ทีมหมูป่า

Advertisement   Advertisement เมื่อวันที่ 17 ก.ค. เวลา 14.30 น. ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย กล่าวภายหลังประชุมครม.ถึงความคืบหน้าการจัดหาสถานที่เพื่อเลี้ยงขอบคุณเจ้าหน้าที่ ที่มาช่วยปฏิบัติงานภารกิจค้นหาทีมหมูป่าอะคาเดมีทั้ง 13 คน ว่า รัฐบาลเตรียมดำเนินการขอพระราชานุญาตเพื่อขอใช้สถานที่บริเวณพระลานพระลานพระราชวังดุสิต สำหรับเป็นสถานที่จัดงานเลี้ยง เนื่องจากสถานที่ดังกล่าวมีความกว้างขวาง สามารถรองรับคนได้เป็นจำนวนมาก ทั้งนี้กำหนดวันและเวลาของการจัดงานเลี้ยงทั้งหมด รัฐบาลได้กำหนดไว้เบื้องต้นแล้วแต่ยังไม่ได้ข้อยุติเพราะอาจจะมีการปรับเปลี่ยน ให้เกิดความเหมาะสมโดยคำนึงถึงความสะดวก ของเจ้าหน้าที่ที่มาร่วมงานด้วย โดยรัฐบาลจะเตรียมสถานที่พักระหว่างทาง สำหรับเจ้าหน้าที่ ที่เดินทางมาจากต่างจังหวัด เนื่องจากแต่ละคน แต่ละคณะ เดินทางทางมาไกล จากหลากหลายจังหวัด อย่างไรก็ตามการจัดงานเลี้ยงขอบคุณเจ้าหน้าที่ดังกล่าว รัฐบาลได้เตรียมพร้อมเพื่อให้สมกับที่เจ้าหน้าที่ทุกคนทุ่มเทกำลังกายและกำลังใจในการปฏิบัติภารกิจครั้งสำคัญในครั้งนี้ได้สำเร็จ Advertisement ข่าวจาก : ข่าวสดออนไลน์

  การเจ็บไข้ได้ป่วยถ้าไม่มีรักษาอาจจะมีผลตามมาร้ายแรง สำหรับชาวบ้านที่อยู่ห่างไกลความเจริญแล้ว การเดินทางไปหาหมอแต่ละครั้งนั้นแสนจะลำบาก แต่ก็ยังโชคดีที่มีหมอชนบท มองเห็นถึงความลำบากในข้อนี้ จึงได้พยายามไปให้การช่วยเหลือ ซึ่ง หมอดล หมออนามัย รพ.สต.โพซอ อ.แม่สะเรียง จ.แม่ฮ่องสอน ได้โพสต์การเดินทางที่แสนลำบากเพื่อไปฉีกวัคซีนให้ชาวบ้านในถิ่นทุรกันดารลงในเฟซบุ๊ก “พิชญดล เผือกพาคำ” พร้อมข้อความว่า บทเรียนของน้องคือตำราของพี่ น้องๆ ทีมหมูป่าติดถ้ำ 15 วัน ยังรอด หมอป่าออกพื้นที่ฉีดวัคซีนต้องรอด555 จากนี้ถ้าเราพบเจอปัญหาเหนื่อยหรือท้อ ขอให้นึกถึงน้องๆ ทีมหมูป่านะครับ เขาเจออะไรที่โหดกว่าเราเยอะ แต่สุดท้ายน้องๆ ก็ผ่านมันมาได้… เพราะมีสติและความอดทน… Hooyah Hooyah Hooyah น้องๆ ปลอดภัยสบายใจออกพื้นที่ได้!!! ขออนุญาตเข้าพื้นที่ครับ       ขอบคุณข้อมูลจาก : พิชญดล เผือกพาคำ

  เมื่อเวลา 08.30 น.วันที่  17 ก.ค. 61  ที่กองพันเสนารักษ์ที่ 3 ค่ายสุรนารี อ.เมือง จ.นครราชสีมา กองพลทหารเสนารักษ์ที่ 3 กว่า 50 นาย ได้มีการจัดแถวเพื่อต้อนรับการเดินทางกลับหน่วย ของ พ.ท.นพ.ภาคย์ โลหารชุน หรือหมอภาคย์ ผู้บังคับการกองพันเสนารักษ์ที่ 3 ภายหลังจากที่เดินทางไปปฏิบัติภารกิจช่วยเหลือเยาวชนทีมหมูป่าอะคาเดมี่ ที่ติดอยู่ภายในถ้ำหลวง-ขุนน้ำนางนอน จ.เชียงราย ซึ่งหมอภาคย์ ถือว่าเป็นกำลังสำคัญในการเข้าไปช่วยปฐมพยาบาล และประเมินสุขภาพของทีมหมูป่าทั้ง 13 คน จนสามารถช่วยทั้งหมดออกมาจากถ้ำได้สำเร็จ กลายเป็นหนึ่งในฮีโร่ที่คนไทยทั้งประเทศยกย่องให้เป็น “หมอที่แข็งแรงที่สุดในปฐพี” ทันทีที่หมอภาคย์ เดินทางมาถึงหน่วย ก็ได้เข้าไปไหว้ศาลปู่ประยุทธ-ศาลปู่ดำ ที่ตั้งอยู่หน้าหน่วย หลังจากนั้นก็ได้มีพิธีตั้งแถวรายงานจำนวนกำลังพล และการปฏิบัติงานในหน่วยกองพันเสนารักษ์ที่ 3 ระหว่างที่หมอภาคย์ไม่อยู่ พร้อมกับได้พร้อมใจกันส่งเสียง “ฮูยาห์ๆ” ซึ่งเป็นคำประกาศชัยชนะของหน่วยซีล ก่อนที่ตัวแทนกำลังพลกองพันเสนารักษ์ที่ 3 จะนำช่อดอกไม้มามอบให้ เพื่อเป็นการต้อนรับกลับเข้าสู่หน่วยอีกครั้ง พ.ท.นพ.ภาคย์ โลหารชุน หรือหมอภาคย์ ผู้บังคับการกองพันเสนารักษ์ที่ 3 เปิดเผยว่า เหตุการณ์ช่วยเหลือทีมหมูป่าอะคาเดมี่ครั้งนี้ […]

  เดลี่เมล์ รายงานคำให้สัมภาษณ์ของนายเจสัน เมลลินสัน นักดำน้ำวัย 50 ปี และนายคริส จีเวลล์ วัย 35 ปี เพื่อนร่วมทีมดำน้ำชาวอังกฤษ ถึงเบื้องหลังการช่วยชีวิตทีมหมูป่า ว่าตอนที่พวกตนจะพาทีมหมูป่าออก ได้บอกเจ้าหน้าที่ว่ามีโอกาสไม่น้อยที่สมาชิกหมูป่าบางคนอาจไม่รอด ทั้งสองกล่าวว่า เมื่อประเมินจากสภาพแวดล้อมที่เลวร้ายลงเรื่อยๆ ไม่ว่าจะเป็นพายุฝนที่คอยซ้ำกระหน่ำให้น้ำในถ้ำสูงขึ้น และสภาพของเด็กๆ ที่อิดโรยลงทุกวัน รวมไปถึงระดับออกซิเจนในถ้ำที่ลดลง จึงแจ้งกับเจ้าหน้าที่ไทยไปเช่นนั้น     นายเจสันและนายคริส เปิดเผยว่าปฏิบัติการครั้งนี้เกือบกลายเป็นหายนะ แม้ว่าจะมีการวางแผนอย่างรอบคอบแล้วก็ตาม พร้อมกันนี้ยังพูดกับฝ่ายไทยถึงแผนทางเลือกหนึ่งที่จะทิ้งเด็กไว้ในถ้ำจนกว่าจะพ้นระยะฤดูฝน