ผ่า ‘ต้าแง’ รอบที่3 ผลยังเหมือนเดิม พ่อแม่จ่อพึ่งทูตพม่า ยื่นกองปราบร่วมทำคดี!





 

ผลผ่า”น้องต้าแง”ออกแล้ว ผอ. นิติวิทยาศาสตร์เผย สอดคล้อง นิติเวช ไม่พบรอยถูกทำร้าย และรอยกระดูกแตกหัก มีเพียงรอยถูกสัตว์กัดแทะ ขณะ”พ่อ-แม่”พร้อมทูตเมียนมา ยื่นกองปราบฯช่วยคลี่คดี ด้านผบก.ป.ส่งทีมลุยไร่อ้อย ตรวจสาเหตุการเสียชีวิต

จากกรณีด.ช.ซุ ลุย พิว หรือ “น้องต้าแง” อายุ 2 ขวบ สัญชาติเมียนมา เสียชีวิตอยู่ภายในไร่อ้อยขนาดใหญ่ พื้นที่ ม.9 ต.สระพังลาน อ.อู่ทอง จ.สุพรรณบุรี หลังหายตัวไปในไร่อ้อยตั้งแต่วันที่ 17 ธ.ค. ใช้เวลาค้นหา 9 วัน จึงพบเป็นศพห่างจากจุดที่หายตัวไปประมาณ 5 กิโลเมตร โดยผลจากการชันสูตรไม่พบร่องรอยการถูกทำร้าย ขณะที่พ่อแม่ของ “น้องต้าแง” ยังเชื่อว่ามีคนทำให้ลูกชายเสียชีวิตตามข่าว

ความคืบหน้าเมื่อวันที่ 28 ธ.ค. ที่กองบังคับการปราบปราม (บก.ป.) นายรณรงค์ แก้วเพชร ทนายความและประธานเครือข่ายรณรงค์ทวงคืนความยุติธรรมในสังคม เป็นตัวแทนของนายผิว อายุ 26 ปี และนางมอ อายุ 20 ปี พ่อและแม่ของ “น้องต้าแง” ได้เดินทางมาเข้ายื่นหนังสือถึง พล.ต.ต.จิรภพ ภูริเดช ผบก.ป. เพื่อให้ช่วยจัดชุดสืบสวนเข้าไปร่วมคลี่คลายหาสาเหตุการเสียชีวิตของ “น้องต้าแง”

นายรณรงค์กล่าวว่า ทางครอบครัวยังไม่ปักใจเชื่อว่าน้องต้าแงที่มีอายุเพียง 2 ขวบ และเป็นเด็กพิเศษขาไม่เท่ากัน เดินลำบาก จะสามารถเดินตัดผ่านเข้าไร่อ้อยได้ถึง 5 กิโลเมตรด้วยตัวเองโดยไม่มีใครพาไป ซึ่งคาดการณ์ว่ามีบุคคลที่สามเป็นผู้ใหญ่พาน้องไปตรงจุดที่พบศพน้อง นอกจากนี้เมื่อวานยังมีการจุดไฟเผาดงอ้อยบริเวณจุดที่พบร่างเด็ก ซึ่งยังไม่แน่ชัดว่าเป็นการกระทำของผู้ไม่หวังดีที่ต้องการจะทำลายหลักฐาน หรืออาจเป็นการทำพิธีกรรมทางไสยศาสตร์ ซึ่งขณะนี้ยังไม่มีการตรวจสอบที่แน่ชัดว่าใครเป็น ผู้เผาดงอ้อยบริเวณจุดที่พบศพน้องต้าแง หรือกระทำการดังกล่าวเพื่ออะไร

นายรณรงค์กล่าวอีกว่า ถึงแม้ผลการชันสูตรจากแพทย์เบื้องต้นยังไม่พบความผิดปกติใดๆ แต่ทางครอบครัวของน้องต้าแงยังคงอยากให้ทางกองปราบฯ ช่วยจัดชุดสืบสวนคลี่คลายข้อสงสัยดังกล่าว ส่วนสาเหตุที่มาร้องเรียนที่กองปราบฯ ไม่ได้หมายความว่าท้องที่จะทำไม่ได้ แต่อยากให้กองปราบฯ เข้ามามีส่วนร่วมในการช่วยคลี่คลายคดี เพื่อที่จะทำให้คดีดังกล่าวถูกคลี่คลายและไขข้อเคลือบแคลงสงสัยได้เร็วยิ่งขึ้น

นายรณรงค์กล่าวด้วยว่า ส่วนประเด็นครอบครัวของน้องต้าแงที่เข้าเมืองผิดกฎหมายตอนนี้ก็อยู่ที่ดุลพินิจของทางสถานทูตพม่าที่จะตัดสินใจว่าจะส่งพวกเขากลับประเทศเมื่อไหร่ แต่เบื้องต้นทั้ง 2 คนตอนนี้อยู่ในความดูแลของทางสถานทูต

ต่อมานายออง มิน เจ้าหน้าที่ทูตแรงงาน จากสถานทูตเมียนมา พร้อมด้วย นายผิวและนางมอ เดินทางเข้าพบ พ.ต.ท.ธีรพจน์ คงหนู สว.สอบสวน กก.5 บก.ป. ร้องทุกข์ขอความเป็นธรรมกับทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ เพื่อขอให้ช่วยสืบสวนสอบสวนคดีการเสียชีวิตของ บุตรชาย

นางมอกล่าวว่า สิ่งที่ทำให้ยังเคลือบแคลงสงสัยทางคดี เนื่องจากตอนที่พบเจอร่าง ตนในฐานะที่เป็นแม่แต่กลับถูกทางเจ้าหน้าที่กันไม่ให้เข้าไปดูในที่เกิดเหตุ ทั้งๆ ที่ตนหวังว่าจะได้เจอหน้าของบุตรชายเป็นครั้งสุดท้ายก็ยังดี ซึ่งหลังจากเกิดเรื่องนี้ขึ้นก็ค่อนข้างรู้สึกเสียใจเป็นอย่างมาก อีกส่วนหนึ่งที่ทำให้ไม่สบายใจคือการนำลูกตนไปชันสูตรโดย ไม่บอกกล่าว และไม่มีการยินยอมจากเรา อย่างไรก็ตามถ้าผลการชันสูตรอย่างละเอียดออกมาอีกครั้ง พบว่าต่างจากครั้งแรก คือเป็นตามที่คาดการณ์ไว้ก็ต้องมีการดำเนินคดีไปตามกฎหมาย แต่ถ้าไม่แตกต่างก็ยังข้องใจอยู่เพราะเชื่อว่าต้องมีอะไรบางอย่างผิดปกติเกิดขึ้นกับลูกตนแม้จะไม่มีหลักฐานแต่ที่เห็นในรูปก็มั่นใจเช่นนั้น ส่วนประเด็นที่ลูกตนขาไม่ดี ลูกตนเป็นมาตั้งแต่เกิดแล้ว แต่แค่ไม่ได้มีใบรับรองมายืนยันเพียงเท่านั้น

นายออง มิน กล่าวว่า เบื้องต้นได้ติดต่อมาที่กองปราบฯ เพื่อขอความช่วยเหลือให้ช่วยติดตามคดีดังกล่าว ขณะที่ในส่วนของข้อเคลือบแคลงสงสัยต่างๆ ที่ทางครอบครัวของผู้ตายได้ร้องทุกข์เข้ามาทางสถานทูตนั้น ทางเราไม่ได้เป็นผู้พิจารณาหรือตัดสินข้อเท็จจริงหรือกำหนดรูปคดีให้เป็นไปในทิศทางใด ได้ เนื่องจากอำนาจในคดีทั้งหมดขึ้นอยู่กับดุลพินิจของทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ และตัดสินใจว่าคดีนี้จะถูกคลี่คลายลงในรูปแบบใด

นายออง มิน กล่าวต่อว่า ที่ผู้เสียหายมาร้องขอ ทางสถานทูตก็มีหน้าที่มาเป็นตัวแทนประสานกับทางกองปราบฯ เพื่อขอความช่วยเหลือ ส่วนประเด็นที่ว่าทำไมต้องมาร้องที่ กองปราบฯ นั้น เป็นความประสงค์ของทางครอบครัวผู้เสียชีวิต ทูตก็ต้องมาช่วยเท่านั้นเอง

ภายหลังจากเข้าพูดคุยกับทางตำรวจกองปราบฯ แล้ว เบื้องต้นทางกองปราบฯ ก็ได้ตอบรับว่าจะรับทำคดีดังกล่าวให้

ด้านพล.ต.ต.จิรภพกล่าวว่า จากการที่ทางครอบครัวของ “น้องต้าแง” เข้าร้องเรียนกับทางกองปราบฯ เพื่อขอให้ช่วยตรวจสอบข้อเท็จจริงเกี่ยวกับสาเหตุการเสียชีวิตที่แท้จริงนั้น เบื้องต้นได้สั่งการให้พ.ต.อ.ภูมินทร์ พุ่มพันธุ์ม่วง ผกก.5 บก.ป. จัดกำลังเจ้าหน้าที่ชุดปฏิบัติการ กก.5 บก.ป. ลงพื้นที่ตรวจสอบบริเวณไร่อ้อยที่เกิดเหตุแล้ว เพื่อสืบสวนตรวจสอบหาสาเหตุการเสียชีวิตที่แท้จริงให้หายเคลือบแคลงใจ

พล.ต.ต.จิรภพกล่าวต่อว่า ส่วนสำนวนคดีนั้นยังคงเป็นสภ.สระยายโสม จ.สุพรรณบุรี เป็นผู้รับผิดชอบตามเดิม อย่างไรก็ตามขณะนี้ตนยังไม่สามารถระบุได้ว่าการเสียชีวิตของ “น้องต้าแง” นั้นเกิดจากสาเหตุใด และยัง ไม่ขอพูดถึงในส่วนนี้เพราะยังคงต้องรอการตรวจสอบที่แน่ชัดตามหลักนิติวิทยาศาสตร์เพียงเท่านั้น

วันเดียวกัน ผศ.นพ.วรวีร์ ไวยวุฒิ ผอ.กองสารพันธุกรรม สถาบันนิติวิทยาศาสตร์ ระบุผลชันสูตรน้องต้าแงครั้งที่ 3 ว่า ไม่พบร่องรอยการถูกทำร้าย หรือมีรอยแตกหักของกระดูก มีเพียงรอยถูกสัตว์กัดแทะบริเวณต้นขากระดูกเชิงกรานและใบหน้า ส่วนจมูกหายไปคาดว่าถูกสัตว์กัดแทะ ส่วนชิ้นเนื้อไม่พบว่ามีการช้ำ ซึ่งระบุได้เลยว่าเป็นการถูกสัตว์กัดแทะภายหลังจากเสียชีวิตแล้ว สำหรับเรื่องขาผิดรูปพบว่าเกิดจากการเน่าสลายของเอ็นข้อต่อและกระดูกร่างกายไม่มีการแตกหัก

ผศ.นพ.วรวีร์กล่าวต่อว่า ส่วนประเด็นของการป่วยเป็นโรคโปลิโอที่ทางครอบครัวพูดถึงนั้น เบื้องต้นไม่พบความผิดปกติของกระดูกที่เข้าข่ายการเป็นโรคโปลิโอ เพราะขนาดกระดูกขาทั้งสองข้างมีขนาดเท่ากัน ซึ่งผลชันสูตรครั้งนี้มีความสอดคล้องกับทางนิติเวชวิทยา ร.พ.ตำรวจ หลังจากนี้สรุปเป็นลายลักษณ์อักษร ส่งให้พนักงานสอบสวนต่อไป

สำหรับการผ่าพิสูจน์น้องต้าแงนั้น ครั้งแรกดำเนินการโดยร.พ.มะการักษ์ จ.กาญจนบุรี ครั้งที่สองโดยนิติเวชวิทยา ร.พ.ตำรวจ และครั้งที่สาม หรือครั้งล่าสุด โดยสถาบันนิติวิทยาศาสตร์

ข่าวจาก : ข่าวสดออนไลน์

เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ๆ
- ไม่สามารถ copy ข้อความจากที่อื่น แล้วนำมา paste ในช่องแสดงความคิดเห็น
- ไม่สามารถใส่ชื่อเว็บไซต์ใด ๆ ก็ตาม ลงในช่องแสดงความคิดเห็น
- ระบบสามารถรับข้อความ ได้สูงสุดเพียง 2,000 ตัวอักษร ต่อหนึ่งครั้ง
- ผู้ดูแลเว็บไซต์ จะลบข้อความที่ไม่เหมาะสม และข้อความโฆษณาสินค้า หรือบริการ
error: