สธ.ยันปลายกุมภาฯ ไทยได้ฉีดวัคซีนโควิด-19 แน่ ไม่ขวางเอกชนจัดซื้อ แต่ต้องผ่าน อย.
วันนี้ (3 มกราคม 2564) นพ.ศุภกิจ ศิริลักษณ์ อธิบดีกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ และรองประธานคณะกรรมการขับเคลื่อนการจัดหาวัคซีนโควิด-19 เพื่อคนไทย แถลงที่กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) ว่า เพื่อให้ประชาชนเกิดความมั่นใจในรัฐบาลไทย โดย สธ. ร่วมมือกับหลายฝ่ายว่า เมื่อถึงเวลาอันสมควรไทยจะได้รับวัคซีนป้องกันโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือ โควิด-19 ไม่ช้าไปกว่าประเทศส่วนใหญ่
นพ.ศุภกิจ กล่าวว่า มีข้อมูลออกไปทางโลกโซเซียลและหลายฝ่ายมีข้อมูลไม่ครบถ้วน ทำให้ประชาชนสับสนและไม่แน่ใจ
“เราทำงานเรื่องนี้ตั้งแต่กลางปี 2563 ตั้งแต่ยังไม่ทราบผลว่าวัคซีนของเจ้าใด ที่จะมีโอกาสประสบความสำเร็จ มีการเตรียมข้อมูล วางเป้าหมาย มีกลไกลที่ทำให้ได้วัคซีนมา ซึ่งเป้าหมายยังไม่เปลี่ยน เรายังจะฉีดวัคซีนให้คนไทย โดยรัฐ และเป็นการฉีดฟรีไม่น้อยกว่าร้อยละ 50 ของประชากร ซึ่งเป็นวัคซีนเกือบ 70 ล้านโดส สิ่งที่เราเตรียมการคือ 1.ต้นทุนในมือ เรื่องการเจรจาของบริษัทแอสทราเซเนก้า ที่ใช้เทคโนโลยีของมหาวิทยาลัยออกซ์ฟอร์ด ขณะนี้เราทำสัญญา 26 ล้านโดส อยู่ระหว่างการผลิตในประเทศไทย คาดว่าปลายเดือนพฤษภาคมนี้ น่าจะได้ฉีดให้กับคนไทย บนแรงกดดันเราไม่ได้หยุดแค่นี้ อีกร้อยละ 20 จึงมีการเจรจาร่วมกับโคแวกซ์ (COVAX) แต่เป้าหมายมีการปรับเปลี่ยนเนื่องจากมีความยุ่งยาก เพราะสถานการณ์เปลี่ยนไป และอีกร้อยละ 10 ทำข้อตกกับบริษัทที่คิดว่ามีโอกาสผลิตวัคซีนสำเร็จ” นพ.ศุภกิจ กล่าว
อธิบดีกรมวิทยาศาสตร์ฯ กล่าวว่า แม้ว่าจะมี 26 ล้านโดส ก็ยังมีการตั้งคำถามว่า มาปลายเดือนพฤษภาคมช้าไปหรือไม่ ยืนยันว่า ไม่ได้นิ่งนอนใจ มีความพยายามเจรจากับหลายฝ่าย ทั้งไฟเซอร์ โมเดิร์นนา วัคซีนประเทศจีน และอาจจะขอซื้อเพิ่มเติมจากแอสทราเซเนก้าได้ ซึ่งจะเพิ่มให้ถึงเป้า และข่าวดีที่เกิดขึ้น 2-3 วันที่ผ่านมา คือ บริษัทซิโนแวค ไบโอเทค (Sinovac Biotech) จะนำวัคซีน 2 แสนโดส เข้ามาไทยในปลายเดือนกุมภาพันธ์นี้อย่างแน่นอน ปลายเดือนมีนาคม อีก 8 แสนโดส และปลายเดือนเมษายน อีก 1 ล้านโดส รวมทั้งหมดเป็น 2 ล้านโดส
“ต้องเรียนประชาชนว่าวัคซีนไม่ใช่สินค้าที่จะไปชอปปิ้งหากที่ไหนก็ได้ วันนี้สภาพของตลาด วัคซีนไม่ได้มีอยู่มากมาย แม้ประเทศที่เริ่มฉีดแล้วก็ค่อยๆ ฉีดไป ไม่สามารถฉีดไปทีเดียว ดังนั้นวัคซีนไม่ใช่สินค้าที่หาได้ทั่วไปในตลาด ที่สำคัญต้องมีระบบควบคุมคุณภาพและปลอดภัย หากมีคนเอามาขายจากโรงงานไม่ได้มาตรฐาน แล้วมีปัญหา เราคงซื้อมาฉีดให้คนไทย ดังนั้นข้อมูลเหล่านี้เป็นเงื่อนไขที่เราต้องดำเนินการให้เป็นตามหลัก” นพ.ศุภกิจ กล่าวและว่า ไม่ได้ห้ามบริษัทเอกชนที่นำเข้าวัคซีน แต่ต้องผ่านการขึ้นทะเบียนกับสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) ประเทศไทยก่อน ซึ่งต้องผ่านการตรวจสอบเรื่องผลการทดลองว่ามีความน่าเชื่อหรือไม่ โรงงานผลิตเป็นไปตามมาตรฐานหรือไม่ และทุกล็อตที่จะนำสู่การฉีดต้องได้รับการตรวจจากกรมวิทยาศาสตร์ฯ ว่ามีคุณภาพตามที่กล่าวอ้างหรือไม่ ทั้งหมดนี้เป็นการคุ้มครองผู้บริโภค ดังนั้น หากได้รับเข้ามาโดยไม่มีการยืนยันว่าปลอดภัย แม้กระทั่งแพทย์เองก็ไม่กล้าฉีด
- ไม่สามารถใส่ชื่อเว็บไซต์ใด ๆ ก็ตาม ลงในช่องแสดงความคิดเห็น
- ระบบสามารถรับข้อความ ได้สูงสุดเพียง 2,000 ตัวอักษร ต่อหนึ่งครั้ง
- ผู้ดูแลเว็บไซต์ จะลบข้อความที่ไม่เหมาะสม และข้อความโฆษณาสินค้า หรือบริการ