เมื่อวันที่ 30 มี.ค. 2563 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ทุกสมาคมที่อยู่ในธุรกิจท่องเที่ยว ซึ่งประกอบด้วยโรงแรม บริษัททัวร์ ร้านอาหาร ธุรกิจรับแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศ ได้ร่วมกันแสดงออกด้วยการติดแฮชแทค #จ่ายแล้วได้อะไร เพื่อรณรงค์ไม่จ่ายเงินประกันสังคม และงดการจ่ายภาษีทุกอย่างให้กับรัฐบาล ภายหลังจากธุรกิจท่องเที่ยวเป็นธุรกิจแรกที่ประสบปัญหาจากการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 แต่จนถึงปัจจุบันยังไม่ได้รับการช่วยเหลือตรงจุด แม้ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เมื่อวันที่ 24 มี.ค. 2563 จะจัดสรรสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำ 10,000 ล้านบาทจากธนาคารออมสินให้ธุรกิจท่องเที่ยวโดยเฉพาะแต่การปล่อยกู้จะดูจากประสิทธิภาพของธุรกิจที่ผ่านมา
ซึ่งธุรกิจท่องเที่ยวในปีที่ผ่านมาไม่ค่อยดีนักเมื่อเทียบจากหลายปีที่ผ่านมา ทำให้ธุรกิจท่องเที่ยวที่มีขนาดกลางและเล็ก (เอสเอ็มอี) จะไม่ได้รับเงินกู้ ส่วนการคิดดอกเบี้ย 2% ในช่วง 2 ปีแรกนั้น ถ้าจะในปีที่ 3 จะใช้ต่อ จะถูกเก็บค่าธรรมเนียมอีก 3%
นอกจากนี้ ยังมีกรณีที่ธุรกิจท่องเที่ยวทั้งหมด จำต้องปิดกิจการชั่วคราวจากที่หยุดเดินทางของคนทั่วโลก แต่กลับพบว่า ลูกจ้างในธุรกิจนี้จะไม่ได้รับเงินชดเชยกรณีว่างงานจากสำนักงานประกันสังคม เนื่องจากไม่เข้าข่ายการว่างงานเนื่องจากเหตุสุดวิสัย ที่กำหนดว่าต้องเป็นกิจการที่รัฐบาลสั่งปิดเท่านั้น ต่างจากแรงงานนอกระบบที่ได้รับความช่วยเหลือจากรัฐเดือนละ 5,000 บาท (3 เดือน) ขณะเดียวกัน กฎหมายยังกำหนดให้นายจ้างต้องจ่ายค่าจ้างให้ลูกจ้าง 75% ของเงินเดือนในกรณีปิดกิจการชั่วคราว แต่ขณะนี้นายจ้างในธุรกิจท่องเที่ยวไม่เหลือสภาพคล่องที่จะจ่ายให้ได้อีก แม้เมื่อวันที่30 มี.ค.ที่ผ่านมา สภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (สทท.) และสมาคมท่องเที่ยวต่างๆ ได้ไปประชุมร่วมกับกระทรวงแรงงาน ว่าเงินประกันสังคมเป็นเงินที่นายจ้างและลูกจ้างสะสมเอง แต่ไม่ได้รับคำตอบที่จะผ่อนปรนเงื่อนไขมาช่วยเหลือได้ จึงตกลงที่จะทำมาตรการกดดันทางโซเชี่ยลมีเดีย ด้วยการส่งต่อข้อความ อาทิ งดจ่ายประกันสังคมทั่วประเทศทั้งนายจ้างและลูกจ้าง เป็นเด็กดีแล้วอด งดจ่ายเบี้ยประกันสังคมดีกว่า พร้อมติดแฮชแทค #จ่ายแล้วได้อะไร
- ไม่สามารถใส่ชื่อเว็บไซต์ใด ๆ ก็ตาม ลงในช่องแสดงความคิดเห็น
- ระบบสามารถรับข้อความ ได้สูงสุดเพียง 2,000 ตัวอักษร ต่อหนึ่งครั้ง
- ผู้ดูแลเว็บไซต์ จะลบข้อความที่ไม่เหมาะสม และข้อความโฆษณาสินค้า หรือบริการ