มจร.เล็งตั้ง กก.สอบปม “แชร์แครอท” ยันมหา’ลัยไม่เกี่ยวข้อง

Advertisement 22 ต.ค.67 พระราชวัชรสารบัณฑิต หรือเจ้าคุณประสาร รองอธิการบดีฝ่ายวางแผนและพัฒนา มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย หรือ มจร โพสต์ผ่านเฟซบุ๊ก “พระราชวัชรสารบัณฑิต – เจ้าคุณประสาร” กรณีที่เพจ “อีซ้อขยี้ข่าว : อีซ้อ” ออกมาโพสต์ว่ามีการอบรมให้พระสงฆ์ เล่นแชร์ลูกโซ่หรือ แชร์แครอท โดยยืนยันว่า Advertisement 1.มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย(มจร) ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องใดๆ ทั้งสิ้น 2.มหาวิทยาลัยไม่เคยมีผลประโยชน์อื่นใดแอบแฝง 3.มหาวิทยาลัยมีขบวนการคัดกรอง คัดสรรผู้คนที่จะเข้ามาเป็นวิทยากรบรรยายต่างๆ ในมหาวิทยาลัยทั้งส่วนกลาง วิทยาเขตและวิทยาลัยสงฆ์ Advertisement 4.ถ้าหากว่ามีบุคลากรไม่ว่าพระสงฆ์หรือคฤหัสถ์ของมหาวิทยาลัยมีส่วนเข้าไปยุ่งเกี่ยวในเรื่องนี้นั้นถือเป็นเรื่องส่วนบุคลที่จะต้องรับผิดชอบในเรื่องนีั โดยเฉพาะเรื่องศีลธรรมนั้นเป็นเรื่องสำคัญที่มหาวิทยาลัยตระหนักในทุกภาคส่วน 5.มหาวิทยาลัยจะตั้งคณะกรรมการขึ้นมาสอบข้อเท็จจริงเพื่อให้ความจริงปรากฏ เห็นใจ เข้าใจ รับรู้ถึงทุกข์ที่เกิดขึ้นจากผู้ถูกกระทำจนกลายเป็นผู้เสียหายตามที่ปรากฎในข่าวต่าง ๆ  

นิด้าโพลเผย ปชช.ส่วนมากเชื่อ ขอความเป็นธรรมผ่านสื่อเร็วกว่า ตร.

20 ต.ค.67 ศูนย์สำรวจความคิดเห็นนิด้าโพล สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (นิด้า) สำรวจความคิดเห็นเรื่อง ‘ใครจะคุ้มครองผู้บริโภค’ สำรวจระหว่างวันที่ 15-16 ตุลาคม 2567 จากประชาชนที่มีอายุ 18 ปีขึ้นไป กระจายทุกภูมิภาค, ระดับการศึกษา, อาชีพ และรายได้ ทั่วประเทศ รวมจำนวนทั้งสิ้น 1,310 หน่วยตัวอย่าง เกี่ยวกับการโฆษณาสินค้าของดาราและอินฟลูเอ็นเซอร์ จากการสำรวจเมื่อถามถึงการโฆษณาสินค้าของดาราและอินฟลูเอ็นเซอร์ส่งผลต่อการตัดสินใจซื้อสินค้าของประชาชน พบว่า ตัวอย่างร้อยละ 42.21 ระบุว่า ไม่ส่งผลเลย, ร้อยละ 22.98 ระบุว่า ส่งผลมาก, ร้อยละ 19.01 ระบุว่า ค่อนข้างส่งผล และร้อยละ 15.80 ระบุว่า ไม่ค่อยส่งผล ด้านความเชื่อของประชาชนที่มีต่อดาราและอินฟลูเอ็นเซอร์ใช้สินค้าจากการโฆษณาจริง พบว่า ตัวอย่างร้อยละ 52.29 ระบุว่า ไม่เชื่อว่าใช้สินค้านั้นจริง, ร้อยละ 22.98 ระบุว่า เชื่อว่าใช้สินค้านั้นเป็นบางครั้ง, ร้อยละ 20.53 ระบุว่า เชื่อว่าใช้สินค้านั้นเฉพาะตอนโฆษณา, […]