ว่าคงจะทำเหยื่อคนใดคนหนึ่งเสียชีวิต ส่วนความพยายามที่จะวางท่อส่งออกซิเจนเข้าไปที่ยังทำไม่สำเร็จ ยิ่งทำให้ปฏิบัติการดำน้ำกู้ชีพยากขึ้นไปอีก ในช่วงจังหวะหนึ่ง คริสกำลังช่วยเหลือนำส่งเด็กชายคนหนึ่ง เด็กเกิดหลุดมือจากเชือกนำทาง จนพยายามหากันท่ามกลางความมืด และความหวาดกลัวอย่างที่สุด แต่ไม่มีใครในทีมหมูป่าแสดงอาการวิตกกังวล   นายคริส จีเวลล์   นักดำน้ำชาวอังกฤษกล่าวด้วยว่า ระเบียบและอุปกรณ์สวมใส่ของนาวิกโยธินไทยผิดพลาดอย่างสิ้นเชิงสำหรับการดำน้ำในถ้ำ กระทั่งเกิดกรณีการเสียชีวิตของหนึ่งในทีมงาน จึงทำให้เจ้าหน้าที่ตระหนักว่าน้ำลึกจนยืนไม่พ้นและต้องระมัดระวังในภารกิจอย่างยิ่งยวด สองนักดำน้ำนี้เดินทางมาถึงประเทศไทยเพื่อช่วยเหลือทีมหมูป่าครั้งแรกในวันที่ 2 ก.ค. และพยายามทำความคุ้นเคยกับสภาพของถ้ำ รวมไปถึงศึกษาส่วนต่างๆ ของถ้ำที่อาจสร้างปัญหาให้กับการนำตัวเด็กออกมา ส่วนระหว่างที่การนำตัวทีมหมูป่าออกมา ปัญหาเรื่องภาษาไม่ใช่ปัญหาใหญ่ นายเจสันเล่าว่าส่วนใหญ่แล้วตนจะพูดปลอบให้เด็กใจเย็นลง ลดความตื่นเต้น […]

  16 ก.ค.61 เฟซบุ๊ก ภาคย์ โลหารชุน ซึ่งเป็นเฟซบุ๊กของ พ.ท.นพ. ภาคย์ โลหารชุน ได้โพสต์ภาพและข้อความเนื่องในวันที่ต้องออกจาก รพ.ไปพักฟื้นต่อที่บ้าน โดยระบุความประทับใจต่อทีมหมูป่าว่า "เจอกันที่โคราชนะ  สิ่งที่ผมประทับใจเด็กๆทีมหมูป่า – ความสดใสซื่อเดียงสา มองโลกในแง่ดี มีขวัญ&กำลังใจดีเยี่ยม แม้จะอยู่ในสถาพแวดล้อม/สถาณการณ์วิกฤต  ทุกวันเด็กๆจะไปขุดโพรงหาทางออกโดยใช้เศษหิน (ได้ลึกถึง 5 เมตรเลย) ทั้งๆที่ไม่ได้กินข้าวกัน – มีวินัย…รวมรวมเศษขยะ หลังกินแต่ละมื้อ ทิ้งลงถุงดำ  โค้ชเอกสอนเด็กๆเสมอว่าไม่ให้เก็บสิ่งของจากในถ้ำเอากลับไปเป็นของตนเอง…ซึ่งเด็กๆทุกคนก็เชื่อฟังและปฏิบัติตามเป็นอย่างดี – โค้ชเอก จิตใจดีงาม เป็นผู้เสียสละอย่างแท้จริง  ผมแอบสังเกตตั้งแต่วันแรก เอกจะให้เด็กๆอิ่มก่อนโดยแบ่งอาหารในส่วนของตนให้เด็กๆ  ผมมั่นใจในการดูแลเอาใจใส่เด็กๆอย่างดีก่อนที่ทีมจะมาพบเด็กๆ เพราะสุขภาพกาย&ใจ ของเด็กๆทุกๆคน ดีกว่าที่ผมคาดการณ์ไว้มากทีเดียว  เด็กๆทีมหมูป่าทุกคนทราบถึงความเสียสละของทุกคนในการค้นหาพวกเค้า  และ ผมมีความมั่นใจว่าเด็กๆหมูป่าจะเติบโต เป็น 'บุคลากรที่ยอดเยี่ยมของประเทศ ทำคุณประโยชน์ และ ชื่อเสียงให้ประเทศไทยในอนาคตต่อไป'   ขอบคุณข้อมูลจาก : ภาคย์ โลหารชุน

