29 ม.ค.67 ผู้ปกครองนักเรียนโรงเรียนแห่งหนึ่งใน จ.บุรีรัมย์ ได้นำสมุดบัญชีเงินฝากของลูกหลานตัวเอง รวมถึงคลิปวิดีโอที่บันทึกไว้ช่วงที่หลายหน่วยงานมาร่วมประชุมไกล่เกลี่ยกับผู้ปกครอง และทำบันทึกว่าครูประจำชั้นคนหนึ่งยอมรับสารภาพว่าได้ยักยอกเงินออมของเด็กนักเรียน ตั้งแต่ชั้นอนุบาลถึงชั้น ป.6 รวมจำนวน 72 คน ไปใช้ส่วนตัว รวมเป็นเงินกว่า 530,000 บาท และรับปากจะหามาชดใช้คืนให้ ซึ่งเรื่องดังกล่าวเกิดขึ้นตั้งแต่ช่วงเดือน ก.ย. 2565 หลังจากผ่านมากว่า 1 ปี ครูคืนเงินให้กับเด็กนักเรียนตามจำนวนที่ยักยอกไปแค่ 4 คน ส่วนที่เหลืออีก 68 คน ได้เงินคืนแค่คนละ 1,300 บาท ถึงแม้จะมีการนัดพูดคุยกันอีกครั้งในวันที่ 1 มี.ค. 2567 ที่จะถึงนี้ แต่ผู้ปกครองบางส่วนเกิดความกังวลใจ เกรงว่าลูกหลานจะไม่ได้เงินที่เหลือคืนตามที่ครูรับปาก เพราะมีกระแสข่าวครูคนที่ยักยอกเงินนักเรียนได้ยื่นเรื่องขอย้าย จึงได้ออกมาร้องขอความเป็นธรรม เพราะสงสารลูกหลานที่อุตส่าห์เจียดเงินค่าขนมวันละ 5-10 บาท ฝากออมไว้ แต่กลับถูกครูที่ควรจะเป็นแบบอย่างและไว้ใจที่สุดยักยอกไปใช้เอง
น.ส.เอ (นามสมมติ) หนึ่งในผู้ปกครองบอกว่า ลูกสาวเจียดเงินค่าขนมที่แม่ให้ไปวันละ 30 บาท เก็บออมกับทางโรงเรียนมาตั้งแต่ชั้นอนุบาล แต่พอขึ้นชั้น ป.3 จู่ๆ ครูผู้หญิงซึ่งตอนนั้นสอนชั้น ป.6 ได้แจ้งให้ผู้ปกครองไปเซ็นเอกสาร โดยหลอกว่าลูกได้รับเลือกให้รับทุนการศึกษา 2,000 บาท ตอนนั้นก็ดีใจที่ลูกได้รับทุน แต่ตอนไปเซ็นเอกสารก็แปลก ใจและทักท้วงกับครูว่าทำไมต้องให้เซ็นใบถอนเงิน ก็ให้โอนเข้าบัญชีลูกไปเลย แต่ครูก็ยังอ้างว่าต้องถอนออกมาก่อน เพื่อถ่ายรูปตอนมอบ จะได้ส่งให้ทางกระทรวงดู ด้วยที่เชื่อใจเห็นว่าเป็นครูจึงหลงเชื่อยอมเซ็นให้ กระทั่งเดือน พ.ย.65 ถึงรู้ว่าเงินที่ลูกออมไว้ถูกเบิกถอนไปทั้งหมด 7,000 บาท พอสอบถามกับผู้ปกครองคนอื่นถึงรู้ว่าเงินออมของนักเรียนถูกแอบถอนออก จำนวน 72 คน เป็นเงินกว่า 5 แสนบาท พอทางโรงเรียนทราบเรื่องก็เรียกประชุมผู้ปกครอง มีการพูดคุยไกล่เกลี่ยกัน ทางโรงเรียนขอร้องไม่อยากเสียชื่อเสียง ประกอบกับครูรับปากจะหาเงินมาคืนให้ ผู้ปกครองจึงไม่แจ้งความ ส่วนตัวเองได้เงิน 7,000 บาท คืนแล้วหลังจากกดดันทวงถามทุกช่องทาง แต่แค่แปลกใจว่าครูยักยอกเงินเด็กถึง 72 คน ทำไมแค่ไกล่เกลี่ยคืนเงินแล้วก็จบ แต่ทำไมครูที่ทำผิดไม่ลงโทษอะไรเลย
เช่นเดียวกับ นางแดง (นามสมมติ) ผู้ปกครองนักเรียนอีกคน บอกว่า ลูกสาวออมเงินตั้งแต่เรียนอนุบาล ถึง ป.5 รวมกว่า 32,000 บาท แต่กลับถูกครูหลอกถอนไปใช้ส่วนตัวจนหมด เหลือติดบัญชีไว้ให้ลูกแค่ 12.34 บาท สงสารลูกมากเพราะเขายอมแบ่งค่าขนมที่แม่ให้เก็บออมไว้ แต่กลับถูกครูแอบถอนไปจนหมด ทาง ร.ร.และผู้มีส่วนเกี่ยวข้องก็พยายามจะไกล่เกลี่ย แต่ผ่านไปกว่า 1 ปีแล้วได้เงินคืนแค่ 1,300 บาท ไม่รู้ว่าที่เหลือจะได้คืนหรือเปล่า ไม่มีอะไรเป็นหลักประกันเลย
ขณะที่ นางก้อย (นามสมมติ) ผู้ปกครองนักเรียนอีกคน ก็เล่าทั้งน้ำตาว่า ตนเองก็ถูกครูหลอกให้เซ็นเอกสาร อ้างว่าลูกจะได้รับทุนเหมือนกัน ตอนแรกก็ดีใจที่ลูกได้ทุน แต่พอมารู้ว่าครูแอบใช้เป็นหลักฐานถอนเงินออมของลูกสาวไปจนหมด 31,000 บาท เสียใจมาก และสงสารลูกมาก ไม่คิดว่าคนเป็นครูจะทำกับเด็กนักเรียนได้ เพราะเขาตั้งใจออมไว้เป็นทุนเรียนต่อมัธยม มันมีความสำคัญกับลูกมาก จนตนต้องไปหาเงินฝากเข้าบัญชีให้ลูกไว้เหมือนเดิม เพราะกลัวเขาจะเสียใจ อยากให้ครูเอาเงินที่ยักยอกของลูกไปมาคืน และอยากให้ลงโทษทางวินัยด้วย เพราะครูควรเป็นแบบอย่างที่ดีให้กับเด็ก
จากนั้นผู้สื่อข่าวได้เดินทางไปยัง ร.ร.เพื่อสอบถามข้อมูลกับ ผอ.โรงเรียน ซึ่ง ผอ.ไม่ให้สัมภาษณ์ เพียงให้ข้อมูลว่าเรื่องเกิดขึ้นจริง ทาง ร.ร.ก็ร่วมกับหลายหน่วยงานหาแนวทางแก้ไข โดยให้ครูทำบันทึกรับสภาพจะชดใช้เงินคืน ซึ่งครูได้คืนเงินไปแล้วบางส่วน แต่ส่วนที่เหลือจะมีการพูดคุยกันอีกครั้งวันที่ 1 มี.ค.67 นี้ ทาง ร.ร.ไม่ได้นิ่งนอนใจ ส่วนเรื่องวินัยก็ได้รายงานให้ทางเขตรับทราบแล้ว
ส่วนครูที่ถูกกล่าวหาว่ายักยอกเงินออมนักเรียน ยอมรับว่าได้ทำจริง โดยอ้างว่าเพิ่งมีลูกน้อยหมุนเงินไม่ทัน หาทางออกไม่ได้จึงได้แอบถอนเงินนักเรียนไปใช้ ขอโทษผู้ปกครอง และนักเรียนทุกคนและรับปากจะหาเงินมาคืน จะให้คำตอบอีกครั้งวันที่ 1 มี.ค.67 ที่จะนัดพูดคุยกับผู้ปกครอง
ข่าวจาก : ไทยรัฐออนไลน์
- ไม่สามารถใส่ชื่อเว็บไซต์ใด ๆ ก็ตาม ลงในช่องแสดงความคิดเห็น
- ระบบสามารถรับข้อความ ได้สูงสุดเพียง 2,000 ตัวอักษร ต่อหนึ่งครั้ง
- ผู้ดูแลเว็บไซต์ จะลบข้อความที่ไม่เหมาะสม และข้อความโฆษณาสินค้า หรือบริการ