วิสามัญหนุ่มทาสยา คลั่งเผาบ้าน ถือมีดไล่ฟันตำรวจ ถูกยิงสวนเสียชีวิต





26 พฤศจิกายน 2566 ขณะที่ ร.ต.ต.สุวิจักขณ์ ดาษลดา และ ร.ต.ต.ยุทธ ราชธานี รอง สวป.สภ.กู่แก้ว จ.อุดรธานี นำกำลังออกตรวจในพื้นที่รับผิดชอบ ได้รับแจ้งมีเหตุชายคลุ้มคลั่งอาละวาดเผาบ้านตัวเอง เหตุเกิดที่บ้านเลขที่ 141 หมู่ 4 ต.บ้านจีต อ.กู่แก้ว จ.อุดรธานี จึงรุดไปตรวจสอบ พร้อมด้วย พ.ต.อ.พีระวุฒิ สุวรรณประสิทธิ์ ผกก.สภ.กู่แก้ว พ.ต.ท.นิรันดร์ ทะวะระ สว.สอบสวน สภ.กู่แก้ว นำกำลังตำรวจ รถดับเพลิง อบต.บ้านจีต

ออกไปที่เกิดเหตุพบเพลิงกำลังลุกไหม้บ้านสองชั้นครึ่งไม้ครึ่งปูน จึงช่วยกันฉีดน้ำสกัดเพลิงไม่ให้ลุกลาม ใช้เวลาประมาณ 30 นาที จึงควบคุมเพลิงไว้ได้ แต่บ้านไหม้วอดทั้งหลัง ส่วนคนวางเพลิงทราบชื่อภายหลังว่า นายอภิศักดิ์ เสริฐสาย อายุ 41 ปี เจ้าของบ้าน หลังก่อเหตุจุดไฟเผาบ้านได้ถือมีดพร้าวิ่งหลบหนีลงไปกลางทุ่งนาหลังบ้าน ร.ต.ต.สุวิจักขณ์ ดาษลดา และ ร.ต.ต.ยุทธ ราชธานี รอง สวป.สภ.กู่แก้ว ที่มาระงับเหตุได้วิ่งติดตามนายอภิศักดิ์ไปเพราะเกรงว่าจะไปทำอันตรายผู้อื่น และได้ยินเสียงปืนดังขึ้น 1 นัด พบว่านายอภิศักดิ์ถูกยิงเสียชีวิตอยู่กลางทุ่งนา

ร.ต.ต.ยุทธ ราชธานี รอง สวป.สภ.กู่แก้ว เล่าว่า หลังได้รับแจ้งเหตุคลุ้มคลั่งอาละวาดเผาบ้าน พวกตนก็รีบมาระงับเหตุ เมื่อมาถึงพบบ้านถูกไฟไหม้แล้ว ส่วนนายอภิศักดิ์ ผู้ก่อเหตุ ก็ได้วิ่งหลบหนีลงทุ่งนาหลังบ้าน ตนจึงวิ่งไล่ติดตามประมาณ 1 กม. ได้พูดจาเกลี้ยกล่อมและสอบถามสาเหตุการจุดไฟเผาบ้าน ซึ่งนายอภิศักดิ์บอกว่า “บ้านของกู จะเผาบ้านกูจะผิดอะไร และวันนี้กูอยากฆ่าคนด้วย” จึงเจรจาเกลี้ยกล่อมให้นายอภิศักดิ์วางอาวุธและมอบตัว

ร.ต.ต.ยุทธเล่าต่อว่า แต่นายอภิศักดิ์ไม่ยอมวางอาวุธมีดพร้า แถมยังถือมีดกรูเข้ามาไล่ฟันตน ซึ่งตนได้วิ่งถอยหลังแต่ได้เสียหลักล้มลง ร.ต.ต.สุวิจักขณ์ก็อยู่ไกลช่วยตนไม่ได้ นายอภิศักดิ์วิ่งเข้ามาพร้อมกับเงื้อมีดขึ้นจะฟันตน จึงตัดสินใจชักอาวุธปืนประจำกาย ขนาด 9 มม. ออกมายิงสกัด 1 นัด กระสุนเข้ากลางอกนายอภิศักดิ์ล้มลงเสียชีวิต ถ้าตนไม่ตัดสินใจยิงก็คงเป็นตนที่จะต้องตาย จึงได้รายงานให้ผู้บังคับบัญชาทราบ

“มาระงับเหตุผู้ตายคลุ้มคลั่งอาละวาดประจำ เพราะชาวบ้านเดือดร้อน หวาดกลัว เพราะผู้ตายติดยาเสพติด อาละวาด ขโมยของ ชาวบ้านที่อยู่ข้างเคียงเป็นคนแจ้ง ซึ่งก่อนหน้านี้ผู้ตายพักอยู่กับเมียและลูก แต่ลูกเมียทนไม่ได้เพราะโดนทำร้ายจึงหนีไป ทำให้ผู้ตายอยู่คนเดียว ส่วนการเผาบ้าน ผู้ตายก่อเหตุหลายครั้งแล้ว”

ด้าน นางวิภารัตน์ สุขวาปี อายุ 51 ปี อาผู้ตาย เล่าว่า นายอภิศักดิ์เคยอาศัยอยู่กับพ่อแม่ ภรรยาและลูก หลังจากพ่อแม่เสียชีวิตไปประมาณ 1 ปี ก็อาศัยอยู่กับภรรยาและลูก แต่ภรรยาทนพฤติกรรมเสพยาบ้าแล้วอาละวาดทำลายข้าวของภายในบ้าน หนักเข้าก็หันมาทำร้ายภรรยา ทำให้ภรรยาพาลูกหนีไปอยู่ จ.นครราชสีมา ได้ประมาณ 4-5 เดือนแล้ว ซึ่งนายอภิศักดิ์อาศัยอยู่บ้านคนเดียว ภรรยาเคยนำไปบำบัดที่โรงพยาบาลเมืองเลย แต่กินยาไม่ต่อเนื่อง หรือไม่หยุดเสพยาบ้า จึงคลุ้มคลั่งอาละวาดประจำ

ก่อนเกิดเหตุผู้ตายคลุ้มคลั่งอาละวาด 3 วันติดกัน และวันนี้ก็คลุ้มคลั่งอาละวาดอีก แต่คราวนี้หนักสุดถึงกับจุดไฟเผาบ้านตัวเองแล้ววิ่งหนีลงทุ่งนาหลังบ้านและหลบในคลองน้ำ เห็นตำรวจวิ่งไล่ตามมา 2 คน และได้ยินเสียงปืนดัง 1 นัด นายอภิศักดิ์ถูกยิงเสียชีวิต ซึ่งต้องรอดูว่าตำรวจจะว่าอย่างไร เพราะตอนนายอภิศักดิ์โดนยิงก็ไม่มีคนเห็น ก็ต้องรอเจ้าหน้าที่จะว่าอย่างไร ก็ว่ากันไปตามนั้น

นายเสถียร ทองเจริญ อายุ 74 ปี เพื่อนบ้าน เล่าว่า ผู้ตายเสพยาบ้าจนคลุ้มคลั่ง อาละวาด ท้าตีท้าต่อยชาวบ้านประจำ ไม่มีใครกล้าเข้ามาใกล้ ซึ่งถือว่าอาละวาดทุกนาที ทั้งทุบข้าวของภายในบ้าน แต่ตนไม่เข้าไปห้ามปราม เคยมาลักท่อพีวีซีในบ้านตนไปขายซื้อยาเสพ เสพยาแล้วก็อาละวาด เช้าวันนี้ตนนั่งอยู่บ้านและเห็นผู้ตายเผาบ้านตัวเอง ตนได้บอกให้ลูกหลานโทรไปแจ้งดับเพลิง ประมาณ 15 นาทีเพลิงก็ลุกไหม้บ้าน และตำรวจก็มาที่เกิดเหตุและก็ถูกยิงตาย

ต่อมา พ.ต.อ.ฉกาจน์ เทียมวงศ์ รอง ผบก.ภ.จว.อุดรธานี ได้ประสานอัยการ นายอำเภอ แพทย์ เจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐาน เดินทางมาชันสูตรพลิกศพนายอภิศักดิ์ซึ่งถูกตำรวจวิสามัญฆาตกรรม พบถูกยิงด้วยอาวุธปืนขนาด 9 มม. 1 นัด บริเวณกลางอก กระสุนทะลุหลัง พบมีดพร้าวางอยู่เหนือศีรษะผู้ตาย 1 เล่ม และปลอกกระสุนปืน ขนาด 9 มม. ตกอยู่ปลายเท้าผู้ตาย 1 ปลอก จึงตรวจยึดไว้เป็นหลักฐาน เบื้องต้นแจ้งข้อหานายอภิศักดิ์ ผู้ตาย “วางเพลิงเผาทรัพย์ พยายามฆ่าเจ้าพนักงานขณะปฏิบัติหน้าที่” ส่วน ร.ต.ต.ยุทธ ราชธานี รอง สวป.สภ.กู่แก้ว ที่วิสามัญฆาตกรรมนายอภิศักดิ์ แจ้งข้อหา “ฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา” เพื่อดำเนินการต่อไป

 

ข่าวจาก : มติชน

เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ๆ
- ไม่สามารถ copy ข้อความจากที่อื่น แล้วนำมา paste ในช่องแสดงความคิดเห็น
- ไม่สามารถใส่ชื่อเว็บไซต์ใด ๆ ก็ตาม ลงในช่องแสดงความคิดเห็น
- ระบบสามารถรับข้อความ ได้สูงสุดเพียง 2,000 ตัวอักษร ต่อหนึ่งครั้ง
- ผู้ดูแลเว็บไซต์ จะลบข้อความที่ไม่เหมาะสม และข้อความโฆษณาสินค้า หรือบริการ
error: