ยังจำได้ไหม ?!! “หมอวิสุทธิ์” ซึ่งเคยถูกพิพากษาประหารชีวิต ตอนนี้บวชเป็นพระ จนเปลี่ยนไปขนาดนี้แล้ว….. (อยากให้อ่านมากๆ)





ผมอยากให้อ่านให้จบ.เพื่อเป็นอุทาหรณ์ กับใครอีกหลายคน ครับ

???จำพระรูปนี้ได้ไหม พระเทพฯทรงใส่บาตร"หมอวิสุทธิ์"

บทความจาก พระอาจารย์ไพศาลวิสาโล ได้กล่าวว่าพวกเราอาจจะเคยได้ยินชื่อ

หมอวิสุทธิ์ บุญเกษมสันติ ซึ่งเคยถูกพิพากษาประหารชีวิต เพราะโดนข้อหาฆ่าภรรยา

หมอวิสุทธิ์เป็นศาสตราจารย์ ทางการแพทย์ที่จุฬาฯ เก่งมากในเรื่องของการทำเด็กหลอดแก้ว เป็นอันดับต้นๆ ของเอเชีย มีฐานะดี แต่ชีวิตที่รุ่งโรจน์ ต้องพลิกผันตกต่ำ กลายเป็นนักโทษประหารเพราะการตัดสินใจที่ผิดพลาด มีปัญหาความรักและแก้ปัญหาง่ายๆด้วยการฆ่าภรรยา

ภายหลังได้รับการลดหย่อนผ่อนโทษ ตอนนี้จึงออกมาจากคุกได้ เพราะโทษเบาบาง

เมื่อไม่นานมานี้ท่านได้ให้สัมภาษณ์สื่อไว้อย่างน่าสนใจมาก

 

โดยเผยชีวิตเบื้องหลังกำแพงเรือนจำกับชีวิตใหม่หลังก้าวผ่านคำว่านักโทษประหาร สู่การเรียนรู้ชีวิต จากโรงเรียนแห่งใหม่ที่ถูกเรียกว่า "เรือนจำ"

เมื่อได้ลองทบทวนตัวเองอย่างจริงจัง ก็ทำให้เขาได้รู้ว่าชีวิตก่อนหน้านี้ ตัวของเขาเป็นคนที่ประมาท ปล่อยให้ความโลภและความโกรธเข้าครอบงำจนไร้อิสระ ปล่อยให้อิทธิพลของลาภยศ คำสรรเสริญ เข้ามามีอำนาจเหนือตนเอง

แต่ในตอนนี้หลังจากที่ได้ทบทวนตัวเอง แม้ว่าจะต้องเสียสิ่งต่าง ๆ ไปมากมาย แต่เขากลับรู้สึกว่าตอนนี้เขาได้เรียนรู้ตัวเองมากขึ้น ได้มองโลกในอีกมุมมองหนึ่ง มีการเจริญเติบโตของจิตวิญญาณและมีความสุขจากการให้

เข้าใจคำว่าจิตอาสามากขึ้น

จากรูปภาพที่เขาได้วาดในเรือนจำว่า ตัวของเขานั้นก็เปรียบเหมือนธุลีเล็ก ๆ ในโลกใบใหญ่ ไม่ได้ยิ่งใหญ่หรือสลักสำคัญอะไร หากเราหาความสุขได้จากการที่ตัวเองเป็นเพียงฝุ่นผง ความสุขนั้นก็จะอยู่กับเราอย่างยั่งยืน

เมื่อก่อนเป็นคนมีอัตตา คิดว่าควบคุมทุกอย่างได้ ทำให้โกรธง่าย แต่ตอนนี้ตัวเองเป็นเพียงฝุ่นเล็ก ๆ ก็ไม่จำเป็นต้องโกรธใครแล้ว

เมื่อมองย้อนกลับไป เขาไม่ได้ตำหนิตัวเอง และกลับรู้สึกว่าเข้าใจความคิดอ่าน ของภรรยามากขึ้น ตัวเองไม่ติดใจอะไรแล้ว ไม่โกรธแค้นขุ่นเคือง รู้สึกให้อภัยภรรยา ให้อภัยแก่ตัวเอง และก็อยากให้ภรรยาอภัยให้เช่นกัน

