เมื่อเวลา 12.30 น. วันที่ 5 ธันวาคม 2559 นายจารึก คงเรือง อายุ 50 ปี และนางศรีวิไล คงเรือง อายุ 41 ปี สองสามีภรรยา และบุตรสาวคือ น.ส.มณีฉาย อายุ 17 ปี นักเรียนชั้น ม.5 โรงเรียนแห่งหนึ่ง จ.ชุมพร พร้อมด้วยนางสุจิตต์ ภาสพานทอง อายุ 47 ปี และบุตรสาวคือ น.ส.พิมพ์ชนก อายุ 17 ปี นักเรียนชั้น ม.5 โรงเรียนแห่งหนึ่ง เดินทางเข้าแจ้งความต่อ ร.ต.อ.วุฒิพงศ์ ทองมาก สารวัตรสอบสวนเวร สภ.เมืองชุมพร
น.ส.พิมพ์ชนกเปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 30 สิงหาคม 2559 ตนและ น.ส.มณีฉายพร้อมเพื่อนร่วมห้องเรียนเดียวกันอีก 15 คน ได้อ่านพบข้อความโฆษณาใน Facebook ของค่ายกวดวิชาแห่งหนึ่ง ซึ่งอ้างว่าตั้งอยู่ใน จ.ขอนแก่น ระบุว่าเป็นค่าย “ติวฟิตติดหมอ” และจะมาเปิดคอร์สจำนวน 3,000 ที่นั่ง ระหว่างวันที่ 10-11 กันยายน 2559 ที่เซ็นทรัลพลาซา สาขา จ.สุราษฎร์ธานี พวกตนจึงตัดสินใจไปเรียน เสียเงินคนละ 450 บาท (ค่าชีต 150 บาท อีก 300 บาทจะคืนให้เมื่อจบคอร์ส) เมื่อติวจบแล้วทางค่ายได้แจกโบรชัวร์รายละเอียดคอร์สช่วงปิดเทอมเพื่ออำนวยความสะดวกให้นักเรียนในภาคใต้ ซึ่งต้องเสียค่าใช้จ่ายคนละ 29,900 บาท และบวกค่าที่พัก 1,667 บาท รวมเป็นเงิน 31,567 บาท ตนสองคนจึงตัดสินใจจองที่นั่งเป็นเงินคนละ 5,000 บาท เมื่อวันที่ 18 กันยายน 2559 และโอนส่วนที่เหลือให้ค่ายดังกล่าวในวันที่ 24 กันยายน 2559 จากนั้นก็รอว่าค่ายจะแจ้งกลับมาให้ไปเรียนได้เมื่อใด แต่เมื่อถึงวันที่ 26 กันยายน 2559 ก็ได้รับแจ้งจากค่ายว่าไม่สามารถเปิดคอร์สในภาคใต้ได้แล้ว เพราะนักเรียนน้อยเกินไป แต่หากตนสองคนสนใจจะไปเรียนที่ จ.ขอนแก่น ทางสถาบันจะออกค่าเดินทางให้ทั้งหมด
“เมื่อครอบครัวรู้ว่าต้องไปเรียนที่ จ.ขอนแก่น จึงไม่อนุญาต เราจึงขอยกเลิกคอร์สช่วงปิดเทอม ซึ่งทางค่ายรับปากว่าจะคืนเงินให้ก่อนวันที่ 5 ตุลาคม 2559 แต่จนบัดนี้เราก็ยังไม่ได้รับเงินคืนแม้แต่บาทเดียว แม้จะพยายามติดต่อกับทางค่ายทั้งทางโทรศัพท์และทางเพจของค่ายก็ไม่สามารถติดต่อได้ เราคิดว่าคงถูกโกงแน่แล้ว จึงไปร้องทุกข์ที่ศูนย์ดำรงธรรม อ.ปะทิว พร้อมเข้าไปตั้งกระทู้ในเว็บพันทิปเพื่อต้องการเตือนภัย มีคนสนใจแชร์กระทู้ของเราไปกว่า 1,200 ครั้ง จากนั้นค่ายกวดวิชาก็ติดต่อกลับมาขอให้ลบกระทู้ดังกล่าว และรับปากว่าจะคืนเงินให้พวกเราภายในวันที่ 30 พฤศจิกายน 2559 แต่จนถึงวันนี้พวกเราก็ยังไม่ได้เงินคืน และไม่มีการติดต่อใดๆ จากค่ายดังกล่าวอีกเลย และทราบว่าค่ายดังกล่าวกำลังจะเปิดค่ายใหม่อีกแต่เปลี่ยนไปใช้ชื่ออื่น” น.ส.พิมพ์ชนก กล่าว
ด้าน น.ส.มณีฉายก็เปิดเผยว่า ตนสองคนต้องเสียเงินให้ค่ายดังกล่าวไปแล้วคนละ 31,867 บาท แบ่งเป็นเงินที่ค่ายระบุว่าจะคืนให้หลังจบคอร์สที่ จ.สุราษฎร์ธานี 300 บาท ค่าเรียนคอร์สปิดเทอม 29,900 บาท และค่าประกันที่พัก 1,667 บาท นอกจากนั้น ยังมีเพื่อนๆ อีก 15 คนที่ยังไม่ได้รับเงิน 300 บาทคืน รวมเป็นเงิน 4,500 บาทด้วย
ร.ต.อ.วุฒิพงศ์กล่าวว่า จากการสอบปากคำ น.ส.มณีฉาย และ น.ส.พิมพ์ชนก ทราบว่าสถานที่เกิดเหตุคาบเกี่ยวกันระหว่าง จ.ชุมพร ที่เด็กมีการโอนเงินผ่านธนาคารกสิกรไทย สาขาชุมพร ให้ค่ายกวดวิชาดังกล่าว กับสถานที่ที่เด็กไปเข้าค่ายคือ จ.สุราษฎร์ธานี ดังนั้น จึงต้องลงบันทึกประจำวันไว้ก่อน จากนั้นจะประสานกับตำรวจ จ.สุราษฎร์ธานี เพื่อดำเนินการตามกฎหมายต่อไป
ข่าวจาก : matichon.co.th
- ไม่สามารถใส่ชื่อเว็บไซต์ใด ๆ ก็ตาม ลงในช่องแสดงความคิดเห็น
- ระบบสามารถรับข้อความ ได้สูงสุดเพียง 2,000 ตัวอักษร ต่อหนึ่งครั้ง
- ผู้ดูแลเว็บไซต์ จะลบข้อความที่ไม่เหมาะสม และข้อความโฆษณาสินค้า หรือบริการ