ขยายเวลาลงทะเบียน ‘เราชนะ’ กลุ่มคนแก่-ไร้สมาร์ทโฟนถึง 26 มี.ค. ยอดทะลุ 30.7 ล้านคน เม็ดเงินลงระบบเศรษฐกิจ 7.75 หมื่นล้านบาท
วันที่ 5 มี.ค. น.ส.กุลยา ตันติเตมิท ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง ในฐานะโฆษกกระทรวงการคลัง เปิดเผยความคืบหน้าเกี่ยวกับการเปิดรับลงทะเบียนเข้าร่วมโครงการเราชนะ (โครงการฯ) สำหรับประชาชนกลุ่มผู้ที่ต้องการความช่วยเหลือเป็นพิเศษว่า นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รมว.คลัง มีนโยบายให้มีการดูแลกลุ่มผู้พิการ ผู้ป่วยติดเตียง รวมถึงคนชราที่มีปัญหาทางกายภาพ เนื่องจากยังมีประชาชนกลุ่มดังกล่าวบางส่วนที่ยังไม่ได้ลงทะเบียนเข้าร่วมโครงการฯ
กระทรวงการคลังจึงพิจารณาขยายระยะเวลาการปิดรับลงทะเบียนออกไปจากวันที่ 5 มี.ค.2564 เป็นวันที่ 26 มี.ค.2564 โดยระหว่างวันที่ 6–7 มี.ค.2564 ธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) จะปิดระบบลงทะเบียน เพื่อปรับปรุงระบบฐานข้อมูลและจะเปิดระบบรับลงทะเบียนอีกครั้งในวันจันทร์ที่ 8 มี.ค.2564
ทั้งนี้ ประชาชนสามารถแจ้งเจ้าหน้าที่ในท้องที่เพื่อดำเนินการประสานการจัดหน่วยรับลงทะเบียนเคลื่อนที่ของธนาคารกรุงไทยฯ ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร และธนาคารออมสิน ดำเนินการรับลงทะเบียน นอกจากนี้ กระทรวงการคลัง กระทรวงมหาดไทย กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ กระทรวงสาธารณสุข รวมถึงหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง จะร่วมมือในการรับลงทะเบียนให้แก่กลุ่มดังกล่าวให้ครอบคลุมต่อไป
นอกจากนี้ โฆษกกระทรวงการคลังได้แถลงเพิ่มเติมถึงความคืบหน้าของโครงการฯ ณ วันที่ 5 มีนาคม 2564 ดังนี้ 1) ประชาชนกลุ่มผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ จำนวน 13.7 ล้านคน ได้มีการใช้จ่ายตั้งแต่วันที่ 5 กุมภาพันธ์ 2564 เป็นต้นมา จำนวน 34,137 ล้านบาท 2) ประชาชนกลุ่มที่อยู่ในระบบฐานข้อมูลของแอปพลิเคชัน “เป๋าตัง” ในโครงการเราเที่ยวด้วยกันและคนละครึ่ง และกลุ่มประชาชนทั่วไปที่ลงทะเบียนทางเว็บไซต์ www.เราชนะ.com ที่ผ่านการคัดกรองคุณสมบัติเบื้องต้นและยืนยันการใช้สิทธิ์ร่วมโครงการฯ แล้ว มีจำนวนมากกว่า 16.5 ล้านคน และมีการใช้จ่ายวงเงินสิทธิ์สะสมตั้งแต่วันที่ 18 กุมภาพันธ์ 2564 เป็นต้นมา จำนวน 43,442 ล้านบาท
และ 3) ประชาชนกลุ่มผู้ที่ต้องการความช่วยเหลือเป็นพิเศษที่ลงทะเบียนเข้าร่วมโครงการฯ ระหว่างวันที่ 15 – 21 กุมภาพันธ์ 2564 และผ่านการคัดกรองคุณสมบัติแล้ว จำนวน 0.5 ล้านคน ทำให้มีผู้ได้รับสิทธิ์โครงการฯ รวมทั้งสิ้นจำนวน 30.7 ล้านคน คิดเป็นมูลค่าการใช้จ่ายหมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจไทยแล้วกว่า 77,579 ล้านบาท ซึ่งเป็นการใช้จ่ายผ่านผู้ประกอบการร้านธงฟ้าราคาประหยัดพัฒนาเศรษฐกิจท้องถิ่นที่มีแอปพลิเคชัน “ถุงเงิน” ร้านค้าคนละครึ่งที่ตกลงยินยอมเข้าร่วมโครงการฯ รวมถึงผู้ประกอบการร้านค้าและผู้ให้บริการที่ลงทะเบียนเข้าร่วมโครงการฯ จำนวนทั้งสิ้นมากกว่า 1.2 ล้านกิจการ
- ไม่สามารถใส่ชื่อเว็บไซต์ใด ๆ ก็ตาม ลงในช่องแสดงความคิดเห็น
- ระบบสามารถรับข้อความ ได้สูงสุดเพียง 2,000 ตัวอักษร ต่อหนึ่งครั้ง
- ผู้ดูแลเว็บไซต์ จะลบข้อความที่ไม่เหมาะสม และข้อความโฆษณาสินค้า หรือบริการ