เป็นจับตามองอย่างมากในสังคม เมื่อธุรกิจออนไลน์ชื่อดังมีผู้เสียหายจำนวนมากกำลังร้องเรียนจนเป็นข่าวฉาว มีการตีแผ่เครือข่ายธุรกิจขายตรง ที่มีชื่อของคนบันเทิงระดับแถวหน้าของเมืองไทยเข้าไปเอี่ยวด้วย
ล่าสุด “บอย ปกรณ์ ฉัตรบริรักษ์” นักแสดงชื่อดัง ได้ออกมาเปิดใจชี้แจงในรายการโหนกระแส ตอนหนึ่งว่า ที่ตัดสินใจมาวันนี้ตั้งแต่มีเรื่องขึ้นมา มีคอมเม้นท์เดี่ยวกับผู้เสียหายขึ้นมาเราก็ตดใจเพราะไม่เคยรู้มาก่อนว่าเราไปมีส่วนเกี่ยวข้องกับตรงนี้ เลยรู้สึกไม่ค่อยดี จึงอยากออกมาชี้แจง
เมื่อถามว่า รู้จัก The iCon ได้อย่างไร “บอย ปกรณ์” บอกว่า บอสพอลติดต่อมา ประมาณปี 2563 เพื่อให้ไปเป็นพรีเซนเตอร์สินค้าตัวหนึ่ง สัญญา 1 ปี พอครบสัญญาก็ไม่ได้ทำงานกับเขา หลังจากนั้นปี 2565 บริษัทก็ติดต่อตนมาอีกให้เป็นพรีเซนเตอร์กาแฟ หลังจากนั้นมาก็ต่อสัญญากันปีต่อปี จากปี 2565-67 โดยในสัญญาตนต้องเป็นผู้แสดงแบบ ออกรายการคอนเท้นต์ของบริษัท แต่ไม่เกี่ยวกับโมเดลธุรกิจแต่อย่างใด
โดยงานหลักของตนเป็นพรีเซนเตอร์ในการโฆษณาสินค้าทั่วไป ไปออกอีเวนท์ขายสินค้า ไปออกรายการคอนเท้นต์เพื่อโปรโมทสินค้า ซึ่งในสโคปงานหรือตอนว่าจ้างงานไม่มีการพูดถึงในส่วนที่ให้เราชักชวนคนเข้ามา ไม่มีเลย แต่ก็จะมีการออกอีเวนต์ ก็จะมีบางสคริปต์ที่ให้เราพูดเชิงให้กำลังใจ แต่ยืนยันว่าตนไม่ได้เป็นบอส โดยกล้ายืนยัน 100% และยืนยันว่าตนไม่ได้เป็นผู้บริหารด้วย ซึ่งตนกล้าที่จะพิสูจน์ได้จากตัวแทนทุกท่าน หรือแม้แต่ผู้เสียหาย หรือใครก็ตามถ้าเกิดว่ามีหลักฐานเรียกตนว่าบอสนั้น ตนมั่นใจว่าไม่มีแน่นอน
ส่วนกรณีมีคลิปในอีเวนต์หลายคลิปที่เป็นการพูดในลักษณะชักชวนให้คนเข้ามาร่วมกับ The iCon นั้น “บอย ปกรณ์” ชี้แจงว่า “ความจริงหลังจากที่เกิดเรื่องขึ้นมา พอผมได้รับรู้ความจริง ก็ขออนุญาตพูดว่าทุกครั้งที่ได้เห็นคลิปอันนี้มันรู้สึกว่าผมโง่ดีเหมือนกัน คือเหมือนตอนนั้นผมพูดไปโดยที่ผมมั่นใจในสิ่งที่ผมพูดว่ามันคือความจริง มันเป็นอย่างนั้นจริง ๆ ซึ่งปกติเวลาที่ไปอีเวนต์เขาก็จะให้ผมพูดถึงสินค้า ก่อนที่จะมีสคริปต์ทั้งที่เป็นตัวหนังสือ และทีมงานบรีฟ เพื่อให้ผมพูดในเชิงทำนองนี้ ในเชิงให้กำลังใจกับตัวแทนที่อยู่ในงาน”
เมื่อถามว่าเฉลียวใจไหมว่าสิ่งที่เรากำลังพูดเป็นการชักชวนทำให้มีผู้เสียหายก็ได้ “บอย ปกรณ์” ชี้แจงว่า ตอนนั้นตนยังไม่เฉลียวใจเรื่องผู้เสียหาย ตนแค่มีคำถามกลับไปเพราะในสคริปต์บอกว่าไม่ต้องสต๊อกของ ตัวแทนไม่ต้องสต๊อกของก็ถามว่าแปลว่าอะไร ซึ่งตนรับทราบอย่างนั้นตนก็พูดไปแบบนั้น
รู้สึกเสียใจ ตนคงพลาดเองจริงๆ ไม่มีข้อแก้ตัวอะไร เมื่อถามว่ารู้ว่ามีผู้เสียหายเมื่อไหร่ “บอย ปกรณ์” ชี้แจงว่า ตนรู้พร้อมทุกคน หลังจากมีมีคนส่งคลิป TikTok มาให้ดู ซึ่งเมื่อดูในคอมเม้นท์ก็เห็นว่ามีคนเริ่มเปิดเรื่องว่าสต๊อกของเต็มบ้าน ของหมดอายุ ไม่ได้ขาย ต้องแจกเพื่อน ขาดทุนแล้วทุนจม พอตนรู้ตอนแรกตนก็รู้สึกตกใจมาก เพราะสิ่งที่ผมรับทราบมาก็เหมือนที่ตนพูดบนเวที แล้วไหนบอกว่าไม่มีการสต๊อกของ
เมื่อพิธีกรถามผู้เสียหายว่า “บอย ปกรณ์” มีส่วนทำให้มีผู้เสียหายเกิดขึ้นไหม ผู้เสียหายบอกว่า เพื่อนตนคนหนึ่งบอกว่ารัก พี่บอยมาก เขาไม่เคยตัดสินใจลงทุน หรืออยากจะขายของมาก่อนในชีวิต แต่เขารู้สึกว่าถ้าพี่บอยเลือกแล้ว ก็ไม่จำเป็นต้องเช็กอะไรมาก เขาเปิดบิล 250,000 บาท จนตอนนี้ตนก็ยังรู้สึกเป็นตราบาปและรู้สึกผิดกับเพื่อนมาก ๆ
หลังจากนั้น “บอย ปกรณ์” ชี้แจงว่า พอได้ยินก็จุกอก เพราะก่อนรับงาน ตนก็เช็กเท่าที่สามารถเช็กได้ว่ามีหนังสือรับรองบริษัท จดทะเบียนถูกต้องไหม สินค้าได้ อย. ได้มาตรฐานไหม ส่วนกลไกอื่นตนไม่สามารถเช็กได้และตนก็ไม่เคยรู้
แต่พอฟังผู้เสียหายแล้วตนก็เห็นด้วยว่าการที่ตนมาสร้างความเชื่อมั่นให้เขาแล้วทำให้เกิดความเสียหาย ตนก็มีส่วนทำให้เกิดตรงนี้จริงๆ ซึ่งตนก็ไม่ได้โต้แย้ง ซึ่งตลอด 3-4 วันที่ผ่านมาผมก็อึดอัดมาก เป็นอะไรที่ติดอยู่ในใจตลอด วันนี้ได้มาพูดส่วนหนึ่งก็รู้สึกได้ชี้แจงในส่วนที่เราอยากชี้แจงและยอมรับในส่วนที่เราพลาดไป และที่มาในวันนี้ก็อยากมาขอโทษผู้เสียหายทุกคนที่เดือดร้อนจากการเชื่อใจในสิ่งที่ตนได้พูดออกไป หรือสิ่งที่ตนได้ทำให้ทุกคนมั่นใจในตัวบริษัท แล้วทำให้เกิดความเสียหายตนก็ขอโทษจากใจจริง
บอย ปกรณ์ทิ้งท้าย “การที่ผมทำงานตรงนี้ตนได้แรงสนับสนุนจากประชาชน แล้วในเมื่อวันหนึ่งตนมารู้ว่าสิ่งที่ตนเคยทำไปมันพลาด แล้วที่ทำงานที่ตนเคยทำอยู่เขาทำให้เกิดความเสียหาย ตนไม่เลือกที่จะอยู่ข้างเขา ผมยินดีที่จะหักกับเขา”
- ไม่สามารถใส่ชื่อเว็บไซต์ใด ๆ ก็ตาม ลงในช่องแสดงความคิดเห็น
- ระบบสามารถรับข้อความ ได้สูงสุดเพียง 2,000 ตัวอักษร ต่อหนึ่งครั้ง
- ผู้ดูแลเว็บไซต์ จะลบข้อความที่ไม่เหมาะสม และข้อความโฆษณาสินค้า หรือบริการ