“อนุพงษ์”แนะ”อปท.”ชะลอเรียกคืนเบี้ยคนชรา-ดำเนินคดี ชี้ให้รอ กก.พม.สรุปแนวทาง ก่อนออกระเบียบเหมาะสมรองรับต่อไป ตอนนี้บรรเทาปัญหาก่อน
เมื่อเวลา 12.20 น.วันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2564 ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย ให้สัมภาษณ์ถึงการแก้ไขปัญหาการเรียกคืนเบี้ยผู้สูงอายุ เนื่องจากทับซ้อนกับสิทธิ์อื่น ว่า ขณะนี้ส่วนงานที่เกี่ยวข้องประชุมเพื่อพิจารณาหาแนวทางดำเนินการ สมมติผลออกมาเป็นอย่างที่ทุกคนคาด และได้ข้อยุติแล้ว ซึ่งกระทรวงมหาดไทย จะไปแก้ระเบียบให้ได้ เนื่องจากการออกระเบียบเป็นไปตามคณะกรรมการผู้สูงอายุแห่งชาติที่กำหนดขึ้น ส่วนกระทรวงมหาดไทย ได้ให้นโยบายองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) ทั้ง 7,850 แห่งทั่วประเทศ พิจารณาดำเนินการแก้ปัญหาไม่ให้เกิดผลกระทบกับประชาชนจนกว่าเรื่องจะได้ข้อยุติ ซึ่งอาจเป็นการเจรจาหรือชะลอดำเนินการ กับผู้สูงอายุ 11,111 ราย ส่วนที่ดำเนินการไปแล้ว 4,052 ราย ยังอยู่ในระหว่างดำเนินการและอีกกว่า 1,700 ราย ยังไม่ได้ดำเนินการ โดยให้ชะลอไปก่อนเพื่อบรรเทาปัญหา เพราะบางคนมีผลกระทบมาก เช่น คนแก่อายุมาก ผู้ป่วยติดเตียง
ทั้งนี้ เห็นว่าในกรณีที่บุตรทำงานเพื่อชาติ ก็น่าจะมีการพิจารณาออกระเบียบที่เหมาะสม ส่วนบางคน สมมุติว่ารับบำนาญของตัวเองจำนวนมากอยู่แล้วและไปรับเบี้ยผู้สูงอายุซ้ำ ก็อาจจะมีระเบียบที่แตกต่างกันไป ขึ้นอยู่กับคณะกรรมการของกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) จะพิจารณาหาข้อสรุป ถ้าจะให้แก้ไขระเบียบอย่างไร เราก็จะเร่งพิจารณาต่อไป
ผู้สื่อข่าวถามว่า ในระหว่างการหารือทางกระทรวงมหาดไทย ได้สั่งการให้ อปท.ชะลอเรื่องการเรียกคืนเบี้ยผู้สูงอายุก่อนหรือไม่ พล.อ.อนุพงษ์ กล่าวว่า อปท.ไปสั่งไม่ได้ แต่เราได้ให้นโยบายในภาพกว้าง เช่น ถ้ายังอยู่ในระหว่างการเจรจาก็อย่าเพิ่งไปเรียกคืน ให้อยู่เฉยๆ และให้รอ อย่าเพิ่งดำเนินคดี ส่วนที่ดำเนินคดีไปแล้ว ก็ไม่แน่ใจว่าจะไปหยุดอย่างไร เพื่อลดผลกระทบทั้งหมด
เมื่อถามว่า คนชราที่คืนเงินให้กับรัฐไปแล้วจะได้รับเงินกลับคืนหรือไม่ พล.อ.อนุพงษ์ กล่าวว่า อย่าเพิ่งไปพูดถึงตรงนั้นเลย เพราะจะหักหรือจะคืนอยู่ที่คณะกรรมการฯ ถ้าคณะกรรมการฯระบุว่าเงินที่ได้ไปแล้ว ไปหักมาแล้วต้องคืน ก็ถือว่าจบ ก็ว่าไปตามนั้น ซึ่งทั้งหมดต้องรอคณะกรรมการฯ สรุปก่อน ตนคงไม่สามารถไปบอกได้ว่าต้องทำอย่างไร ซึ่งเมื่อคณะกรรมการฯสรุปมาอย่างไรก็ไปออกระเบียบให้เป็นธรรม
“ก็คงต้องรอ เพราะมันเป็นไปตามกฎหมาย และเพิ่งไปเจอสิ่งที่เกิดขึ้น เราก็ต้องหาทางแก้ สำหรับผมตอนนี้ก็เพียงบรรเทาปัญหาก่อน” รมว.มหาดไทย กล่าว
- ไม่สามารถใส่ชื่อเว็บไซต์ใด ๆ ก็ตาม ลงในช่องแสดงความคิดเห็น
- ระบบสามารถรับข้อความ ได้สูงสุดเพียง 2,000 ตัวอักษร ต่อหนึ่งครั้ง
- ผู้ดูแลเว็บไซต์ จะลบข้อความที่ไม่เหมาะสม และข้อความโฆษณาสินค้า หรือบริการ