ส.ส.ก้าวไกล รุมตัดงบศูนย์เฟกนิวส์ ซัดไร้คุณภาพ บิดเบือน แชร์ข่าวปลอม ทำตัวเป็นโทรโข่งรบ. ด้าน “หมอวาโย” เหน็บศูนย์เฟกนิวส์ ไม่ป้อง “พุทธิพงษ์” เจอครหาแชร์ข่าวเท็จ
เวลา 23.30 น.วันนี้ (18 ก.ย.) ที่รัฐสภา ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร ที่มีนายสุชาติ ตันเจริญ รองประธานสภาผู้แทนราษฎรคนที่ 1 ทำหน้าที่ประธานการประชุม เพื่อพิจารณาร่างพ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2564 โดยเข้าสู่การพิจารณาในมาตรา 16 งบประมาณรายจ่ายของกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม และหน่วยงานในกำกับ วงเงิน 5 พันล้านบาท กมธ.เสียงข้างมากปรับลดลง 224 ล้านบาท เหลือ 4.7 พันล้านบาท โดยนายปกรณ์วุฒิ อุดมพิพัฒน์สกุล ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล ในฐานะกมธ.เสียงข้างน้อย อภิปรายว่า ตนเสนอขอตัดงบ 95 ล้านบาทของศูนย์ต่อต้านข่าวปลอมประเทศไทย เพราะหน่วยงานที่ตรวจสอบข้อเท็จจริง ต้องมีหลักการตาม IFCN เช่น เป็นกลาง ไม่เลือกข้าง มีความเป็นอิสระ ที่มาข้อมูลต้องโปร่งใส เป็นต้นซึ่งศูนย์ก็มีการระบุหลักเกณฑ์ไว้บนเว็บไซต์ตัวเอง แต่ทางศูนย์ก็ไม่สามารถรักษามาตรฐาน และหลักการเหล่านี้ได้ อาทิ มีการให้ความรู้ที่ไม่เกี่ยวข้องกับศูนย์เฟกนิวส์ เช่น การแจ้งข่าวสารนโยบายของรัฐ มีการระบุว่าห้ามใช้อินเตอร์เน็ตว่า ร้ายรัฐบาลสรุปว่า จะเป็นกรมประชาสัมพันธ์หรือหน่วยข่าวกรองกันแน่ ใช้ทรัพยากรสิ้นเปลือง ลดความเชื่อถือของหน่วยตัวเอง นอกจากนี้ยังดำเนินการทางกฎหมายกับข่าวลือโดยไม่จำเป็น ถือเป็นการกระทำเกินกว่าเหตุหรือไม่ บางครั้งเร่งรีบเสนอข่าวผิดเองเช่น กาฬโรคม้าที่ไปตีตราข่าวปลอมแต่ในที่สุดเป็นข่าวจริง ซึ่งทางศูนย์ก็ยอมรับว่าเป็นความผิดพลาด หรือข่าว อสม.ที่ได้ค่าตอบแทนไม่ครบ สุดท้ายก็มีการให้ค่าตอบแทนจนครบ แต่ก็ไปตีตราข่าวนี้ว่าเป็นข่าวบิดเบือน และสุดท้ายมีการออกหนังสือชี้แจง โดยไม่มีคำขอโทษใดๆ แม้แต่คำเดียว และสุดท้ายก็มีการลบโพสต์ของตัวเองไปอย่างเนียนๆ โดยไม่รับผิดชอบเหมือนต้องการปกป้องเจ้าหน้าที่รัฐด้วยกันเอง เมื่อย้อนมาดูหลักการถือว่าทางศูนย์สอบตกเกือบทุกข้อ
นายปกรณ์วุฒิ อภิปรายต่อว่า ศูนย์ดังกล่าวเป็นหน่วยงานราชการ รับเงินงบประมาณแผ่นดิน อยู่ภายใต้การกำกับดูแลของรัฐมนตรีและฝ่ายบริหารซึ่งเป็นฝ่ายการเมือง มีข้างทางการเมืองที่ชัดเจน ปรากฏหลายครั้งว่าทางศูนย์ทำตัวเป็นโฆษกรัฐบาลทั้งนี้ ปัญหาทั้งหมดแก้ง่ายๆ ด้วยการสมัครเป็นสมาชิกของ IFCN เพื่อช่วยรับรองมาตรฐานการนำเสนอข้อมูล และเป็นเงื่อนไขขั้นต่ำของเฟซบุ๊กในการเป็นแฟนเพจของหน่วยตรวจสอบข้อเท็จจริง ซึ่งรัฐมนตรีเคยประกาศไว้ตั้งแต่ก่อนตั้งศูนย์เมื่อเดือนพฤศจิกายน 2562 แต่ปัจจุบันก็ไม่มีความชัดเจนในเรื่องนี้ เหมือนต้องการให้มาตรฐานกว้างแค่อำเภอใจ ไม่ได้กว้างไกลเท่ามาตรฐานสากล ศูนย์จึงสอบตกทั้งประสิทธิภาพ ความเป็นกลางและความโปร่งใส ใช้งบประมาณไปเพื่อประชาสัมพันธ์และปกป้องรัฐบาล สถาปนาตัวเองเป็นกระทรวงความจริง ตั้งตนเป็นตำรวจไซเบอร์ เอากฎหมายอาญาไปปราบปรามประชาชนทั้งๆที่ตนเองยังไม่มีคุณภาพ มาตรฐาน และไม่มีความน่าเชื่อถือ
นพ.วาโย อัศวรุ่งเรือง ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล อภิปรายว่า ตนสงวนคำแปรญัตติปรับลดงบประมาณของกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมลง 5% โดยงบประมาณ 2 ตัวในส่วนของสำนักปลัดฯตัวแรก งบประมาณของศูนย์ประสานงานและแก้ไขปัญหาข่าวกรอง 95 ล้านบาท เพื่อตรวจสอบข้อมูลข่าวสารหรือเฟกนิวส์ ซึ่งที่ผ่านมานายพุทธิพงษ์ ปุณณกันต์รัฐมนตรีว่าการกระทรวงจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม เจอข้อกล่าวว่า เป็นผู้ที่แชร์เฟกนิวส์ ตนสงสัยว่า รัฐมนตรีต่อต้านเฟกนิวส์จะแชร์เฟกนิวส์จริงหรือไม่ จึงตรวจสอบดูโดยนำข้อมูลที่นายพุทธิพงษ์แชร์เป็นข้อเท็จจริงหรือไม่ ปรากฏว่า ข่าวที่นายพุทธิพงษ์แชร์เป็นข่าวจริง จึงสงสัยว่า ทำไมศูนย์ต่อต้านข่าวกรองถึงไม่ปกป้องรัฐมนตรีของท่านเลย ถ้าตนเป็นรัฐมนตรีคงน้อยใจ ส่วนงบประชาชนตัวที่สอง ศูนย์เฝ้าระวังเว็บไซค์ผิดกฏหมาย 10 ล้านบาท รวม 105 ล้านบาท ส่วนใหญ่เป็นค่าจ้างบุคลาการ จ้างมานั่งเฝ้าเช็กแบนเว็บไซค์ที่ผิดกฏหมาย แต่แค่เสิร์ชในกูเกิ้ลดูก็พบเว็บพนันบ่อนคาสิโนออนไลน์เพียบ ที่สำคัญเว็บไซต์ pulony.blogspot.com ที่ให้ข้อมูลโดยใช้เหตุการณ์อุ้มหายของนายวันเฉลิม สัตย์ศักดิ์สิทธิ์ มาบิดเบือนกล่าวหาว่า มีคนกลุ่มใดได้ประโยชน์บ้าง ซึ่งที่ทั้งหมดเข้าได้โดยไม่มีการบล็อกแต่อย่างใด ดังนั้น การที่ศูนย์ดังกล่าวใช้งบปีละ 10 ล้านมาเกือบทุกปี ประสิทธิภาพการทำงานแบบนี้ ตนจึงขอตัดงบ 2 ตัวนี้ออกทั้งหมด
คลิปอภิปรายเริ่มที่นาที 3.28.01
ข่าวจาก มติชนออนไลน์, voicetv
- ไม่สามารถใส่ชื่อเว็บไซต์ใด ๆ ก็ตาม ลงในช่องแสดงความคิดเห็น
- ระบบสามารถรับข้อความ ได้สูงสุดเพียง 2,000 ตัวอักษร ต่อหนึ่งครั้ง
- ผู้ดูแลเว็บไซต์ จะลบข้อความที่ไม่เหมาะสม และข้อความโฆษณาสินค้า หรือบริการ