จากกรณีไทม์ไลน์ของผู้ป่วยหญิงอายุ 24 ปี ซึ่งเป็นผู้ป่วยรายที่ 71 ของการระบาดระลอกเมษายน จังหวัดมหาสารคาม โดยไทม์ไลน์ระบุว่า
ตั้งแต่วันที่ 6-14 เมษายน ได้เดินทางไปเล่นการพนันที่ ต.สีแก้ว อ.เมือง จ.ร้อยเอ็ด วันที่ 15 เมษายน ไปกินข้าวที่เขื่อนลำปาว จ.กาฬสินธุ์ และไปกินข้าวที่บ้านเพื่อนพี่สาว มีการเล่นน้ำในอ่างน้ำพลาสติกที่บ้านกับหลาน ส่วนวันที่ 16 เมษายน ก็เดินทางไปเล่นการพนัน และทราบข่าวว่าเพื่อนในกลุ่มติดเชื้อโควิด-19
แต่วันที่ 17 เมษายน ก็ยังเดินทางไปเล่นการพนัน ตอนเย็นได้ไปกินข้าวที่ร้านอาหารในเขตเทศบาลเมืองมหาสารคาม จากนั้นเริ่มมีอาการไอ และระคายคอ วันที่ 18 เมษายน เดินทางไปตรวจหาเชื้อโควิด-19 ที่โรงพยาบาลมหาสารคามกับญาติ
จากนั้นเดินทางไป ต.สีแก้ว อ.เมือง จ.ร้อยเอ็ด เพื่อนำเงินไปให้พี่สาว และวันที่ 19 เมษายน ผลการตรวจเชื้อโควิด-19 เป็นบวก เป็นผู้ป่วยยืนยันระลอกเมษายน รายที่ 71 ของจังหวัดมหาสารคาม
ต่อมา สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดมหาสารคาม ได้โพสต์เฟซบุ๊ก แก้ไขไทม์ไลน์ของผู้ป่วยรายที่ 71 ตั้งแต่วันที่ 8 เมษายน เปลี่ยนจากไปเล่นการพนัน เป็นเดินทางไปขายผลไม้ ที่ ต.สีแก้ว อ.เมือง จ.ร้อยเอ็ดแทน ซึ่งเรื่องนี้ทำให้เป็นที่วิพากษ์วิจารณ์ของประชาชนว่าเหตุใดจึงได้มีการเปลี่ยนไทม์ไลน์ จึงอยากให้ทางหน่วยงานที่เกี่ยวข้องออกมาชี้แจงให้ประชาชนได้รับทราบเพื่อคลายความสงสัย
ล่าสุด นายแพทย์ภาคี ทรัพย์พิพัฒน์ นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดมหาสารคาม ได้ออกมาชี้แจงว่า กรณีดังกล่าวในครั้งแรกได้รับข้อมูลจากทีมสอบสวนโรคว่า ผู้ป่วยรายที่ 71 เป็นหญิงวัย 24 ปี ได้เดินทางไปบ้านญาติ ที่ จ.ร้อยเอ็ด จากนั้นได้มีการนัดพบปะรวมกลุ่มเล่นการพนัน จึงได้ลงในไทม์ไลน์ อย่างที่โพสต์ออกไป จากนั้นผู้ป่วยได้ทักท้วงมาว่าไม่เป็นจริงอย่างที่ได้ลงข้อมูลไป โดยผู้ป่วยได้เล่นการพนันจริง คือวันที่ 6 และวันที่ 7 เมษายน 2564 ส่วนวันอื่น ๆ ได้เดินทางไปจริง แต่ไม่ได้เล่นการพนัน ซึ่งผู้ป่วยได้ให้ข้อมูลว่าได้ไปขายผลไม้ ในพื้นที่ จ .ร้อยเอ็ด เมื่อทาง สสจ.ได้รับฟังเช่นนั้นก็ต้องยอมรับข้อมูลที่ผู้ป่วยให้มา จึงได้มีการแก้ไขไทม์ไลน์ออกไป ไม่ได้มีใครที่กดดันให้แก้ไข ทั้งหมดเป็นไปตามข้อมูลข้อเท็จจริงที่ผู้ป่วยแจ้งเปลี่ยนแปลง
ในส่วนของการสอบสวนโรคและควบคุมโรค นอกจากจะใช้ไทม์ไลน์ของผู้ป่วยแล้ว ยังมีการสอบพยานแวดล้อม สอบถามผู้เกี่ยวข้องเพื่อประมวลผลว่าในความเป็นจริงแล้วมีผู้สัมผัสเสี่ยงสูงอยู่ที่ไหนบ้าง ที่มีความเสี่ยงต่อการแพร่กระจายเชื้อ ซึ่งได้ดำเนินการควบคู่กันไป แต่เรื่องเหล่านั้นไม่ได้ระบุลงในไทม์ไลน์ เนื่องจากในไทม์ไลน์จะระบุเพียงข้อเท็จจริงที่ผู้ป่วยให้ข้อมูลมา สำหรับสถานที่ที่ผู้ป่วยเดินทางไปอยู่นอกเขตพื้นที่จังหวัดมหาสารคาม ซึ่งไม่ใช่ขอบเขตอำนาจหน้าที่ในการสอบสวนโรค แต่ที่อยู่ของผู้ป่วย อยู่ในจังหวัดมหาสารคาม เมื่อติดเชื้อแล้วจึงมีผู้สัมผัสเสี่ยงสูงหลายราย ขณะนี้ได้ลงพื้นที่สวบสวนโรค และคัดกรองกลุ่มเสี่ยงเรียบร้อยแล้ว หลายรายมีผลพบเชื้อ ซึ่งน่าจะเกิดจากการสัมผัสใกล้ชิดกับผู้ป่วยรายนี้.
ข่าวจาก : one31
- ไม่สามารถใส่ชื่อเว็บไซต์ใด ๆ ก็ตาม ลงในช่องแสดงความคิดเห็น
- ระบบสามารถรับข้อความ ได้สูงสุดเพียง 2,000 ตัวอักษร ต่อหนึ่งครั้ง
- ผู้ดูแลเว็บไซต์ จะลบข้อความที่ไม่เหมาะสม และข้อความโฆษณาสินค้า หรือบริการ