการดูแลต้องเข้มข้นขึ้น
นายศักดิ์ชัย บอกอีกว่า ตอนที่ตนสอบสวนเบื้องต้นทราบว่าน้องเป็นหิด รุ่นพี่จึงนำยามาทาให้ในปริมาณที่มาก โดยใช้สำลีชุบน้ำยาในถ้วย และนำมาชโลมในส่วนที่คัน
ภาพจาก รายการโหนกระแส
– แม่ของขึ้น ซัด ผอ. อย่าดูถูกคนจน
ด้านนางจินตนาพรที่ได้ฟังสัมภาษณ์ของ ผอ. ระบุว่า ลูกชายตนถูกน้ำยาราดใส่เลย สิ่งที่ ผอ. พูดมาไม่เป็นความจริง อยากถาม ผอ. ว่า กรณีที่ปริมาณของซีม่าทาถึง 9 ขวด ท่าน ผอ. เคยโดนมีดบาดแล้วทาซีม่าไหม แล้วน้อง 9 ขวบ ต้องโดนทาซีม่าถึง 9 ขวดเลยเหรอ
นายศักดิ์ชัย จึงตอบกลับว่า จากการสอบสวนพบว่านักเรียนเป็นหิด 18 คน และใช้วิธีการทารักษา ยืนยันว่าน้องไม่เป็นหิดแค่คนเดียว และใช้ยากับน้องแค่ 6 ขวด ไม่ใช่ 9 ขวด ตกวันละ 3 ขวด ไม่ได้ทาแค่น้องคนเดียว แต่ทาให้เด็กทั้ง 18 คน
นางจินตนาพร ระบุยืนยันว่า ลูกชายตนยืนยันว่าถูก “ราด” ยืนยันว่า “ราด” ที่รุ่นพี่บอกทานั้นเป็นข้ออ้างของทางโรงเรียน แต่ลูกตนยืนยันว่า “เทราด”
“ทำไมท่านถึงพยายามปกป้องโรงเรียนนักหนา กับชีวิตเด็กคนหนึ่ง ท่านเลือกที่จะให้การต้อนรับ ส.ว. ก่อนอย่างนั้นเหรอคะ โดยไม่นำเด็กส่งโรงพยาบาล ปล่อยปละละเลยจนเด็กมีบาดแผลดังที่ปรากฏในภาพเหรอคะ”
โดย ผอ. ตอบว่า ถ้าทราบเรื่องก่อนก็จะไม่ทิ้งเด็ก และวันนั้นติดประชุมจึงเพิ่งมาทราบเรื่อง
ภาพจาก รายการโหนกระแส
– ทนายรณณรงค์ เปิดหน้าถาม ผอ. ห้ามแม่ออกรายการ ??
ด้าน ทนายรณณรงค์ ได้สอบถาม ผอ. ว่า ยาซีม่าโลชั่น เด็กสามารถเบิกได้เองไหม หรือต้องเบิกผ่านคุณครู ซึ่ง ผอ. ยืนยันว่าต้องเบิกผ่านคุณครู ก่อนจะถามอีกว่า ปกติ ผอ. ให้เด็กทากันเองเลยเหรอ โดย ผอ. ระบุว่า ในเรื่องของยาสามัญประจำบ้านเราก็ให้ครูที่หอดูแล ที่จริงต้องเบิกจากห้องพยาบาลของโรงเรียนที่ครูดูแล เด็กเบิกไปส่วนหนึ่ง นำไปไว้ที่หอพักส่วนหนึ่ง เผื่อไว้กลางค่ำกลางคืน ยอมรับว่าเป็นข้อบกพร่องที่ให้เด็กเบิกยาได้
ทนายรณณรงค์ได้สอบถาม ผอ. ว่าห้ามแม่เด็กออกรายการจริงหรือไม่ ผอ. ตอบกลับว่าไม่จริง แต่ทางทางแม่เด็กได้สวนกลับทันทีว่า ไม่จริง เนื่องจากเมื่อวานยังได้ให้รอง ผอ. นำเงินจำนวนหนึ่งมามอบให้ที่โรงพยาบาล และสั่งห้ามไม่ให้มาออกรายการ “ท่านอย่าดูถูกคนจนอย่างหนูสิคะ” แม่เด็กยังเผยอีกว่า ขณะที่ตนโดยสารอยู่บนรถแท็กซี่ยังได้รับสาย ผอ. ที่ระบุว่าขอให้ยุติการออกสื่อเพื่อให้สัมภาษณ์ “โทร. มาบอกว่า ขอร้องนะครับ ให้หยุดออกรายการ อัดเสียงไว้ด้วยนะคะ”
– แม่ซัดรัว ๆ ถ้าเรื่องไม่เป็นข่าว ผอ. ไม่กระตือรือร้นดูแลเด็ก แถมหว่านล้อมให้รับเงิน
ขณะที่ ผอ. ระบุว่า ไม่จริง ที่โทร. เพราะเป็นห่วง จะถามว่าคุณแม่อยู่ที่ไหน จะไปเยี่ยมเท่านั้นเอง ซึ่งคุณแม่ระบุว่า สิ่งที่ ผอ. พูด เป็นคนละประเด็นกับการที่จะดูแลเด็ก ท่านมาดูแลหลังจากที่สื่อเสนอข่าวไปแล้ว
ท่านถึงจะนำทีมข้าราชการทุกท่านของท่านมาดูแล ถ้าข่าวนี้ไม่เผยแพร่ออกไปสู่สาธารณะท่านไม่มีความกระตือรือร้นที่จะมา แม้กระทั่งคืนที่ท่านมา ท่านยังไม่ขึ้นไปที่เตียงเลย ท่านส่งตัวแทนไปเจรจา เมื่อเจรจาไม่สำเร็จก็ทำทีเป็นใช้จิตวิทยาคุยเพื่อหว่านล้อมให้พ่อแม่รับเงินจำนวนหนึ่งจากทางโรงเรียน ซึ่งแม่ไม่ขอรับ
ในตอนท้ายของรายการ แม่ของน้องยืนยันว่าจะยังไม่ให้การกับใคร โดยจะปรึกษากับฝ่ายกฎหมายก่อนเท่านั้น พร้อมดำเนินคดีกับผู้ที่เกี่ยวข้องให้ถึงที่สุด
ข่าวจาก : kapook
- ไม่สามารถใส่ชื่อเว็บไซต์ใด ๆ ก็ตาม ลงในช่องแสดงความคิดเห็น
- ระบบสามารถรับข้อความ ได้สูงสุดเพียง 2,000 ตัวอักษร ต่อหนึ่งครั้ง
- ผู้ดูแลเว็บไซต์ จะลบข้อความที่ไม่เหมาะสม และข้อความโฆษณาสินค้า หรือบริการ