  วัน อยู่บำรุง ไม่เห็นด้วยกรณีสนับสนุนให้ทุนทีมหมูป่าเรียนจนจบ ชี้ควรให้ญาติทีมกู้ภัยหรือครอบครัวนาวาตรีสมาน เหมาะสมกว่า เมื่อวันที่ 15 ก.ค.  นายวัน อยู่บำรุง ลูกชาย ร.ต.อ.เฉลิม อดีตรองนายกรัฐมนตรีและแกนนำพรรคเพื่อไทย ได้ไลฟ์สดโดยช่วงหนึ่ง ได้กล่าวชื่นชมการเจ้าหน้าที่ทุกฝ่ายที่สามารถช่วยเหลือเยาวชนและโค้ชทีมฟุตบอลหมูป่า ออกมาจากถ้ำได้อย่างปลอดภัย ส่วนกรณีมหาวิทยาลัยชื่อดังแห่งหนึ่งประกาศสนับสนุนทุนการศึกษาให้ทีมฟุตบอลหมูป่าจนจบปริญญา นายวัน ระบุว่า ตนไม่เห็นด้วย และคิดว่าสถาบันฯดังกล่าว ควรสนับสนุนบุตรหลานเจ้าหน้าที่ทีมกู้ภัย โดยเฉพาะครอบครัวของนาวาตรี สมาน กุนัน จะสมควรกว่า เนื่องจากเยาวชนกลุ่มดังกล่าวเป็นผู้ประสบภัย “เขาเป็นผู้ประสบภัย ไม่ใช่ฮีโร่ ฮีโร่คือทีมค้นหาทุกคน ควรจะไปปูนบำเหน็จให้เขาดีกว่า” “น้องเป็นผู้ประสบภัย ไม่ใช่ฮีโร่ ใช้เงินใช้ทองอะไรก็เอาแต่พอควรเถอะ ถ้าอยากจะให้ ไปให้กับทีมค้นหาทั้งหมด ครอบครัวจ่าสมานอะ และขอแสดงความเสียใจกับครอบครัวจ่าสมานด้วย”   ขอบคุณข้อมูลจาก : วัน อยู่บำรุง

เสร็จสิ้นไปได้ด้วยดีสำหรับภารกิจกู้ภัยช่วยเหลือทีมหมูป่า ออกจากถ้ำหลวงได้สำเร็จ ทั้ง 13 คนสามารถรอดออกมาจากถ้ำอย่างปลอดภัย หลังจากใช้เวลา 17 วัน โดยทั้งหมดถูกนำส่งรักษาพยาบาลที่โรงพยาบาลเชียงรายประชานุเคราะห์ ตั้งแต่เมื่อวันที่ 8-10 ก.ค. ที่ผ่านมา ก็ได้มีกระแสดราม่าถึงการช่วยเหลือต่างๆที่ทางผู้ใหญ่มอบให้ โดยเฉพาะเรื่องทุนการศึกษาที่กำลังดราม่าอย่าง ถึงขั้นมีการคัดค้านและยังต้องรอทางด้านผู้ใหญ่สรุปผลอีกครั้ง ล่าสุดทางข่าวช่องวันก็ได้มีการรายงานถึงเรื่องนี้และได้แนะนำแนวคิดบทเรียนหลังจากเกิดเหตุการณ์โดยได้มีการกล่าวถึงคำขอ ของน้องๆทั้ง 13 คนว่า น้องๆไม่เคยขออะไรมากไปกว่าหมูกระทะ ไม่เคยขออะไรมากไปกว่าผัดกระเพรา ไม่เคยขออะไรมากไปกว่าไก่ทอด และไม่ควรยัดเยียดบางสิ่งบางอย่างให้กับน้องๆ เพราะคนไม่ได้ตามไปว่าผู้ให้ แต่ตามไปว่าผู้รับ ตอนนี้อยู่ในโรงพยาบาล รอออกพร้อมกัน คลิปเต็ม ขอบคุณที่มาคลิป : ข่าวช่องวัน

