ย้อนที่มาบ้าน “บิ๊กตู่” กว่าจะได้พื้นที่ 2ไร่ในร.1รอ. ชัยภูมิดีเยี่ยม สำหรับภารกิจอยู่ยาว
ศาลรัฐธรรมนูญ ชี้มติเอกฉันท์ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม อยู่บ้านพักในค่ายทหารกรมทหารราบที่ 1 หรือ ร.1รอ. โดยไม่เสียค่าน้ำค่าไฟ ไม่เป็นความผิด อย่างที่ นายสมพงษ์ อมรวิวัฒน์ ผู้นำฝ่ายค้าน นำ 55 ส.ส.ฝ่ายค้านร้องมา เพราะถือเป็นสิทธิที่กองทัพบก จะจัดให้ อดีตผู้บังคับบัญชาชั้นสูง ซึ่งทำคุณประโยชน์ให้กับกองทัพบก และประเทศชาติ
ทำให้ นายกฯ ที่เป็น “พลเรือน” จึงไม่ได้สิทธินี้ อย่างที่ พล.อ.ประยุทธ์ ได้
ดังนั้น กรณีของ พล.อ.ประยุทธ์ ถือเป็นนายกฯ ที่เป็น อดีตผบ.ทบ. จึงไม่ถือเป็นการขัดกันแห่งผลประโยชน์ หรือ รับผลประโยชน์จากหน่วยงานรัฐ เป็นพิเศษ ตามที่รัฐธรรมนูญ มาตรา 184 วรรคหนึ่ง วงเล็บ 3 และ มาตา 186 ได้ห้ามไว้
ย้อนอ่าน : เปิดคำวินิจฉัย ศาลรัฐธรรมนูญ ตัดสิน ‘บิ๊กตู่’ ไม่ผิด ปมบ้านพักหลวง
ย้อนกลับไปดูที่มาที่ไปของบ้านพักในกรมทหารราบที่ 1 หลังที่ พล.อ.ประยุทธ์ ถูกครหา ก่อนที่ศาลรัฐธรรมนูญ จะลงมติเอกฉันท์ชี้ให้ พล.อ.ประยุทธ์ พ้นบ่วงกรรม ได้เป็น นายกรัฐมนตรี ต่อ
วาสนา นาน่วม นักข่าวสายทหารชื่อดัง ได้เขียนเล่าไว้ในบทหนึ่ง ในหนังสือ ลับ ลวง พราง 5 ศึกชิงอำนาจ ผ่าแผนปฏิวัติเลือด ตีพิมพ์เมื่อเดือนเมษายน ปี 2555 ในช่วงที่ พล.อ.ประยุทธ์ ดำรงตำแหน่ง ผบ.ทบ. โดยมี น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร จากพรรคเพื่อไทย เป็นนายกรัฐมนตรี
วาสนา ระบุว่า “ร.1รอ. ถ.วิภาวตีรังสิตก็ ถือเป็นจุดศูนย์ดุลสำคัญของฝ่ายกองทัพ”
เนื่องจากเป็นที่พักของ “บิ๊กตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผบ.ทบ. และนายทหารชั้นผู้ใหญ่หลายคน รวมทั้ง 2 ป. ได้แก่ “บิ๊กป้อม” พล..ประวิต วงษ์สุวรรณ อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม และ “บิ๊กป๊อก” พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา อดีต ผบ.ทบ.
หรืออาจเรียกได้ว่าเป็น “รังของบูรพาพยัคฆ์” เลยทีเดียว
ที่ผ่านมา ร.1 รอ.แห่งนี้ เคยเป็นที่พักกบดานของ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี และ นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี ในระหว่างสู้ศึกกับคนเสื้อแดง จนทำให้เกิดภาพของรัฐบาลที่เกิดในค่ายทหาร แถมยังต้องหนีซุกค่ายทหารอีกด้วย
เนื่องจากดูสถานการณ์บ้านเมืองแล้ว คงมีเรื่องวุ่นรออยู่เบื้องหน้า ประกอบกับบ้านพักที่ พล.อ.ประยุทธ์ อยู่มาตั้งแต่เป็นแม่ทัพที่ 1 นั้นก็คับแคบ เพราะเป็นบ้านระดับพันโท แม้จะมีการปรับขยายต่อเติมอย่างไรก็ทำอะไรไม่ได้มาก
ที่สำคัญ ชัยภูมิของบ้านหลังนี้ไม่ดี เนื่องจากรายล้อมไปด้วยตึกสูง ทั้งที่เป็นแฟลตพักของทหารในหน่วย และตึกสูงภายนอกหน่วย
ลำพังตึกสูงภายในไม่มีปัญหา เพราะทีมรปภ. สามารถขึ้นไปดูแลได้ แต่ตึกด้านนอกทหารไปดูแลไม่ได้
แม้ต่อมามีการกั้นพื้นที่ไม่ให้เป็นทางผ่าน และสร้างรั้วกัน หากใครแล่นรถมาถึงหน้าบ้าน “บิ๊กตู่” ก็ต้องมาบ้านหลังนี้เท่านั้น การจะผ่านมาสังเกตการณ์ จะเป็นที่ผิดสังเกต เพราะปลายซอยถูกทำให้เป็นทางตันต้องกลับรถออกเพื่อการรปภ.
ต่อมา พล.อ.ประยุทธ์ ตัดสินใจสร้างบ้านหลังใหม่ให้ตัวเอง โดยเลือกพื้นที่ใน ร.1 รอ.ที่เดิม แต่ย้ายกระเถิบเข้ามายังด้านหน้าหน่วยริมบึงเพื่อให้มีลมถ่ายเทได้สะดวกและฮวงจุ้ยดีขึ้น เพราะหน้าติดน้ำไว้ก่อน
อาศัยจังหวะที่ พล.อ.ไพศาล กตัญญ รองผบ.ทบ. เกษียณราชการแล้วย้ายออกไป พล.อ.ประยุทธ์ ก็ยึดครองแทน
ทั้งอาจมีเรื่องปัญหาขั้วอำนาจ จู่ๆ เมื่อปลายปี 2553 พล.อ.ประยุทธ์ได้ “ขอคืนพื้นที่” บ้านพักของ “บิ๊กตุ้ย” พล.อ.ชัยสิทธิ์ ชินวัตร อดีต ผบ.ทบ.ที่รั้วติดกันคืน เพื่อจะมาขยายพื้นที่และสร้างบ้านของเขาเอง เนื่องจากมีรายงานเข้าหูว่า พล.อ.ชัยสิทธิ์ ใช้บ้านหลังนี้เป็นที่ประชุมพบปะกันทางการเมืองอยู่เนืองๆ
พล.อ.ชัยสิทธิ์ ยึดครองมา 5 ปี หลังเกษียณแบบไม่ยอมย้ายออก แต่ไม่มีใครกล้าไล่เนื่องจากให้เกียรติอดีต ผบ.ทบ. แถม พล.อ.ชัยสิทธิ์ ยังอ้างว่า มีอดีตผบ.ทบ. หลายคนที่ยังไม่ยอมออกจากบ้านหลวง ตั้งแต่ ป๋าเปรม พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรีและรัฐบุรุษ ที่ยึดบ้านสี่เสาเทเวศร์มานานกว่า 30 ปี , “บิ๊กป้อม” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ อดีตรัฐมนตรีกระทรวงกลาโหม ที่ยังอยู่ในบ้าน ร.1 รอ.
โดยยึดเป็นที่ตั้งสำนักงานมูลนิธิป่ารอยต่อ 5 จังหวัดแบบถาวร, “บิ๊กบัง” พล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน อดีตประธานคมช. ก็ยังอยู่บ้านพักใน ร.11 รอ.บางเขน ตั้งแต่เกษียณไปหลายปีแล้ว
ตามระเบียบและธรรมเนียมปฏิบัติ จะให้เวลาในการเตรียมย้ายออกจากบ้านหลังเกษียณราว 6 เดือน หรือ 1 ปีเท่านั้น ที่เหลือเป็นเรื่องของสปิริต เพราะพล.อ.อนุพงษ์ อดีตผบ.ทบ.ก็ยังอยู่ในบ้าน ร.1 รอ.มาเป็นปีแล้ว
จนที่สุด พล.อ.ชัยสิทธิ์ ก็ย้ายออกไปอยู่บ้านส่วนตัวย่านรังสิตด้วยใจเจ็บแค้น
พล.อ.ประยุทธ์ จึงเดินหน้าสร้างบ้านพักหลังใหม่บนเนื้อที่เกือบ 2 ไร่ แต่ก็ยังไม่เพียงพอกับการสร้างคฤหาสน์หลังใหญ่ที่จะเป็นทั้งบ้านพัก ห้องประชุมใหญ่ ห้องประชุมลับ ห้องรับรอง ห้องจัดเลี้ยง วอร์รูมและเซฟเฮาส์ที่พร้อมสรรพ และทันสมัย ในแบบประชุมทางไกลผ่านดาวเทียมจากที่ไหนในโลกได้เลย พล.อ.ประยุทธ์ จึงต้องการพื้นที่บ้าน พล.อ.ชัยสิทธิ์ ที่ยึดครองอยู่ราว 1 ไร่คืน เพื่อที่จะทลายรั้วและทุบบ้านทิ้ง แล้วสร้างใหม่เต็มพื้นที่นั่นเอง
ที่ผ่านมา ทั้ง 3 ป. ทั้ง “ป.ป้อม” “ป.ป๊อก” และ “ป.ประยุทธ์” ซึ่ง มีบ้านอยู่ใน ร.1 รอ. ด้วยกันทั้งหมด ก็มักใช้บ้านหลวงเป็นที่ประชุมพบปะทางการเมืองมาตลอด ตั้งแต่จัดตั้งรัฐบาลพรรคประชาธิปัตย์ในค่าย
ทหาร แล้วก็มีนักการเมืองเป็นอาคันตุกะมาที่บ้านทั้ง 3 หลังของ 3 ป.อยู่เนืองๆ เป็นที่ประชุมลับมาตลอดในช่วงวิกฤตเรื่อยมา
แถมทั้งนายสุเทพนั้นกลายเป็นแขกขาประจำ ไม่ว่า จะเมื่อครั้งเป็นรองนายกรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคง และ ผอ.ศอฉ. หรือตอนที่เป็นผู้สมัคร รับเลือกตั้งซ่อม ส.ส.สุราษฎร์ธานี ไม่นับรวมนักการเมืองอีกหลายคน
นี่จึงเป็นเหตุผลที่ทำให้บ้านพักหลังใหม่ของ พล.อ.ประยุทธ์ กลายเป็นวอร์รูมปฏิบัติการลับ ตลอดเวลา 4 ปีที่เป็นผบ.ทบ. หรือ อาจหมายอยู่ยาวต่อจากนั้น และจะเป็นบ้านที่กว้างขวาง ถูกหลักฮวงจุ้ยและ
ปลอดภัย โดยบ้านหลังนี้ใช้เวลาสร้างกว่า 1 ปี แต่ยังไม่เสร็จสิ้นดี
ที่สำคัญคือ มีการวัดระยะแล้วว่า ที่ตั้งของบ้านใหม่ของ พล.อ.ประยุทธ์ ปลอดภัยจกระยะยิงของเอ็ม 79 ที่เคยเกิดเหตุมาแล้วแต่ตกแค่หน้าหน่วย ซึ่งไกลจากบ้านหลังใหม่ของ พล.อ.ประยุทธ์มาก แม้
เวลานี้มือยิงเอ็ม 79 อย่าง “เสธแดง” พล.ต.ขัตติยะ สวัสดิผล จะลาโลกไปแล้วก็ตาม
มีการมองว่า การสร้างบ้านหลังนี้เป็นการสะท้อนว่า พล.อ.ประยุทธ์ มีแผนที่จะอยู่ในอำนาจยาวนาน และรู้ด้วยว่าจะต้องพบเจอภารกิจใด บ้างนับจากนี้
“ร.1 รอ. และเซฟเฮาส์เลขที่ 702 จะเป็นสถานที่ให้กำเนิดและตัดสินชะตาบ้านเมืองอีกครั้งก็เป็นได้” วาสนา ทิ้งท้าย
- ไม่สามารถใส่ชื่อเว็บไซต์ใด ๆ ก็ตาม ลงในช่องแสดงความคิดเห็น
- ระบบสามารถรับข้อความ ได้สูงสุดเพียง 2,000 ตัวอักษร ต่อหนึ่งครั้ง
- ผู้ดูแลเว็บไซต์ จะลบข้อความที่ไม่เหมาะสม และข้อความโฆษณาสินค้า หรือบริการ