ภาพสุดท้ายก่อนตายจากกัน ปิดฉาก 75 ปี “รักนี้ชั่วนิรันดร์”

เว็บไซต์เดลีเมล์ของอังกฤษเผยแพร่เรื่องราวความรักที่ทั้งน่าเศร้าและประทับใจของคุณตาคุณยายคู่หนึ่ง "เจเนตต์-อเล็กซานเดอร์ ท็อกซ์โค" จากรัฐแคลิฟอร์เนีย ประเทศสหรัฐอเมริกา ที่เพิ่งจะเสียชีวิตตามกันไปเมื่อช่วงกลางๆเดือนมิ.ย. โดยภาพสุดท้ายที่เห็นนั้นเป็นฉากที่ทั้งคู่นอนเคียงข้างกันบนเตียง ตาหลับสนิท ร่างแน่นิ่ง โดยที่ยังจับมือกันไว้แน่น

คุณยายเจเนตต์และคุณตาอเล็กซานเดอร์พบรักกันตั้งแต่อายุราว 8 ขวบ ซึ่งขณะนั้นก็เริ่มต้นตามประสาเด็ก คือความสัมพันธ์ยังเป็นแบบใสๆ น่ารักๆ แต่เมื่อเวลาผ่านไป ทั้งคู่ก็รู้สึกผูกพัน จนกระทั่งก่อตัวเป็นความรักที่ทรงพลัง แต่งงานกัน และมีลูกด้วยกัน 5 คน

คุณตาอเล็กซานเดอร์เมื่อสมัยแต่งงานใหม่ๆเคยทำงานเป็นคนส่งโทรเลขของนาวิกโยธินสหรัฐ ก่อนจะย้ายไปนิวยอร์กพร้อมครอบครัวในเวลาต่อมา และทำงานกับบริษัทโฆษณาแทน จนท้ายที่สุด ทั้งครอบครัวก็ย้ายไปซานดิเอโก้ ที่ซึ่งคุณตาอเล็กซานเดอร์ก่อตั้งบริษัทโฆษณาและภาพถ่ายแฟชั่นของตัวเองขึ้นมา

ชีวิตครอบครัวของทั้งคู่ดำเนินอย่างมีความสุขเรื่อยมา ใช้เวลาร่วมกัน ไปเที่ยวด้วยกัน ฯลฯ จนกระทั่งเมื่อหลายสัปดาห์ก่อน ที่คุณตาอเล็กซานเดอร์ประสบอุบัติเหตุหกล้มจนสะโพกหัก ทำให้ต้องนอนอยู่แต่ในเตียง ลุกไปไหนไม่ได้ แพทย์ในละแวกบ้านจึงนำเตียงผู้ป่วยแบบพิเศษมาไว้ให้ที่บ้าน โดยตั้งไว้ข้างเตียงคุณยายเจเน็ตต์ เพื่อให้ทั้งคู่ได้อยู่ใกล้ชิดกัน

แต่แล้วเมื่อเวลาผ่านไป อาการของคุณตาอเล็กซานเดอร์กลับแย่ลงเรื่อยๆ เช่นเดียวกับคุณยายเจเน็ตต์ที่ก็สุขภาพทรุดโทรมลงทุกนาที และในที่สุดคุณตาอเล็กซานเดอร์ก็เสียชีวิตลงในวันที่ 17 มิ.ย. ซึ่งคุณยายเจเน็ตต์แม้จะรู้อยู่เต็มอกว่าทุกอย่างสายเกินแก้แล้ว แต่เธอยังคงไม่ไปไหน ยังนอนจับมือแน่นกับร่างไร้วิญญาณของสามีเหมือนเดิม

"ฉันบอกแม่แล้ว ว่าพ่อไม่อยู่แล้วนะ แต่แม่ก็กอดศพพ่อเอาไว้แล้วพูดว่า 'นี่ไงที่รัก อย่างที่เราเคยคุยกันเอาไว้ คุณตายในอ้อมกอดฉัน และฉันก็รักคุณ รอฉันหน่อยนะที่รัก เดี๋ยวฉันก็ได้ไปอยู่กับคุณแล้ว' " เอมี่ ลูกสาวของทั้งคู่กล่าว

เมื่อคุณยายเจเน็ตต์ต้องการดังนั้นแล้ว ลูกๆของเธอจึงไม่มีใครขัดศรัทธา ทุกคนออกไปจากห้องให้ทั้งคู่อยู่กันตามลำพัง และแล้วในวันรุ่งขึ้น คุณยายเจเน็ตต์ก็เสียชีวิตตามสามี โดยที่ยังคงกุมมือกันไว้แน่นไม่ปล่อย

ต่อมาศพของคุณตา-คุณยายถูกนำไปฝังไว้ที่สุสานไมรามาร์ในซานดิเอโก รวมแล้วทั้งคู่อยู่กินกันมาถึง 75 ปี เสียชีวิตโดยที่คุณตาอเล็กซานเดอร์มีอายุ 95 ปี ส่วนคุณยายเจเน็ตต์อายุ 96 ปี นับว่าเป็นความรักที่ยืนยาว และอมตะยิ่งนัก

[ads=center]

ขอบคุณข้อมูล khaosod.co.th
เรียบเรียง ThaiJobsGov.com

Tag ที่เกี่ยวข้อง

เรื่องที่คุณอาจสนใจ

เริ่มแล้ววันนี้! โทลเวย์เก็บสูงสุด 170 บาท

Advertisement ดอนเมืองโทลเวย์ ปรับขึ้นราคา 5-10 บาท ช่วงอนุสรณ์สถาน-ดินแดง รถยนต์ 4 ล้อ 130 บาท มากกว่า 4 ล้อ 170 บาท เก็บครั้งเดียวที่ด่านดอนเมือง บริษัท ทางยกระดับตอนเมือง จํากัด (มหาชน) ผู้ให้บริการทางยกระดับอุตราภิมุข หรือ ทางด่วนโทลเวย์ ระบุว่า วันที่ 22 ธันวาคม 2567 เวลา 00:01 น. อัตราค่าผ่านทางที่คู่สัญญาสัมปทาน กำหนดตามบันทึกข้อตกลงแก้ไขเปลี่ยนแปลงสัญญาสัมปทานทางหลวง ฉบับที่ 3/2550 ลงวันที่ 12 กันยายน 2550 Advertisement สำหรับรอบระยะเวลา 5 ปีข้างหน้า ระหว่างวันที่ 22 ธันวาคม 2567 ถึง วันที่ 21 ธันวาคม 2572 Advertisement ช่วงดินแดง […]

arar

22 December 2567

ทล.แจงดราม่า ยืนยันตีเส้นจราจรตามมาตรฐานหลักวิศวกรรมจราจร

Advertisement จากกรณีผู้ใช้ติ๊กต็อกรายหนึ่ง โพสต์คลิปรถกระบะ ประสบอุบัติเหตุชนแบริเออร์ บริเวณทางขึ้นจุดกลับรถบนทางหลวงหมายเลข 34 ถนนเทพรัตน (บางนา-ตราด) ประมาณ กม.ที่ 31 ฝั่งขาเข้า พร้อมตั้งข้อสังเกตถึงการตีเส้นจราจรบริเวณจุดดังกล่าว ว่าอาจเป็นสาเหตุให้เกิดอุบัติเหตุ นั้น Advertisement กรมทางหลวง โดย แขวงทางหลวงสมุทรปราการ ชี้แจงว่า ทางหน่วยงานได้ดำเนินการลงพื้นที่ตรวจสอบจุดเกิดเหตุอย่างละเอียดแล้ว จากการตรวจสอบพบว่า เส้นจราจรมีความชัดเจน มองเห็นได้ง่าย ทั้งในเวลากลางวันและกลางคืน เป็นไปตามมาตรฐานกรมทางหลวง และหลักวิศวกรรมจราจร Advertisement โดยใช้สีขาวซึ่งเป็นสีมาตรฐานสำหรับเส้นแบ่งช่องจราจร ใช้เส้นทึบและเส้นประสลับกันตามความเหมาะสม เพื่อควบคุมการจราจร และให้ผู้ขับขี่ทราบถึงข้อจำกัดในการเปลี่ยนช่องทาง เส้นจราจรมีความกว้างตามมาตรฐาน เพื่อให้มองเห็นได้ชัดเจน มีความต่อเนื่อง สม่ำเสมอ ไม่มีจุดที่ขาดหาย หรือเลือนลาง เลือกใช้วัสดุที่มีคุณภาพ ทนทานต่อการสึกหรอ และมีคุณสมบัติสะท้อนแสง เพื่อให้มองเห็นได้ชัดเจนในเวลากลางคืน ข่าวจาก : คมชัดลึกออนไลน์ FacebookFacebookXTwitterLINELine

arar

16 December 2567

พ่อแม่ต้องรู้! โรคไอกรน ภัยเงียบในเด็กเล็กที่อาจอันตรายถึงชีวิต อย่ามองข้าม

Advertisement จากการแพร่ระบาดของโรคไอกรนในประเทศเกาหลีใต้ ส่งผลให้มีเด็กทารกติดเชื้อกว่า 3 หมื่นราย และมีรายงานว่าพบเด็กทารกเสียชีวิต 1 ราย แม้อาจจะฟังดูไกลตัว แต่พ่อแม่ก็ไม่ควรมองข้ามและควรรับมือป้องกันก่อนสายเกินไป Advertisement โรคไอกรน เป็นโรคที่เกิดขึ้นได้กับทุกวัย แต่จะมีความรุนแรงหากเกิดในวัยเด็กและค่อนข้างอันตราย อีกทั้งยังมีอาการคล้ายกับโรคหวัดทั่วไป ทำให้พ่อแม่หลายรายที่ยังขาดความรู้ความเข้าใจไม่ทันได้ระวังภาวะของโรคดังกล่าว สาเหตุของโรคไอกรน โรคไอกรน เป็นโรคทางเดินหายใจที่เกิดจากการติดเชื้อแบคทีเรียชนิดหนึ่งชื่อว่า Bordetella pertussis (B. pertussis) เป็นโรคที่ปัจจุบันพบน้อยเพราะมีวัคซีนป้องกันโรค ทำให้ผู้ป่วยด้วยโรคดังกล่าวมีจำนวนไม่มากนัก สามารถเป็นได้ทั้งเด็กและผู้ใหญ่ สถานการณ์โรคไอกรนในประเทศไทยจากสถิติปี 2560 ข้อมูลจากสำนักระบาดวิทยา พบว่ามีผู้ป่วยด้วยโรคไอกรนทั้งหมด 76 ราย คิดเป็น 0.1 รายต่อประชากร 1 แสนราย และประมาณ 50% ของผู้ป่วยเป็นเด็กเล็กอายุ 1-3 เดือน แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นตัวเลขดังกล่าวยังไม่มีความแม่นยำเท่าที่ควร เนื่องจากตัวโรคมีการวินิจฉัยค่อนข้างยาก อาการโรคไอกรน หากเกิดในผู้ใหญ่ไม่มีความรุนแรง สามารถใช้ชีวิตได้ตามปกติ ไม่มีอาการเหนื่อยหอบ ไม่มีไข้ มีเพียงอาการไอเท่านั้น แต่ถ้าหากเกิดกับเด็กเล็กอายุน้อยกว่า 3 ขวบ จะมีความน่ากังวลสูงเพราะมีความเสี่ยงที่จะเกิดภาวะแทรกซ้อนได้ ที่พบบ่อยคือไอหนักจนตัวเขียวหรือไอจนหยุดหายใจ […]

admin111 admin111

14 November 2567

เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ๆ

- ไม่สามารถ copy ข้อความจากที่อื่น แล้วนำมา paste ในช่องแสดงความคิดเห็น
- ไม่สามารถใส่ชื่อเว็บไซต์ใด ๆ ก็ตาม ลงในช่องแสดงความคิดเห็น
- ระบบสามารถรับข้อความ ได้สูงสุดเพียง 2,000 ตัวอักษร ต่อหนึ่งครั้ง
- ผู้ดูแลเว็บไซต์ จะลบข้อความที่ไม่เหมาะสม และข้อความโฆษณาสินค้า หรือบริการ