ที่อาคารศูนย์ปฏิบัติการแพร่ภาพออกอากาศการกระจายเสียงวิทยุและการให้บริการข้อมูลข่าวสารภาครัฐ สถานีวิทยุโทรทัศน์แห่งประเทศไทย (NBT) ถนนวิภาวดีรังสิต เขตดินแดง กรุงเทพฯ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เป็นประธานการแถลงผลการดำเนินงานของรัฐบาลรอบ 3 เดือน ภายใต้ชื่อ “2568 โอกาสไทย ทำได้จริง” และการมอบนโยบายการบริหารราชการแผ่นดิน
โดยนายกฯ แถลงว่า คลิปที่ได้ชมมีผลงานตั้งแต่สมัยนายเศรษฐา ทวีสิน เป็นนายกฯ ส่งไม้ต่อถึงรัฐบาลนี้ 90 วันที่ผ่านมานับตั้งแต่วันแถลงนโยบายต่อรัฐสภา ซึ่งเป็นช่วงเวลาของการปรับตัว ปรับการทำงาน เริ่มหาแนวทางกันว่าการทำงานแบบไหนที่เราจะสามารถอำนวยความสะดวกตอบโจทย์ของพี่น้องประชาชนได้จริงๆ ทำให้พี่น้องประชาชนมีชีวิตที่ดีขึ้นได้จริงๆ ช่วง 90วันที่ผ่านมาในฐานะนายกรัฐมนตรี เป็นช่วงเวลาที่สำคัญมากๆที่ได้เข้ามาเรียนรู้ และทำเรื่องต่างๆ ในวันนี้ทั้งทีมข้าราชการ คณะรัฐมนตรี พี่น้องประชาชน เราทั้งหมดนี้คือทีมเดียวกัน
นายกฯ กล่าวว่า สิ่งที่เกิดขึ้นในช่วงที่ผ่านมาอาจจะมีบางช่วงเวลาที่เรารู้สึกว่ามีการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นอย่างที่เราไม่นึกฝัน ไม่คาดฝัน แต่วันนี้เรากลับมาแล้วเราเป็นรัฐบาลที่ร่วมมือกันทำงาน แข็งแรง และมองไปข้างหน้า เพื่ออนาคตของประเทศไทย การทำงานจะเดินหน้าอย่างมั่นคง เราจะวางรากฐานวางโครงสร้างที่สำคัญไว้ให้กับประเทศไทย ในอีกทศวรรษข้างหน้า เพื่อให้ประเทศไทยของเรามีกิน มีใช้ มีเกียรติ มีศักดิ์ศรี อย่างที่ตนเคยกล่าวไว้
นายกฯ กล่าวว่า ภาพของประเทศไทยต่อจากนี้ในปี68 จะเป็นปีของโอกาสที่จับต้องได้ รัฐบาลจะสร้างผลงานที่เป็นรูปธรรม จะสร้างสิ่งที่คนเขาคิดว่าเป็นแค่ความฝัน ให้มันเกิดขึ้นจริงได้ ทำให้มีสิ่งที่เรียกว่านโยบายกินได้ของเรา แน่นอนว่าที่ผ่านมามีความขัดแย้ง ทางการเมืองมานานกว่า 20 ปี วันนี้เราทุกคนพร้อมที่จะเดินต่อไปข้างหน้า เพื่อแก้ปัญหาที่เกิดขึ้น เช่น น้ำท่วมน้ำแล้ง ต้องเปลี่ยนวิธีคิด แก้ปัญหาอย่างถาวร ทำให้น้ำมีทางออก ทุกฝ่ายต้องมานั่งคุยกัน จะมีการแก้กฎหมายอนุญาตให้ประชาชนสามารถขุดลอกคูคลองได้ เพื่อที่จะเอาดินไปขายไปใช้เกิดอาชีพใหม่ๆ นี่คือโครงการใหม่ที่เราจะศึกษาในรายละเอียด แต่การขุดดินโคลนไปขายนั้นต้องให้มั่นใจว่าจะไม่กระทบต่อสิ่งแวดล้อม ต้องมีกฎเกณฑ์หลายเรื่องที่รัฐบาลจัดสรรขึ้น นี่คือแนวทางใหม่ที่จะสามารถสร้างอาชีพให้กับประชาชนได้ ทั้งอาชีพขายเรือท้องแบน ขายเครื่องดูดน้ำ ดูดโคลนดิน ขนโคลนขนดิน และอีกมากมายที่จะเกิดขึ้น
นายกฯ กล่าวว่า โครงการขนาดใหญ่จะช่วยแก้ปัญหาน้ำท่วมในกรุงเทพฯ และภาคกลางได้เป็นอย่างดี เพราะดูจากภูมิศาสตร์ของประเทศไทย น้ำมีสิทธิ์ท่วมได้มากในภาคกลาง เราจึงต้องคิดใหญ่ เพราะต้องแก้ปัญหาในระยะยาว เรื่องนี้ตนมอบหมายนายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รองนานกฯ และรมว.คมนาคม และนายประเสริฐ จันทรรวงทอง รองนายกฯ และรมว.ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ทำร่วมกัน
นายกฯ กล่าวว่า ปัญหา PM2.5 ตั้งแต่สมัยนายเศรษฐา KPI คือต้องทำให้มีฝุ่นน้อยลงทุกปี การควบคุมการเผาไร่ช่วยได้มาก จ.เชียงใหม่ลดการเผาไหม้ไปได้ถึง 50% แล้ว เมื่อเทียบกับปีที่แล้วที่ฝุ่นมากที่สุดก็ลดลง 30% ถือว่ารัฐบาลมาถูกทางแล้ว เรามีกฎไม่รับซื้อพืชผลทางการเกษตรที่มาจากการเผาไหม้จากประเทศเพื่อนบ้าน เรื่องนี้ก็มอบหมายนายประเสริฐ อีกครั้ง
นายกฯ กล่าวถึง ปัญหายาเสพติด ตอนนี้กลับมาระบาดอย่างมาก รัฐบาลเอาจริงเรื่องนี้ ประชาชนก็ต้องช่วยกัน จะมีการทำแพลตฟอร์มให้ประชาชนสามารถแจ้งเบาะแสได้ โดยข้อความจะส่งตรงถึงนายกฯ จะมีการรักษาความปลอดภัยของผู้แจ้ง โดยโมเดลท่าวังผา จ.น่าน และ ธวัชบุรี จ.ร้อยเอ็ด ที่ประสบ ความสำเร็จในการแก้ปัญหายาเสพติด ตั้งแต่สมัยนายเศรษฐา ประกาศว่า 90 วันยาเสพติดต้องหมดไป แล้วก็ทำได้จริง จะมีการพัฒนาไปทุกจังหวัดทั่วประเทศ ขอมอบให้นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกฯ และรมว.กลาโหม ดูเรื่องนี้ต่อ
นายกฯ กล่าวว่า รัฐบาลเชื่ออย่างยิ่งว่าการทะลายทุนผูกขาดเป็นสิ่งสำคัญ การผูกขาดทุกชนิดทั้งจากภาครัฐและเอกชน เป็นสิ่งที่เพิ่มต้นทุนให้กับประชาชน “การผูกขาดทำให้พี่น้องประชาชนจนลง ไม่ได้ทำให้มีตังค์มากขึ้น” เช่น เรื่องข้าว รัฐบาลจะปลดล็อคให้เกษตรกรส่งออกข้าวด้วยตัวเองได้ หรือ รัฐวิสาหกิจและเอกชนส่วนไหนที่ผูกขาดด้วยเงื่อนไขกฎหมาย ก็มีการสั่งการในครม. ให้ทุกกระทรวงแก้กฎที่ไม่จำเป็นและไม่เป็นประโยชน์ในปัจจุบัน
นายกฯ กล่าวถึง ค่าพลังงานและค่าไฟฟ้า เรื่องนี้มีค่าใช้จ่ายที่ซ่อนอยู่มาก เรื่องนี้ต้องถูกจัดการ ค่าไฟฟ้า และค่าพลังงานทั้งหมด ในปีหน้า ต้องลดลงอย่างแน่นอน ฝากนายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รองนายกฯ และรมว.พลังงาน ดูแล
นายกฯ กล่าวถึงปัญหาธุรกิจนอกระบบ เราจะต้องนำกลับเข้าสู่ระบบให้ได้เพื่อมีการเสียภาษี ธุรกิจใต้ดินต้องนำขึ้นมาบนดินให้ได้ ธุรกิจใต้ดินเป็นช่องทางของมาเฟียและการคอร์รัปชั่นต่างๆ ขอมอบนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกฯ และรมว.มหาดไทย และนายประเสริฐ
นายกฯ กล่าวว่า ปี68 จะเป็นปีแห่งโอกาสของคนไทยทุกคน ตั้งแต่ตนมาเป็นนายกฯ ก็ได้ถามตัวเองว่าอยากได้อะไร อยากให้อะไรเกิดขึ้นกับประเทศไทย และคนไทยทุกคน แต่เด็กโตขึ้นมาก็รับมือกับความเปลี่ยนแปลงอยู่บ่อยๆ การมาเป็นนายกฯ ก็อยากจะสร้างนโยบายดีๆ โดยในเรื่องเทคโนโลยี และ AI รัฐบาลไทยตั้งเป้าจะเป็น AI Hub ของภูมิภาค เนื่องจากในปัจจุบัน มีบริษัทใหญ่มาลงทุนทำศูนย์ข้อมูล (Data center) เป็นเงินลงทุนมากกว่าล้านล้านบาทแล้ว
นโยบาย หนึ่งอำเภอ หนึ่งทุน หรือ ODOS กลับมาอีกครั้ง โดยใช้งบประมาณจากการขายสลากกินแบ่งรัฐบาล รวมทั้งมีโครงการที่เปิดโอกาสให้เด็กไทยได้ไปฝึกภาษาที่ต่างประเทศเป็นเวลาสั้นๆ ในโครงการ 1 อำเภอ 1 ซัมเมอร์แคมป์ และโครงการอัพเกรดโรงเรียนประจำอำเภอ ทำให้เป็นโรงเรียนต้นแบบ เติมครู เติมเทคโนโลยี เพื่อพัฒนาทักษะทางภาษา และ AI ให้เด็กๆ ในทุกอำเภอ
ให้โอกาสคนทุกตำบลหมู่บ้านในการคิดและลงมือแก้ไขปัญหาในพื้นที่ผ่านโครงการ SML ของกองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมืองที่จะกระจายโอกาสและเงินลงไปในทุกหมู่บ้าน พร้อมกับกองทุนเพื่อฟื้นฟู SME ซึ่งเป็นฐานรากของเศรษฐกิจไทยอีกกว่า 5,000 ล้านบาท
นอกจากนี้ยังมี โครงการบ้านเพื่อคนไทย (Public Housing) คอนโดคุณภาพดีพร้อมเฟอร์นิเจอร์พร้อมอยู่ เริ่มต้นประมาณ 30 ตารางเมตร ผ่อนเดือนละประมาณ 4,000 บาท เป็นเวลาประมาณ 30 ปี และให้สิทธิอยู่อาศัย 99 ปี ที่จะเป็นความหวังของคนไทยที่อยากมีบ้าน
นายกฯ กล่าวว่า จะดำเนินโครงการเงินหมื่นฟื้นเศรษฐกิจระยะที่ 2 โดยเงินสดจะถึงมือผู้สูงอายุประมาณ 4 ล้านราย ไม่เกินตรุษจีนนี้ ส่วนเฟส3บุคคลทั่วไป มีการวางแผนว่าจะให้ในรูปแบบของดิจิทัลวอลเล็ต จะเกิดขึ้นในปี68 แน่นอน ซึ่งก็มีคนถามว่าทำไมไม่ให้เงินสด ต้องยอมรับว่าใช่ให้เงินสดมันง่ายดี แต่ว่าความตั้งใจแรกตั้งแต่ทำนโยบายนี้ คือการให้แบบดิจิทัลวอลเล็ต เพราะเป็นเครื่องมือเชื่อมรัฐบาลกับประชาชน
นายกฯ กล่าวว่าอีกว่า นโยบายสุดท้ายที่แถลง คือ การแก้หนี้ครัวเรือน โดยเน้นที่หนี้ รถยนต์ และบ้าน พักดอกเบี้ย 3 ปี ให้ลูกหนี้จ่ายคืนเงินต้นได้เต็มจำนวน โดยจะเริ่มดำเนินการในต้นปี68 พร้อมมาตรการประนอมหนี้แบบพิเศษที่จะล้างหนี้ให้ทั้งหมด สำหรับลูกหนี้มูลหนี้ต่ำกว่า 5,000 บาท
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ก่อนนายกฯ ขึ้นแถลงมีการฉายวิดีทัศน์ผลงานรัฐบาลต่อเนื่องตั้งแต่สมัยนายเศรษฐา และช่วง90วันของน.ส.แพทองธาร อาทิ การแก้ปัญหาน้ำท่วม นโยบายแจกเงินหมื่น 30บาทรักษาทุกที่ สมรสเท่าเทียม การลงทุนของgoogle ในไทย การร่วมประชุมเวทีนานาชาติ โครงการฟื้นฟูเศรษฐกิจ ซอฟต์พาวเวอร์ เป็นต้น
ข่าวจาก : bangkokbiznews
- ไม่สามารถใส่ชื่อเว็บไซต์ใด ๆ ก็ตาม ลงในช่องแสดงความคิดเห็น
- ระบบสามารถรับข้อความ ได้สูงสุดเพียง 2,000 ตัวอักษร ต่อหนึ่งครั้ง
- ผู้ดูแลเว็บไซต์ จะลบข้อความที่ไม่เหมาะสม และข้อความโฆษณาสินค้า หรือบริการ