28 กุมภาพันธ์ 2566 เว็บไซต์มาเธอร์ชิป มีรายงานเรื่องราวสุดปวดตับที่หญิงรายหนึ่งต้องพบเจอมา จากการใช้บริการเช่าห้องเก็บของในประเทศสิงคโปร์ หลังจากที่เธอเก็บข้าวของต่าง ๆ ไว้ที่นั่นเป็นเวลาร่วมปี ก่อนจะพบว่าข้าวของมูลค่าประมาณ 16,000 ดอลลาร์สิงคโปร์ (ราว 416,000 บาท) ลงเอยด้วยการได้รับความเสียหายจากน้ำและความชื้น จนเสื้อผ้าขึ้นรา กระเป๋าหรูเน่าและพังแบบอยากร้องไห้
และที่น่าเจ็บช้ำยิ่งกว่าคือการไล่เบี้ยให้ทางบริษัทออกมาชดใช้นั้นทำได้ยาก ด้วยเงื่อนไขและข้อกำหนดมาตรฐานของทางบริษัทที่ปฏิเสธความรับผิดชอบ แถมยังจำกัดวงเงินการชดใช้ใด ๆ ไว้เพียง 2,000 ดอลลาร์สิงคโปร์ (ราว 52,000 บาท) เท่านั้น
โดย นางออง ได้โพสต์ภาพและประสบการณ์ที่พบเจอมาไว้ในกลุ่มเฟซบุ๊ก เพื่อเตือนใจคนอื่น ๆ ที่ต้องใช้บริการเช่าห้องเก็บของแบบเดียวกัน เธอยังเผยกับมาเธอร์ชิปว่า ตัวเองขายแฟลตที่อยู่ไปในปี 2565 และย้ายเข้าไปอยู่บ้านพ่อแม่ ระหว่างกำลังมองหาบ้านหลังต่อไป เนื่องจากบ้านพ่อแม่ไม่มีที่ว่างพอสำหรับเก็บของ และเธอต้องแชร์พื้นที่กับลูก ๆ 2 คน จึงต้องนำข้าวของส่วนใหญ่ไปเก็บไว้ที่ห้องเก็บของ ที่เช่าไว้จากบริษัท Lock+Store ตั้งแต่เดือนมกราคม 2565 โดยมีระยะเวลาเช่า 1 ปี ค่าใช้จ่าย 4,075.82 ดอลลาร์สิงคโปร์ (ราว 106,000 บาท)
แต่ตอนที่เธอไปเก็บข้าวของออกมาในเดือนธันวาคม 2565 เพื่อจะขนไปไว้ที่บ้านใหม่ นางออง ก็ต้องช็อกเมื่อพบว่าข้าวของจำนวนหนึ่งได้รับความเสียหายหนัก จากน้ำในห้องเก็บของ ทั้งกระเป๋าหรู เข็มขัด กระเป๋าสตางค์ กล่องโชว์เครื่องประดับ ตลอดจนคอลเล็กชั่นการ์ตูนของเธอ ล้วนได้รับความเสียหายจากน้ำและความชื้น สภาพสุดเละ
นอกจากข้าวของที่เสียหาย เธอยังต้องรับมือกับการจัดการข้าวของอื่น ๆ ที่เสียหายจากความชื้น เช่น เสื้อผ้าขึ้นรา ทั้ง ๆ ที่เธอใช้ถุงสุญญากาศในการจัดเก็บ
“ประสบการณ์แสนสาหัสนี้ทั้งเหนื่อยและสยองมาก ทั้งทางกายและทางใจ ฉันยังต้องเสียค่าใช้จ่ายที่ไม่จำเป็นเพิ่มอีกจากน้ำรั่วในร้าน แค่การย้ายบ้านก็เป็นเรื่องที่เหนื่อยมากแล้ว แต่การมีน้ำรั่วและทำให้ข้าวของฉันเสียหาย ยิ่งเพิ่งความเครียดไปอีกทวีคูณ” นางออง กล่าว
ทั้งนี้ พบว่าข้าวของส่วนที่ได้รับความเสียหายล้วนถูกเก็บไว้บริเวณท้ายห้องเก็บของ ซึ่งนางอองสงสัยว่าที่มาของน้ำเกิดจากหยดน้ำที่เกาะอยู่บนกำแพง เนื่องจากห้องเก็บของที่เธอเช่า อยู่ติดกับตู้เก็บของที่ใช้โดยนักทำช็อกโกแลต ซึ่งต้องติดตั้งแอร์เย็นจัด แต่เธอก็ไม่สามารถยืนยันเรื่องนี้กับทางตัวแทนที่ Lock+Store ส่งมาดูแลเคสของเธอได้
นางออง เผยว่า จริง ๆ แล้วเธอมาที่ห้องเก็บของนี่ทุกเดือนเพื่อเอาของบางอย่าง แต่ไม่สามารถตรวจดูข้าวของที่อยู่ท้ายห้องได้ เนื่องจากมีเฟอร์นิเจอร์และกล่องมากมายที่ขวางอยู่ แถมยังถูกบังจนไม่เห็นผนังตรงท้ายห้องเก็บของ กว่าเธอจะรู้ว่าเกิดอะไรขึ้น ก็ตอนที่ต้องขนของเข้าบ้านใหม่ช่วงเดือนธันวาคม 2565
นางออง ยอมรับว่าเดิมไม่คิดว่าจะเก็บของไว้นานขนาดนั้น แต่เธอก็พยายามป้องกันกระเป๋าหรูจากความชื้นแล้ว ด้วยการยัดกระดาษไว้ภายใน ใช้กระดาษห่อกระเป๋าอีกชั้น รวมถึงใส่ซองดูดความชื้นไว้หลายซองในกระเป๋าแต่ละใบ ซึ่งไม่ได้ช่วยอะไรเลยในเคสนี้ เธอคิดไว้เผื่อว่าอาจมีเชื้อราบนพื้นผิวเนื่องจากความชื้น แต่ไม่คิดว่าจะเกิดความเสียหายรุนแรงขนาดนี้
ขณะที่ ลีโอนา โล หัวหน้าฝ่ายการตลาดและประสบการณ์ลูกค้า ของ Lock+Store ยืนยันว่าทราบเรื่องที่เกิดขึ้นแล้ว ซึ่งทางบริษัทเข้าไปตรวจสอบเหตุการณ์ทันที เธอเสียใจกับสิ่งที่ผู้เช่าเผชิญ อย่างไรก็ตามเธอย้ำว่าผู้เช่าไม่ควรนำกระเป๋ามาเก็บไว้ที่ห้องเก็บของที่ไม่มีเครื่องปรับอากาศ เนื่องจากเสี่ยงที่จะเกิดเชื้อราจากความชื้น
เธอยังเตือนไปถึงผู้เช่าห้องเก็บของในปัจจุบันและอนาคต ว่าอย่าเก็บของมีค่าจำพวก เครื่องประดับ งานศิลปะ และกระเป๋าหรู ไว้ในห้องเก็บของของทางบริษัท โดยในเว็บไซต์ของ Lock+Store ก็มีระบุรายการสิ่งของที่ขอไม่ให้ผู้เช่านำมาเก็บไว้แล้ว
อย่างไรก็ตาม ลีโอนา โล เดิมปฏิเสธไม่ขอพูดถึงที่มาของน้ำในห้องเก็บของ แต่ต่อมามีแถลงการณ์ยอมรับว่าน้ำน่าจะเกิดจากการเปลี่ยนแปลงของอุณหภูมิและความชื้นในห้อง ซึ่งไม่ใช่น้ำรั่ว เธอยังชี้ว่ามีคำแนะนำให้ผู้เช่าซื้อประกันเพิ่มด้วยตัวเอง นอกเหนือจากแผนคุ้มครองพื้นฐานที่ทางบริษัทเสนอให้
อนึ่ง ทาง Lock+Store ได้ยื่นข้อเสนอจะชดใช้ให้จำนวน 2,500 ดอลลาร์สิงคโปร์ (ราว 65,000 บาท) ซึ่งนางอองมองว่าเป็นเหมือนการดูหมิ่นสิ่งที่เธอสูญเสียไป รวมถึงสิ่งที่เธอพบเจอมาก โดยหลังจากนี้เธอมีแผนจะยื่นฟ้องเรียกค่าเสียหายผ่านทางศาลแทน
ข่าวจาก : kapook
- ไม่สามารถใส่ชื่อเว็บไซต์ใด ๆ ก็ตาม ลงในช่องแสดงความคิดเห็น
- ระบบสามารถรับข้อความ ได้สูงสุดเพียง 2,000 ตัวอักษร ต่อหนึ่งครั้ง
- ผู้ดูแลเว็บไซต์ จะลบข้อความที่ไม่เหมาะสม และข้อความโฆษณาสินค้า หรือบริการ