“บอย ปกรณ์” ยืนยัน “ไม่ได้เป็นบอส” ยอมรับว่าพลาด

เป็นจับตามองอย่างมากในสังคม เมื่อธุรกิจออนไลน์ชื่อดังมีผู้เสียหายจำนวนมากกำลังร้องเรียนจนเป็นข่าวฉาว มีการตีแผ่เครือข่ายธุรกิจขายตรง ที่มีชื่อของคนบันเทิงระดับแถวหน้าของเมืองไทยเข้าไปเอี่ยวด้วย ล่าสุด “บอย ปกรณ์ ฉัตรบริรักษ์” นักแสดงชื่อดัง ได้ออกมาเปิดใจชี้แจงในรายการโหนกระแส ตอนหนึ่งว่า ที่ตัดสินใจมาวันนี้ตั้งแต่มีเรื่องขึ้นมา มีคอมเม้นท์เดี่ยวกับผู้เสียหายขึ้นมาเราก็ตดใจเพราะไม่เคยรู้มาก่อนว่าเราไปมีส่วนเกี่ยวข้องกับตรงนี้ เลยรู้สึกไม่ค่อยดี จึงอยากออกมาชี้แจง เมื่อถามว่า รู้จัก The iCon ได้อย่างไร “บอย ปกรณ์” บอกว่า บอสพอลติดต่อมา ประมาณปี 2563 เพื่อให้ไปเป็นพรีเซนเตอร์สินค้าตัวหนึ่ง สัญญา 1 ปี พอครบสัญญาก็ไม่ได้ทำงานกับเขา หลังจากนั้นปี 2565 บริษัทก็ติดต่อตนมาอีกให้เป็นพรีเซนเตอร์กาแฟ หลังจากนั้นมาก็ต่อสัญญากันปีต่อปี จากปี 2565-67 โดยในสัญญาตนต้องเป็นผู้แสดงแบบ ออกรายการคอนเท้นต์ของบริษัท แต่ไม่เกี่ยวกับโมเดลธุรกิจแต่อย่างใด โดยงานหลักของตนเป็นพรีเซนเตอร์ในการโฆษณาสินค้าทั่วไป ไปออกอีเวนท์ขายสินค้า ไปออกรายการคอนเท้นต์เพื่อโปรโมทสินค้า ซึ่งในสโคปงานหรือตอนว่าจ้างงานไม่มีการพูดถึงในส่วนที่ให้เราชักชวนคนเข้ามา ไม่มีเลย แต่ก็จะมีการออกอีเวนต์ ก็จะมีบางสคริปต์ที่ให้เราพูดเชิงให้กำลังใจ แต่ยืนยันว่าตนไม่ได้เป็นบอส โดยกล้ายืนยัน 100% และยืนยันว่าตนไม่ได้เป็นผู้บริหารด้วย ซึ่งตนกล้าที่จะพิสูจน์ได้จากตัวแทนทุกท่าน หรือแม้แต่ผู้เสียหาย หรือใครก็ตามถ้าเกิดว่ามีหลักฐานเรียกตนว่าบอสนั้น ตนมั่นใจว่าไม่มีแน่นอน […]

“แซม” เปิดใจกับสื่อดัง ถ้าบริษัทผิดจริงพร้อมอยู่ข้าง ปชช.

จากกรณี ‘ธุรกิจเครือข่ายดัง’ ที่กำลังเป็นประเด็นร้อนอยู่ในโลกโซเชียลขณะนี้ ซึ่งพบว่ามีดาราตัวท็อปของวงการมาเป็นพรีเซนเตอร์ ทำเอาชาวโซเชียลสืบหาว่ามีใครบ้าง โดยในวันนี้พบว่าอินสตาแกรมของ 2 ดาราชื่อดังอย่างดารารุ่นใหญ่ ‘แซม’ ยุรนันท์ ภมรมนตรี และดาราสาวชื่อดัง ‘มิน’ พีชญา วัฒนามนตรี ก็เรียกได้ว่า มีชาวโซเชียลเข้าไปคอมเมนต์เป็นจำนวนมาก พร้อมทั้งจี้ให้ทั้ง 2 คนออกมาแสดงความบริสุทธิ์และออกมาตอบคำถามของสังคมถึงประเด็นร้อนแรงดังกล่าวอีกด้วย ล่าสุดวันนี้ (9ต.ค.67) ทีมข่าวไนน์เอ็นเตอร์เทน ได้ต่อสายตรงถึงพระเอกรุ่นใหญ่ ‘แซม ยุรนันท์’ เจ้าตัวรับสายพร้อมยินดีให้ข้อมูลอย่างละเอียดในส่วนของตน รู้จักกับเจ้าของบริษัทจากการเรียนหลักสูตรผู้บริหารแห่งหนึ่ง และอีกฝ่ายได้ชวนมาร่วมธุรกิจเพราะเห็นว่าตนมีความรู้ด้านผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพ ซึ่งตนศึกษาด้านนี้มาโดยตรง และมีธุรกิจโรงพยาบาลเป็นของตนเอง ตนเห็นว่าเป็นเรื่องดีที่จะได้ใช้ความรู้ความสามารถมาช่วยพัฒนาผลิตภัณฑ์สินค้าไทยให้มีคุณภาพมากขึ้นและเป็นที่รู้จักส่งออกขายต่างประเทศได้ จึงเซ็นสัญญาร่วมงานในตำแหน่งผู้อำนวการฝ่ายวิจัยและพัฒนาผลิตภัณฑ์ ได้เกือบ 1 ปี กำลังจะหมดสัญญาในปลายปีนี้ ซึ่งตั้งใจไว้ก่อนหน้านี้แล้วว่าอาจไม่ต่อสัญญา เพราะบริษัทไม่ได้มีผลิตภัณฑ์ออกมาบ่อย ๆ และตนมีงานละครติดต่อมาหลายเรื่องติดๆ กัน แซมยังเปิดเผยอีกว่า ตนได้ใช้ความรู้ความสามารถในการพัฒนาผลิตภัณฑ์ของบริษัทอย่างเต็มที่ เพราะอยู่ในแวดวงด้านสุขภาพมานาน รู้ว่าเทรนด์สุขภาพอะไรกำลังมาแรงและมีประโยชน์ก็ทำงานอย่างเต็มที่ ขณะเดียวกันตนยังมีหน้าที่ในการให้ความรู้-คำแนะนำในคลาสอบรมตัวแทนทุกวันอาทิตย์ ครั้งละครึ่งชั่วโมง ซึ่งตนก็ให้ความรู้อย่างเต็มที่มาตลอด “ยอมรับว่ารู้สึกตกใจ ไม่สบายใจเลยกับข่าวที่เกิดขึ้น และเสียใจที่มีผู้เดือดร้อนเสียหาย หากพบว่าบริษัทที่ตนร่วมงานด้วยผิดจริง ก็ขอเลือกอยู่ข้างประชาชน เพราะตนมีทุกวันนี้ได้ก็ด้วยความรักจากประชาชน […]

ส่องประวัติ “พอล” จากเด็กเสิร์ฟ สู่ซีอีโอพันล้าน

เป็นกระแสโด่งดังในโลกออนไลน์ขณะนี้ เมื่อมีการเปิดโปงธุรกิจขายตรงดิไอคอน ที่มีการประโคมดาราชั้นนำมาเป็นพรีเซนเตอร์ ซึ่งมีผู้เสียหายที่เป็นคนในวงการบันเทิงด้วยกันอย่างน้อย 2 คนขณะนี้ คือ “กบ ไมโคร” และ “คริสโตเฟอร์ เบญจกุล” ที่สูญเงินเก็บก้อนที่เก็บมาทั้งชีวิต เดลินิวส์ออนไลน์เผยประวัติเจ้าของธุรกิจนี้ “พอล-วรัตน์พล วรัทย์วรกุล” ผู้ก่อตั้งและซีอีโอ ตัวจริง ของอาณาจักรธุรกิจออนไลน์ THE ICON GROUP พอล-วรัตน์พล เติบโตมาในครอบครัวที่ไม่ได้ร่ำรวย จึงต้องเริ่มทำงานหาเลี้ยงชีพตัวเองและแบ่งเบาภาระครอบครัวตั้งแต่ยังเรียนหนังสือ โดยการไปรับจ้างเป็นเด็กเสิร์ฟในร้านอาหารตอนค่ำ ควบคู่ไปกับการทำงานพิเศษอื่น ๆ หาเงินส่งเสียตัวเองเรียน กระทั่งเริ่มทำงานประจำฝ่ายการตลาด เงินเดือนเพียง 6,000 บาท แต่ด้วยความสามารถและขยัน จนมีรายได้ทวีคูณเป็น 10 เท่า จึงลาออกมาทำธุรกิจค้าขายให้ตัวเองอย่างเต็มรูปแบบ สู่ธุรกิจขายกระเบื้องออนไลน์งานแรก จนกลายเป็นวัยรุ่นที่มากด้วยประสบการณ์จากการทำงานมากมายหลากหลาย ก่อนมาเป็นเจ้าของธุรกิจ ดิ ไอคอน กรุ๊ป นอกจากนี้ในฐานะซีอีโอ The iCON GROUP ได้เผยเคล็ดลับความสำเร็จ ด้วย กลยุทธ์ 3 ประสาน คือ “ระบบ-ทีม-ราคา” […]

ย้อนคดีดัง ‘แชร์ลูกโซ่’ ผ่านมา 34 ปี วิธีการเดิมๆไม่เปลี่ยน ตร.แนะ 7ข้อสังเกตก่อนตกเป็นเหยื่อ

  ข่าวการจับกุมอาหารเสริมและเครื่องสำอางค์ ‘เมจิกสกิน’ รวมทั้งผลิตภัณฑ์ลดความอ้วน‘ลีน’ ที่ตำรวจร่วมกับหลายหน่วยงาน กำลังขยายผลอยู่อย่างขะมักเขม้นในช่วงนี้ พล.ต.อ.วิระชัย ทรงเมตตา รอง ผบ.ตร. ระบุว่าพบพฤติกรรมบางอย่างที่อาจเข้าข่าย ‘แชร์ลูกโซ่’ อาทิการเปิดโรงเรียนสอนขายของให้รวย และการบังคับให้ตัวแทนจำหน่ายต้องสั่งสินค้าตามรอบ เป็นต้น   สอบผู้ต้องหาคดียูฟัน   ‘แชร์ลูกโซ่’ ชื่อนี้ไม่ใช่เรื่องใหม่ แต่มันเป็นรูปแบบวิธีการหลอกลวงระดมเงินจากประชาชน จูงใจด้วยผลตอบแทนสูงเกินจริง อ้างว่านำไปลงทุนในธุรกิจที่มีกำไรดี บ่อยครั้งจะแฝงมากับธุรกิจขายตรง แต่กลับไม่เน้นให้สมาชิกขายสินค้า แต่จะให้เร่งหาสมาชิกใหม่ เพื่อนำเงินจากรายใหม่มาจ่ายรายเก่า เมื่อจำนวนสมาชิกมากขึ้นจนถึงจุดที่หมุนเงินไม่ไหว ก็จะหอบเงินหนีหายไปทิ้งหนี้สินไว้เบื้องหลัง คนไทยเริ่มรู้จักกลโกงหลอกลวงลักษณะแชร์ลูกโซ่ ตั้งแต่เมื่อปี 2527 จากคดีแชร์แม่ชม้อย ของนางชม้อย ทิพย์โส อดีตพนักงานขององค์การเชื้อเพลิง ที่หลอกลวงให้นำเงินมาลงทุนซื้อรถขนน้ำมัน คันละ 1.6 แสนบาท โดยสามารถแยกลงทุนเป็นครึ่งคัน หรือ เป็นล้อ โดยจะได้รับผลตอบแทนใน 15 วัน ในอัตราเดือนละ 6.5 % หรือปีละ 78 % จึงมีคนนับหมื่นหลงกลแห่นำเงินมาร่วมลงทุน มีผู้เสียหายกว่า 16,000 […]

error: