บัญชีม้า

Advertisement (14 ธ.ค. 67) จากกรณีที่ น.ส.ชาร์ลอต ออสติน นางงามและนักแสดงชื่อดัง ออกมาเปิดใจร่ำไห้ทั้งน้ำตา ว่าถูกขบวนการคอลเซ็นเตอร์ตีเนียนอ้างเป็นตร.ไซเบอร์-ดีเอสไอข่มขู่เอี่ยวคดีฟอกเงินหุ้นสตาร์ค โดยเจ้าตัวระบุเป็นแพนิกทำให้ตกเป็นเหยื่อ Advertisement ล่าสุดชุดสืบสวน บช.สอท. สามารถจับกุม น.ส.ปาริฉัตต์ อายุ 40 ปี หลังสืบสวนพบว่ามีความเกี่ยวข้องเชี่ยมโยงกับบัญชีที่ น.ส.ชาร์ลอตโอนเงินไปยังบัญชีของขบวนการคอลเซ็นเตอร์ โดยโอนเข้าบัญชีของผู้ต้องหารายนี้ จากนั้นคนร้ายได้โอนไปตามบัญชีม้าแถว 2 และแถว 3 ตามลำดับ โดยจับกุมได้ที่ จ.ชัยภูมิ Advertisement ทั้งนี้จาการขยายผลเส้นเงินที่ น.ส.ชาร์ลอต โอนไปยังคนร้ายกลุ่มนี้ พบว่ามีความเชื่อมโยงกับเคสไอดีที่แจ้งความไว้ในระบบแจ้งความออนไลน์หลายคดี ในจำนวนนี้มีกลุ่มบุคคลที่มีชื่อเสียงจากหลายวงการ รวมทั้งมีนางงามคนดังตกเป็นเหยื่อรวมอยู่ด้วย โดยในวันที่ 15 ธ.ค. เวลา 10.00 น. ทางพล.ต.ท.ไตรรงค์ ผิวพรรณ รรท.ผบช.สอท., พล.ต.ต. วิวัฒน์ คำชำนาญ รองผบช.สอท., พล.ต.ต.ชัชปัณฑกาณฑ์ คล้ายคลึง ผบก.สอท.1, และชุดทำงานจะแถลงข่าวความคืบหน้า ที่ บช.สอท.ต่อไป […]

4 มีนาคม 2567 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากกรณีที่ “โจวปลื้ม” อินฟลูเอนเซอร์และนางแบบชื่อดังออกมาเปิดเผยผ่านโซเชียลมีเดียว่า ตนได้ทำการซื้อบัตรคอนเสิร์ตของป๊อปสตาร์ระดับโลกอย่าง “เทย์เลอร์ สวิฟต์” (Taylor Swift) ที่จัดขึ้น ณ ประเทศสิงคโปร์ เมื่อวันที่ 3 มี.ค. 2567 แต่กลับไม่สามารถเข้าชมคอนเสิร์ตได้ เนื่องจากที่นั่งของตนมีการสแกนเข้าคอนเสิร์ตไปก่อนแล้ว และในเวลาต่อมาก็มีการสแกนเข้าที่นั่งดังกล่าวอีกหลายรอบ จนทำให้เจ้าหน้าที่ที่คัดกรองผู้เข้าชมคอนเสิร์ตในขณะนั้น ตัดสินใจเชิญทุกคนที่ถือบัตรในที่นั่งที่มีปัญหาออกจากพื้นที่การแสดงทั้งหมด ทำให้ชาวเน็ตพยายามสืบหาตัวตนของ “ร้านรับกดบัตร” ที่เป็นสาเหตุของเรื่องดังกล่าว อินฟลูเอนเซอร์สาวได้พบว่ามีคนที่ถือบัตรคอนเสิร์ตที่มีเลขที่นั่งเดียวกับตนถึง 8 คน โดยตนได้ซื้อบัตรจากผู้ขายบน X (Twitter) ซึ่งเป็นบัญชีของร้านรับกดบัตรชื่อดังที่มียอดติดตามเป็นหลักหมื่น เนื่องจากตนไม่สามารถซื้อบัตรได้ในระบบปกติ และภายหลังชาวเน็ตก็สืบทราบตัวตนของร้านรับกดบัตรดังกล่าว พร้อมกับสรุปประวัติและพฤติกรรมที่เข้าข่ายการฉ้อโกงในช่วง 3-5 ปีที่ผ่านมา ทั้งนี้ ข่าวสดรายงานด้วยว่า ยอดผู้เสียหายในไทยจากการโดนโกงบัตรคอนเสิร์ตของ “เทย์เลอร์ สวิฟต์” ที่ประเทศสิงคโปร์ครั้งนี้มีมากกว่า 120 ราย มูลค่าความเสียหายรวมหลักล้าน โดยมีทั้งการจำหน่ายบัตรซ้ำ และปลอมแปลงบัตรมาจำหน่ายเป็น “บัตรอัพ” หรือบัตรคอนเสิร์ตที่จำหน่ายในราคาที่สูงเกินจริง อย่างไรก็ตาม ในเวลาต่อมาร้านรับกดบัตรดังกล่าวได้ออกมาชี้แจงเกี่ยวกับประเด็นที่เกิดขึ้น และจะดำเนินการรับผิดชอบในสิ่งที่เกิดขึ้นอย่างถึงที่สุด […]

จากกรณีมีประชาชนหลายราย เจออุบายของแก๊งมิจฉาชีพหลอกเพื่อให้ไปเปิดบัญชีม้า ไม่ว่าจะตั้งใจหรือไม่ตั้งใจ ได้รับเงินค่าจ้างหรือไม่ได้รับเงินก็ตาม ถือว่าเป็นความผิดทางกฎหมายทั้งสิ้น โดยสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เตือนว่า การรับจ้างเปิดบัญชีหรือยอมให้ผู้อื่นใช้บัญชีธนาคาร มีโทษหนักทั้งจำทั้งปรับ โดยในปัจจุบันแก๊งมิจฉาชีพมีวิธีการมากมายเพื่อหลอกล่อเหยื่อให้เปิดบัญชีม้า ก่อนนำไปใช้ในการกระทำผิดกฎหมาย และผู้ที่ตกเป็นเหยื่ออาจไม่รู้ว่าการกระทำนี้เป็นสิ่งที่ผิดกฎหมาย โดยตามกฎหมายมาตรา 9 พ.ร.ก.มาตรการป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยี พ.ศ.2566 ระบุว่า การรับจ้างเปิดบัญชีหรือยอมให้ผู้อื่นใช้บัญชีธนาคาร บัตร ATM หรือ E-wallet เพื่อใช้ทำสิ่งที่ผิดกฎหมาย มีโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี หรือ ปรับไม่เกิน 300,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ หากยอมให้ผู้อื่นเอาบัญชีธนาคารหรือซิมโทรศัพท์ไปใช้เพื่อกระทำผิดความผิด ตัวเจ้าของบัญชีจะมีโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี ปรับไม่เกิน 30,000 บาท และหากอาสาเป็นธุระจัดหาเพื่อให้มีการซื้อขายบัญชีธนาคารหรือซิมโทรศัพท์ให้ผู้อื่นไปใช้ในการกระทำผิด จะมีโทษจำคุก 2-5 ปี ปรับไม่เกิน 200,000-500,000 บาท ดังนั้น ถ้ารู้ตัวว่ากำลังถูกหลอกหรือสงสัยว่าตนเองตกเป็นเหยื่อหรือไม่ ให้รีบแจ้งธนาคารที่ใช้บริการอยู่ทันที และหากพบเห็นการรับจ้างเปิดบัญชีม้าสามารถนำเรื่องไปแจ้งเหตุที่สถานีตำรวจเพื่อให้เจ้าหน้าที่ตำรวจดำเนินการทางกฎหมายต่อไป   ข่าวจาก : PPTV Online

26 ม.ค. 67 ที่กระทรวงยุติธรรม ถ.แจ้งวัฒนะ นายเอกภพ เหลืองประเสริฐ ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย และผู้ก่อตั้งเพจสายไหมต้องรอด นำนางสาวชุติกาญจน์ เหยื่อถูกถูกหลอกเปิดบัญชีม้า ร้องขอความช่วยเหลือเรื่องคดีความและการประกันตัวในชั้นศาล กับกระทรวงยุติธรรม หลังตกเป็นผู้ต้องหาคดีฉ้อโกงประชาชน และทุจริตนำเข้าข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ เพราะมีผู้เสียหายไปแจ้งความว่าเธอหลอกขายกระเป๋าแบรนด์เนมทางออนไลน์ในราคา 90,000 บาท นายเอกภพ ระบุว่ากรณีนี้คือเหยื่อของมิจฉาชั่ว ซึ่งนางสาวชุติกาญจน์ถูกหลอกให้เปิดบัญชีม้า หลังจากคลอดลูกได้ 4 เดือน สามีไม่มีงาน และไปเห็นโพสต์ใน Facebook รับสมัครสมาชิกออมเงินเทรดหุ้น ใช้เงิน 300 บาท ซึ่งคิดว่าเป็นการแค่สมัครสมัครสมาชิกแล้วได้เงินคืนกลับมา หลังจากนั้นมิจฉาชีพหลอกล่อขอข้อมูลเหยื่อบอกให้รอ otp หลังจากมิจฉาชีพได้รหัส otp ก็หายเงียบไป ในตอนนั้นคิดเพียงว่าแค่ถูกหลอกเงิน ไม่คิดว่าจะถูกเอาข้อมูลไปเปิดบัญชีออนไลน์ นายเอกภพ ระบุว่าไม่คิดว่ามิจฉาชีพจะเปิดบัญชีออนไลน์ได้ง่ายขนาดนี้ เพียงแค่เอาข้อมูลและ otp ก็สามารถไปเปิดได้เลย และซึ่งหลังจากนั้นมิจฉาชีพก็เอาข้อมูลไปโกงคนอื่น โกงกระเป๋า 90,000 บาทซึ่งนางสาวชุติกาญจน์บอกว่าทั้งชีวิตต่อให้ตายก็หามาคืนไม่ได้ ทั้งนี้นายเอกภาพบอกด้วยว่าได้มีการขอดูหลักฐานที่คุยกับมิจฉาชีพ ซึ่งเหยื่อมีครบว่าถูกหลอกจริง วันนี้จึงเดินทางมาขอความช่วยเหลือ กระทรวงยุติธรรม นอกจากนี้ช่วงเที่ยงจะประสานกับผู้เสียหาย เพื่อพูดคุยกับผู้เสียหายไกล่เกลี่ยและจะไปแจ้งความกับตำรวจไซเบอร์ เพื่อให้จับผู้กระทำผิดมาดำเนินคดีให้ได้ […]

16 มีนาคม เว็บไซต์ ราชกิจจานุเบกษา เผยแพร่พระราชกำหนด มาตรการป้องกันและปราบปราบอาชญากรรมทางเทคโนโลยี พ.ศ.2566 ทั้งนี้ มีสาระสำคัญ อาทิ กรณีที่สถานบันการเงิน หรือผู้ประกอบการธุรกิจ พบเหตุสงสัย หรือได้รับข้อมูลว่า บัญชีเงินฝากหรือบัญชีอิเล็กทรอนิกส์ ใช้ธุรกรรม กระทำความผิดหรือฟอกเงิน ให้สถาบันการเงิน ระงับธุรกรรมนั้นทันทีชั่วคราว ไม่เกิน 7 วัน นับแต่วันที่แจ้งเหตุ ผู้ใดเปิดหรือยินยอมให้บุคคลอื่นใช้บัญชีเงินฝาก บัตรอิเล็กทรอนิกส์ หรือบัญชีเงินอิเล็กทรอนิกส์ของตน โดยมิได้มีเจตนาใช้เพื่อตนหรือเพื่อกิจการที่ตนเกี่ยวข้องหรือยินยอมให้บุคคลอื่นใช้หรือยืมใช้เลขหมายโทรศัพท์สำหรับบริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ของ ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี หรือปรับไม่เกิน 300,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ผู้ใดเป็นธุระจัดหา โฆษณา หรือไขข่าวโดยประการใดๆ เพื่อให้มีการซื้อ ขาย ให้เช่า หรือให้ยืม บัญชีเงินฝาก บัตรอิเล็กทรอนิกส์ หรือบัญชีเงินอิเล็กทรอนิกส์เพื่อใช้ในการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยีหรือความผิดทางอาญาอื่นใดต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่ 2 ปี ถึง 5 ปี หรือปรับตั้งแต่ 200,00-500,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ข่าวจาก : […]

เปิดคลิปนาทีผู้ต้องหากอดลาแม่ หลังถูกจับรับจ้างเปิดบัญชีให้แก๊งคอลเซ็นเตอร์ หลอกเงินเมียเจ้าของวงหมอลำสาวน้อยเพชรบ้านแพง อ้างไม่รู้จะเอาบัญชีไปทำผิด เผยได้ค่าจ้างแค่ 500 บาท เมื่อวานนี้ (20 กุมภาพันธ์ 2565) เฟซบุ๊ก ทนายเก่ง นฤบดินทรา ศรีศิวารา เปิดเผยคลิปวิดีโอนาทีผู้ต้องหาหญิงนั่งกอดแม่ร้องไห้บนรถตู้ หลังถูกจับกุมกรณีไปรับจ้างเปิดบัญชีให้กับแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ซึ่งจากคลิปจะได้ยินเสียงแม่ร้องไห้สะอื้น พร้อมพูดกับลูกสาวว่า ชดใช้กรรมนะลูกที่เราก่อมา จำไว้อย่ากลับไปทำอีก ไม่ว่าเรื่องอะไรทั้งสิ้น โดยทนายเก่ง นฤบดินทรา ระบุเพิ่มเติมว่า เหตุการณ์ดังกล่าวสืบเนื่องจากคดีที่ภรรยาของ โจ ยมนิล นามวงษา เจ้าของวงดนตรีหมอลำสาวน้อยเพชรบ้านแพง แจ้งความดำเนินคดีหลังถูกแก๊งคอลเซ็นเตอร์หลอกโอนเงินไปกว่า 2 ล้านบาท ซึ่งผู้ต้องหาหญิงรายนี้อ้างว่า ถูกว่าจ้างเปิดบัญชีในราคา 500 บาทเท่านั้น ทั้งนี้ เดลินิวส์ออนไลน์ รายงานเพิ่มเติมว่า หลังเจ้าหน้าที่ได้รับแจ้งความจึงสืบสวนจนทราบบัญชีคนร้าย 3 บัญชี หนึ่งในนั้นคือ นางสาวศุภาวรรณ หงษา ผู้ต้องหารายนี้ ส่วนอีก 2 คน อยู่ระหว่างติดตามตัว ซึ่งนางสาวศุภาวรรณ รับสารภาพว่าถูกว่าจ้างเปิดบัญชีจากนางสาวฉัตรวรุณ จำนวนเงิน 500 […]