เรียกว่ากลายเป็นดราม่าอยู่ไม่น้อย หลังม.ดัง ออกหนังสือถึงผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงรายเพื่อขอมอบทุนการศึกษาเรียนฟรีระดับปริญญาตรีถึงปริญญาเอก ให้กับน้องๆเเละโค้ชทีมหมูป่าทั้ง 13 คน จนกลายเป็นดราม่าใหญ่เพราะหลายคนมองว่าเด็กๆเหล่านี้ไม่ใช่ฮีโร่ ควรจะปฏิบัติให้เหมือนกับเด็กคนอื่นๆ ล่าสุด!! “คุณย่าน้องดอม” ก็ออกมาเผยกับอัมรินทร์ทีวีถึงประเด็นนี้ว่า “กลัวว่าสังคมจะมองว่าหลานเอาเปรียบคนอื่น เนื่องจากหลานเป็นผู้ประสบภัย เเต่กลับได้รับทุนการศึกษา เเละหากน้องออกจากโรงพยาบาล คุณย่าจะให้น้องกลับมาใช้ชีวิตตามปกติ ให้ดิ้นรนทำเองในสิ่งที่ต้องการ โดยเฉพาะเรื่องเรียน หลังจากหยุดไปหลายวัน คาดว่าคุณครูน่าจะให้ความช่วยเหลือ” เราไปชมคลิปนี้พร้อมๆกันเลยค่ะ ชมคลิป ขอบคุณที่มา : AMARIN TVHD

  "หม่อง ทองดี"ยังหวังได้รับสัญชาติไทย เผยก.มหาดไทย ให้รวบรวมข้อมูลส่งไปให้อีกครั้วเพื่อเข้าสู่กระบวนกาารพิจารณา พร้อมขอชื่นชม "จ่าแซม" ฮีโร่ที่เสียสละช่วยเหลือเด็กๆ นายหม่อง ทองดี อายุ 21 ปี อดีตแชมป์เครื่องบินกระดาษพับระดับโลก เปิดเผยว่า หลังจากที่สร้างชื่อเสียงให้กับประเทศไทย ด้วยการคว้ารางวัลลำดับที่ 3 ในการแข่งขันที่ประเทศญี่ปุ่น เมื่อปี 2552 รัฐบาลขณะนั้นได้รับปากจะให้สัญชาติ แต่ขณะนี้ผ่านมาเกือบ 10 ปี ยังไม่ได้รับสัญชาติไทยแต่อย่างใด ล่าสุดเมื่อเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา ได้รับการติดต่อจากกระทรวงมหาดไทย ให้รวบรวมข้อมูลที่ได้สร้างชื่อเสียงให้กับประเทศ รวมทั้งข้อมูล การทำคุณประโยชน์ให้กับประเทศไทย ในเรื่องต่างๆ พร้อมกับให้นำส่งเรื่องที่รวบรวมได้ ไปที่กระทรวงมหาดไทยอีกครั้ง เพื่อเข้าสู่กระบวนการพิจารณา ขณะนี้กำลังอยู่ระหว่างการรวบรวมข้อมูลหากได้ข้อมูลครบ ทั้งหมดแล้วจะเดินทางไปยื่นด้วยตนเอง       สำหรับกรณี โค้ชและนักฟุตบอลทีมหมูป่า อะคาดมี่ ซึ่งไม่มีสัญชาติไทยจำนวน 3 คน ขณะนี้อยู่ระหว่างการยื่นขอสัญชาติหากได้รับจริงก็ดีใจด้วย เพราะว่าอยากให้เด็กที่เหมือนตนได้สัญชาติไทยกันทุกคน เชื่อว่าในรัฐบาลชุดนี้อาจจะเป็นไปได้เพราะเป็นรัฐบาลทหารอาจจะทำได้จริง ส่วนตัวผ่านมานานแล้วจึงไม่ค่อยรู้สึกอะไรยังคงใช้ชีวิตได้ตามปกติไม่เดือดร้อนแต่หากได้รับสัญชาติไทยก็จะดีใจมากเพราะจะสามารถเดินทางไปแข่งขันหรือคุมทีมในต่างประเทศได้อย่างสะดวกยิ่งขึ้น ส่วนกรณีโค้ชและเด็กทีมหมูป่า 13 ชีวิตได้รับการช่วยเหลือออกมาจากถ้ำได้อย่างปลอดภัยนั้น ต้องขอชื่นชม จ่าเอกสมาน […]

  13 ก.ค.61 ที่ลานศาลไคฟง ต.ควนโดน อ.ควนโดน จ.สตูล เพื่อนๆ จากมูลนิธิกู้ภัยดอกโดน ประชาชนทั่วไป กองเชียร์ทีมฟุตบอลคาเดนซ่า สตูล ยูไนเต็ด เยาวชนนักฟุตบอลโรงเรียนควนโดนวิทยาญาติพี่น้องและคนในครอบครัวของนายกำพลศักดิ์ สัสดี นักปีนเขากว่า 20 ปี ชาวสตูล วัย 41 ปี หนึ่งเดียวซึ่งเป็นตัวแทนจาก จ.สตูลเดินทางไปร่วมภารกิจ ช่วยค้นหาน้องๆ ที่ติดภายในถ้ำหลวง ขุนน้ำนางนอน จ.เชียงรายเป็นเวลากว่า 10 วัน หลังทราบข่าวทุกคนได้เดินทางมาร่วมต้อนรับการเดินทางกลับมาอย่างปลอดภัย พร้อมนำกระเช้าดอกไม้ มาร่วมแสดงความยินดีที่เป็นส่วนหนึ่งในภารกิจช่วยเหลือน้องติดภายในถ้ำหลวงกลับบ้านได้จนประสบผลสำเร็จ โดยทุกคนยกให้นายกำพลศักดิ์  สัสดี เป็นฮีโร่ของชาวสตูลที่เป็นส่วนหนึ่งในการร่วมภารกิจจนสำเร็จ นายกำพลศักดิ์ สัสดี อายุ 41 ปี คุณโฟ้ค นักปีนเขาจังหวัดสตูล ได้เล่าถึงบรรยากาศการทำงานที่ถ้ำหลวงฯ  ได้เห็นพลังคนไทยและชาวต่างชาติจำนวนมากที่ออกมาช่วยเหลือน้องๆ ทั้ง 13 คนที่ติดอยู่ในถ้ำและนาทีที่สร้างน้ำตาอย่างมาก คือการสูญเสียชีวิตของหน่วยซิล ที่ดำน้ำไปช่วยน้องๆ ซึ่งทำผมน้ำตาไหล หากถามว่าท้อไหมในช่วงตามหาบอกเลยว่าไม่ เราใช้ประสบการณ์ร่วมกับทีมนักเก็บรังนกเกาะลิบง ตามหาตามโพรงปล่องเขา เพราะสภาพลักษณะเขานั้นกว้างใหญ่ บางทีเหนื่อยก็หลับคาเชือกที่ห้อยปีนเขาอยู่เช่นกัน และเมื่อนาทีที่ค้นพบเจอน้องเขาเราดีใจมากและถือว่าทุกคนทุกชาติที่มาช่วยกันถือผู้เสียสละตามหาและดีใจน้องๆ ทุกคนปลอดภัย ข่าวจาก : หนังสือพิมพ์แนวหน้า