อุทาหรณ์ที่หมอวิสุทธิ์ บุญเกษมสันติ ได้เรียนรู้จากโรงเรียนชีวิตแห่งนี้ก็คือ มนุษย์เราควรจะต้องระมัดระวังในการใช้ชีวิต ไม่ประมาท

ต้องรู้สึกฝึกจิตตั้งแต่อายุน้อย ไม่จำเป็นต้องรอให้อายุมากแล้วจึงเข้าวัด ควรฝึกจิตอย่าประมาทให้กิเลส ความโลภ โกรธ หลง ครอบงำจิตใจ เพราะเมื่อไหร่ที่เราถูกครอบงำเราก็ทำผิดพลาดได้

หากมองย้อนชีวิตที่ผ่านมาแล้ว เสียดายที่ทุ่มเทกับงานการจนละเลยเรื่องการปฏิบัติธรรม แต่ก่อนในหัวมีแต่งาน ตำรา งานวิชาการ

จึงไม่สนใจเรื่องของการฝึกจิตใจ ไม่ใส่ใจเรื่องการครองสติ แต่ตอนนี้พบว่าการเจริญสติ การฝึกจิตใจสำคัญกว่าวิชาความรู้เสียอีก ถ้าท่านรู้ความจริงข้อนี้ตั้งแต่ยังเป็นหนุ่มก็คงจะรีบปฏิบัติธรรมเสียตั้งแต่ตอนนั้น ไม่รอให้แก่ก่อน นี่เป็นข้อคิดที่น่าสนใจว่าสุดท้ายคนที่ประสบความสำเร็จวิชาทางโลกแล้ว กลับพบว่าวิชาทางโลกไม่สำคัญเท่ากับการปฏิบัติธรรมและการเจริญสติ

นี่เป็นโศกนาฏกรรมที่เกิดขึ้นกับคนจำนวนมากที่มารู้ว่าวิชาชีวิตหรือการปฏิบัติธรรมเป็นเรื่องสำคัญก็ต่อเมื่อพลั้งเผลอพลั้งพลาดไปแล้ว

หมอวิสุทธิ์ยังโชคดีที่มีโอกาสแก้ตัว รอดชีวิตกลับมาปฏิบัติธรรม บางคนอาจจะไม่มีโอกาสแก้ตัวเพราะถูกประหารชีวิตไป หรือบางคนอาจจะทำบาปกรรมยิ่งกว่านั้น

ส่วนเราโชคดี ที่มีโอกาสให้เวลาใส่ใจกับเรื่องนี้

พวกเราส่วนใหญ่ยังไม่แก่ ยังหนุ่มยังสาว มีกำลังวังชาที่จะทำ ที่จะศึกษา

เรื่องนี้ ก็ขอให้ทุ่มเทกับวิชาชีวิตแต่ก็อย่าไปละเลยวิชาทางโลก เพราะยังมีประโยชน์ในการช่วยเสริมงานของเราหรือการปฏิบัติธรรมของเราได้ด้วย

พระถิระปุญโญ (หมอวิสุทธิ์ บุญเกษมสันติ)

บวชเมื่อ 27 ธันวาคม 2558 ที่วัดปทุมวนาราม
นายชัชวาล บุญเกษมสันติ ลูกชายของพระหมอสอบเป็นผู้ช่วยผู้พิพากษาได้ในปีเดียวกัน

 

 

ขอบคุณที่มา: Pairat Kerdsiri 

https://www.facebook.com/photo.php?fbid=1331866610190466&set=pcb.1331866653523795&type=3&theater

เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ๆ
- ไม่สามารถ copy ข้อความจากที่อื่น แล้วนำมา paste ในช่องแสดงความคิดเห็น
- ไม่สามารถใส่ชื่อเว็บไซต์ใด ๆ ก็ตาม ลงในช่องแสดงความคิดเห็น
- ระบบสามารถรับข้อความ ได้สูงสุดเพียง 2,000 ตัวอักษร ต่อหนึ่งครั้ง
- ผู้ดูแลเว็บไซต์ จะลบข้อความที่ไม่เหมาะสม และข้อความโฆษณาสินค้า หรือบริการ
error: