แชร์ประสบการณ์จริง!! คนไม่ได้เรียนจบครู5ปี แล้วต้องมาเป็นครู “เจอกับอะไรบ้าง?”





 

ขอแชร์ประสบการณ์บ้างนะครับ จากคนที่ไม่ได้เรียนจบครู 5 ปี แล้วมาเป็นครู ชีวิตจะต้องพบเจอกับอะไรบ้าง

ผมเอง จบปริญญาตรี วิทยาศาสตรบัณฑิต เกียรตินิยมอันดับ 1 ด้วยคะแนนสูงสุดในภาควิชาชีววิทยาของมหาวิทยาลัยในปีนั้น ทำให้ผมทะนงตนเองนิดนึงว่า ผมเป็นคนเก่ง นี่คือผม ในช่วงที่จบมหาวิทยาลัยใหม่ๆ ด้วยความที่เสียดายความรู้จึงสอบเข้าศึกษาต่อปริญญาโท ในสาขาวิชาพฤกษศาสตร์ จนกระทั่งจบปริญญาโท วิทยาศาสตรมหาบัณฑิต จากมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ เมื่ออายุ 26 ปี

จากโปรไฟล์ของผม การศึกษาระดับนี้ ณ ตอนนั้น ผมคิดว่ามันมากเกินพอแล้วที่จะมาเป็นครู ผมสอนหนังสือได้สบายมาก ผมคิดเช่นนั้น จึงมาสมัครเป็นครูในโรงเรียนเอกชนแห่งหนึ่งที่เน้นการจัดการเรียนการสอนทางด้านวิทยาศาสตร์-คณิตศาสตร์ ด้วยความทะนงตนเองว่าผมเก่ง

แต่…..ผมคิดผิด สิ่งที่ผมพบเมื่อมาเป็นครู มันแทบจะทำให้ผมล้มเลิกความคิดที่อยากจะเป็นครูไปโดยสิ้นเชิง ผมยอมรับว่าผมแม่นในเนื้อหา แต่…สิ่งที่ผมขาดคือ ทักษะทางด้านการสอน การควบคุมชั้นเรียน การออกแบบการจัดการเรียนรู้ จิตวิทยาครู จรรยาบรรณวิชาชีพครู และที่สำคัญที่สุด "จิตวิญญาณความเป็นครู" ผมไม่มี ในตอนนั้น ผมแทบจะยื่นใบลาออกแล้วเปลี่ยนอาชีพเลยก็ว่าได้ แต่….ผมถามตัวเอง ผมมาที่นี่เพื่อลาออกอย่างนั้นเหรอ ผมจะยอมแพ้เหรอ ผมเคยเชื่อว่าตัวเองเก่งไม่ใช่เหรอ ผมจึงคิดใหม่ ผมเปิดใจ ยอมที่จะเรียนรู้ในสิ่งที่ผมไม่เคยรู้มาก่อน นั่นคือ "วิชาชีพครู" ผมยอมที่จะนับ 1 ใหม่ พร้อมที่จะพัฒนาตนเอง พร้อมที่จะเรียนรู้ใหม่ ในตอนนั้น คุรุสภาเปิดโอกาสให้ผู้ที่ไม่ได้จบครู สามารถนำวุฒิการศึกษาไปเทียบมาตรฐานวิชาชีพครูได้ ประกอบกับทางโรงเรียนก็ได้กรุณาทำหนังสือผ่อนผันกับคุรุสภา ออกหนังสืออนุญาตให้ปฏิบัติการสอนโดยไม่มีใบประกอบวิชาชีพ ซึ่งมีอายุแค่ 2 ปี ต่ออายุได้เพียง 2 ครั้ง หมายความว่า ผมมีเวลา 4 ปี ที่จะพัฒนาตนเองเพื่อให้ได้มาซึ่งใบอนุญาตประกอบวิชาชีพครู ในตอนนั้น มาตรฐานวิชาชีพครูยังคงมีแค่ 9 มาตรฐาน แต่เชื่อมั๊ยครับ ปริญญาทั้งหมดทั้งมวลของผม เทียบได้แค่มาตรฐานเดียว คือ "ภาษาและเทคโนโลยีสำหรับครู" เหลืออีก 8 มาตรฐาน ผมควรทำอย่างไร ผมก็สอบครับ คุรุสภา เปิดให้สอบ 9 มาตรฐานวิชาชีพครู ผมลงสอบอีก 8 มาตรฐานที่เหลือ สุดท้ายผมผ่านแค่ 1 มาตรฐานเท่านั้นคือ "จิตวิทยาสำหรับครู" เหลืออีก 7 มาตรฐาน ในตอนนั้น คุรุสภาสั่งปิดหลักสูตร ป.บัณฑิต วิชาชีพครู ทั่วประเทศ เพื่อปรับปรุงหลักสูตรใหม่เป็นเวลาถึง 3 ปี ผมเริ่มเครียด ผมต้องพัฒนาตนเองให้ได้ ในระยะเวลา 4 ปีที่ผมมี เมื่อใบผ่อนผันของผมหมดอายุครั้งที่ 1 และเตรียมต่ออายุครั้งที่ 2 ทางวิทยาลัยครุศาสตร์ มหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตย์ นำโดย ศาตราจารย์ ดร.ไพฑูรย์ สินลารัตน์ ประธานกรรมการคุรุสภาในขณะนั้น ท่านมาดำรงตำแหน่ง คณบดี วิทยาลัยครุศาสตร์ มหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตย์ และได้ทำการปรับปรุงหลักสูตร ประกาศนียบัตรบัณฑิต วิชาชีพครู หลักสูตรใหม่ 11 มาตรฐาน และคุรุสภาอนุมัติหลักสูตรเป็นที่แรกของประเทศไทยในปีนั้น ผมไม่รอช้าอีกทั้งทางโรงเรียนได้ส่งเสริมและสนับสนุนให้ผมมีใบประกอบวิชาชีพมาโดยตลอด ก็อนุญาตให้ผมไปสอบ ครูที่ไม่มีใบประกอบวิชาชีพจากทั่วประเทศก็พากันมาสอบที่นี่ สุทธิแล้วกี่คนผมจำไม่ได้ แต่ที่ผมจำได้คือ ผมสอบได้ที่ 1 และได้เรียน ป.บัณฑิต วิชาชีพครู 11 มาตรฐาน รุ่นแรกของประเทศไทย

ผมมุ่งมั่นตั้งใจเรียนจบกระทั่งสำเร็จการศึกษาเป็นปริญญาใบที่ 3 และได้รับใบอนุญาตประกอบวิชาชีพครู จากคุรุสภาในที่สุด ในวันนั้นผมมีความปลื้มปิติอย่างบอกไม่ถูก ตื่นตันในความสำเร็จครั้งนี้ มันภูมิใจยิ่งกว่าจบปริญญาโทเสียอีก จากวันที่ผมสอนหนังสือไม่เป็น ทำงานครูไม่เป็นสักอย่าง มาวันนี้ ผมทำงานครูเป็นทุกอย่าง ต้องขอบพระคุณโรงเรียนปราโมชวิทยารามอินทราที่ให้โอกาสอันมีค่าที่สุดในชีวิตให้กับผม

หลังจากนั้นไม่นาน ผมสอบบรรจุครูผู้ช่วยได้ในบัญชี สพม.3 รอบ 2/58, บัญชี กทม. รอบ 1/59 และ บัญชี กศจ.กทม.รอบ 1/59 ในวิชาเอกชีววิทยา

ซึ่งปัจจุบัน บัญชี กศจ.กทม.รอบ 1/59 ได้เรียกบรรจุและแต่งตั้งผมเป็นข้าราชการครูในตำแหน่งครูผู้ช่วย เมื่อวันที่ 23 ธันวาคม 2559 
และผมได้รับการบรรจุและแต่งตั้งเป็นข้าราชการครู ตำแหน่งครูผู้ช่วย ที่ โรงเรียนมัธยมวัดหนองจอก สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษาเขต 2 สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน กระทรวงศึกษาธิการ เมื่อผมอายุ 30 ปี

ผมหวังเป็นอย่างยิ่งว่า บทความของผมบทความนี้จะสร้างแรงบันดาลใจให้ใครหลายๆ คน ประกอบกับผมอยากให้หลายๆ ท่าน มองเห็นความสำคัญในวิชาชีพครูอย่างแท้จริงครับ ไม่อยากให้คิดแค่ว่า จบอะไรก็ได้มาเป็นครู

ด้วยความเคารพ

ศิวเชษฐ ชัยโรจน์

 

 

ขอบคุณข้อมูลจาก : เฟซบุ๊กTitle Firstclass

เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ๆ
- ไม่สามารถ copy ข้อความจากที่อื่น แล้วนำมา paste ในช่องแสดงความคิดเห็น
- ไม่สามารถใส่ชื่อเว็บไซต์ใด ๆ ก็ตาม ลงในช่องแสดงความคิดเห็น
- ระบบสามารถรับข้อความ ได้สูงสุดเพียง 2,000 ตัวอักษร ต่อหนึ่งครั้ง
- ผู้ดูแลเว็บไซต์ จะลบข้อความที่ไม่เหมาะสม และข้อความโฆษณาสินค้า หรือบริการ
error: