จ๋า ดวงใจ เจ้าของแบรนด์ EVE’S ไลฟ์เดือดร้องเรียนตำรวจไทย หลังขึ้นโรงพักแจ้งความมิจฉาชีพเอาภาพไปแอบอ้างขายกล่องสุ่ม ต้องรอ 3 ชั่วโมง ขอตำรวจพรินต์เอกสาร 2 แผ่น บอกไม่มีอีเมล ทำไม่เป็น ไล่คนท้องอยู่ไปหาทำเอง ปล่อยคนร้ายโกงต่อไป ให้รอออกหมายเรียก 15 วัน
เรียกว่าเดือดสนั่นโซเชียลเลยทีเดียว จากกรณีที่ จ๋า ดวงใจ พิจิตอำพล เจ้าของแบรนด์ EVE’S อีฟส์ ไลฟ์เฟซบุ๊กร้องเรียนการทำงานของเจ้าหน้าที่ตำรวจแห่งหนึ่ง หลังจากที่เธอเดินทางไปที่สถานีตำรวจเพื่อแจ้งความเฟซบุ๊กเพจหนึ่ง ซึ่งเป็นมิจฉาชีพ นำภาพของเธอไปใช้ขายกล่องสุ่ม หลอกลวงประชาชน ทั้งที่เธอไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับเพจนั้น
จ๋า เจ้าของแบรนด์ EVE’S ไปแจ้งความโดนแอบอ้างรอ 15 วันเรียกมาสอบปากคำ ตอนนั้นคงโกงไปถึงไหนต่อไหน
โดยวันที่ 12 มกราคม 2565 จ๋าไลฟ์เฟซบุ๊กหลังจากออกสถานีตำรวจ เล่าเหตุการณ์ว่า จ๋าขึ้นโรงพักตั้งแต่บ่าย 3 โมง ใช้เวลานานจนถึง 6 โมงเย็น ที่ต้องไปแจ้งความวันนี้เพราะมีคนเอาภาพจ๋าไปแอบอ้างขายกล่องสุ่ม เอาชื่อเพจ EVE’S ไปแอบอ้างและหลอกลวงประชาชน เลยต้องมาแจ้งความเพื่อหยุดการกระทำนี้ พอมาถึงตำรวจไม่ให้ไลฟ์ จ๋าก็ไม่ไลฟ์ แต่ตำรวจใช้น้ำเสียงไม่ดีเลย ทั้งที่เราเป็นผู้เสียหายและมาขอความช่วยเหลือ ปรากฏว่าต้องรอแจ้งความนาน 3 ชั่วโมง จ๋าท้องอยู่ ข้าวก็ไม่ได้กิน สุดท้ายตำรวจให้แค่ลงบันทึกประจำวัน
ทั้งนี้ ตำรวจบอกว่าจะออกหมายเรียกเจ้าของเพจมาให้ปากคำ จ๋าเลยถามตำรวจว่าหมายเรียกจะไปถึงเขาใช้เวลากี่วัน ตำรวจบอกว่าภายใน 15 วัน จ๋าเลยถามไปอีกว่าระยะเวลา 15 วันนี้ เขาก็ยังคงหลอกคนอื่นต่อไปได้เรื่อย ๆ ใช่ไหม ตำรวจตอบว่าใช่ จ๋าไม่เข้าใจเลย ทำไมคุณตำรวจไม่ตรวจสอบจากชื่อเจ้าของบัญชีธนาคารที่เขาโพสต์หน้าเพจ เพราะมีคนโอนเงินซื้อไปจำนวนมาก เอาชื่อไปเช็กทะเบียนราษฎร์ แล้วไปหาเบอร์โทร. คงไม่ยาก โทร. ไปหาเขาเลยถามว่าเขารู้ตัวหรือไม่ว่าบัญชีของเขากำลังถูกใช้ทำแบบนี้อยู่ ถ้าเจ้าของบัญชีเป็นเหยื่อเหมือนกันก็ให้โทร. ไปธนาคารเพื่อระงับบัญชี แต่ตำรวจกลับให้รอหมายเรียก 15 วัน เขาบอกว่าตอนนี้งานยุ่งอยู่ งานเขาเยอะ
นอกจากนี้ ขณะที่ตำรวจยังรับเคสของจ๋าไม่เสร็จ ตำรวจกลับปล่อยให้นั่งรออยู่ตรงนั้นแล้วไปรับแจ้งความเคสอื่นก่อน ทั้งที่ของตนยังไม่เสร็จ เหลือแค่อีกนิดเดียว แต่ตำรวจบอกว่าด็เคสนั้นดูง่ายกว่า เหมือนเราไม่สำคัญเลย
ตำรวจบอก ให้คนที่โดนโกงมาแจ้งความเอง – เจ็บสุดขอตำรวจพรินต์หน้าเพจที่ทำเสื่อมเสีย แต่ตำรวจบอก ไม่มีอีเมล
ต่อมาตำรวจบอกว่าแจ้งความไม่ได้ต้องให้ผู้เสียหายที่โอนเงินมาแจ้งความเอง ทั้งที่จ๋าก็เป็นผู้เสียหายเพราะมิจฉาชีพเอารูปของจ๋าไปแอบอ้าง ตำรวจบอกต้องให้คนโอนเงินไปแจ้งความ จ๋าเลยบอกให้ลูกน้องโอนเงินตอนนั้นเลยเพื่อจะได้มีผู้เสียหาย ตำรวจบอกทำแบบนี้ไม่ได้ ในเมื่อรู้ว่าเขาโกงแล้วโอนไปทำไม ก็พี่ตำรวจอยากได้ผู้เสียหายไม่ใช่เหรอคะ ส่วนจ๋าอยากจะแจ้งความ นี่ไงกำลังทำให้มีผู้เสียหายอยู่ เวลาจ๋าจะเล่าอะไรเขาก็บอกให้ หยุด ! บางอย่างพูดไปแล้วถามย้ำ 4-5 รอบ เหมือนไม่มีสมาธิในการทำงาน
ระหว่างนั้นมีอีกเพจหนึ่งที่เพิ่งเกิดเรื่องขึ้นมาเลย จ๋าเลยขอแจ้งเพจนี้เพิ่มเติมไปเลย ตำรวจบอกให้เอาหลักฐานมา จ๋าเลยบอกว่าเพิ่งเห็นเลยเพราะลูกค้าเพิ่งแจ้งมา เลยขอให้ตำรวจพรินต์เอกสารให้เลย 2 แผ่น ตำรวจบอกเลยว่า “ไม่ได้ ไปหาที่พรินต์เอาเอง” ทั้งที่เครื่องพรินต์อยู่ข้างหลังแค่ 2 ก้าว เขาบอกว่าเอกสารใครก็เอกสารมัน ไปหาทำเอาเอง จ๋าเลยบอกว่าคนก็ไม่มี ยุ่งอะไร จ๋าจะส่งเอกสารเข้าอีเมลแล้วให้ตำรวจพรินต์ออกมา เขาบอกว่า ไม่ได้ เขาทำไมเป็น เขาไม่มีอีเมล จ๋าเลยชี้ให้เขาดูคำขวัญของตำรวจ ที่บอกว่า “นำสมัยได้มาตรฐานสากล” แต่ตำรวจบอกไม่มีอีเมล
จังหวะนั้นจ๋าลุกขึ้นพูดเสียงเลยว่าขอร้องเรียนการทำงานของตำรวจ จ๋าก็ไปเขียนร้องเรียนยาวเหยียดเลย ซึ่งก็รู้ว่าคงช่วยอะไรไม่ได้มาก เลยต้องมาใช้พื้นที่ตรงนี้ในการร้องเรียน จ๋ารู้สึกสงสารประชาชนมากที่ต้องเจอกับตำรวจแบบนี้ ตลอดเวลาที่คุยกันเขาพูดตลอดว่าเขามีกฎหมายในมือ แล้วว่าจ๋าไม่มีความรู้กฎหมายอย่าพูด เขาจะเรียกคนที่ผิดมานั่งตรงหน้าให้ได้ทุกคน แต่ตอนหลังเขามาพูดว่าเขาเป็นตำรวจ ไม่ได้เก่งทุกเรื่องหรอกนะ เขาก็เป็นได้แค่ตำรวจ
“ปีหนึ่งจะมาแจ้งความตำรวจกี่ครั้ง ทำไมทำให้ประชาชนไม่ได้ เงินที่มีกินมีใช้ทุกวันนี้ก็ภาษีประชาชน ปีหนึ่งฉันจ่ายภาษีตั้งเท่าไร นี่ขนาดจ๋ามีเงินยังทำแบบนี้ ถ้าคนไม่มีเงินล่ะ จ๋าขอร้องเรียนให้ตำรวจไทยทั่วประเทศมีอีเมล ใช้คอมพิวเตอร์ให้เป็น นี่มันยุคไหนแล้ว ใครทำไม่เป็นเกษียณออกไปเลย ทุกอย่างที่อยู่บนโรงพักคือภาษีของประชาชน”
ข่าวจาก : kapook
- ไม่สามารถใส่ชื่อเว็บไซต์ใด ๆ ก็ตาม ลงในช่องแสดงความคิดเห็น
- ระบบสามารถรับข้อความ ได้สูงสุดเพียง 2,000 ตัวอักษร ต่อหนึ่งครั้ง
- ผู้ดูแลเว็บไซต์ จะลบข้อความที่ไม่เหมาะสม และข้อความโฆษณาสินค้า หรือบริการ