นางอังเกลา แมร์เคิล นายกรัฐมนตรีเยอรมนี กล่าวว่าเยอรมนีจะเริ่มให้วัคซีนแก่เด็กอายุตั้งแต่ 12 ปี ขึ้นไป ตั้งแต่วันที่ 7 มิ.ย. เป็นต้นไป โดยไม่เป็นการบังคับให้ฉีด และเด็กที่ยังไม่ได้รับวัคซีนยังสามารถไปโรงเรียน หรือไปเที่ยวกับครอบครัวได้ตามปกติ
สำนักข่าวเอเอฟพีรายงานว่า คาดว่าสำนักงานการแพทย์ยุโรป (European Medicines Agency) จะรับรองวัคซีนการให้วัคซีนของไฟเซอร์/ไอออนเทค แก่เด็กอายุ 12-15 ปีได้ในวันนี้ (28 พ.ค.) ส่วนการให้วัคซีนนี้ในคนอายุมากกว่า 16 ปี ก็ได้รับการรับรองแล้วในสหภาพยุโรป
“ไม่บังคับ”
“เด็กและวัยรุ่นอายุ 12 ปีขึ้นไป จะมีโอกาสจองนัดหมายรับการฉีดวัคซีนตั้งแต่ 7 มิ.ย. นี้” นางแมร์เคิล ระบุ หลังหารือกับผู้นำระดับภูมิภาคของเยอรมนี โดยจะได้รับวัคซีนโดสแรกจากจำนวน 2 โดส ภายในสิ้นเดือน ส.ค. นี้ ซึ่งจะทันเวลากับการเริ่มปีการศึกษาใหม่พอดี
“สิ่งสำคัญที่เราต้องการสื่อกับผู้ปกครองคือว่าไม่มีการบังคับฉีดวัคซีน” นางแมร์เคิล กล่าว และว่าโรงเรียนต่าง ๆ จะไม่มีการกำหนดให้นักเรียนต้องรับการฉีดวัคซีน และ “การคิดว่า คุณสามารถไปไหนมาไหนได้เฉพาะกับเด็กที่รับวัคซีนแล้วเท่านั้นเป็นเรื่องที่ไม่ถูกต้องอย่างยิ่ง”
การฉีดวัคซีนในเด็กถือเป็นก้าวสำคัญในการทำให้เกิดภูมิคุ้มกันหมู่เพื่อต่อสู้กับการระบาดใหญ่ ซึ่งที่ผ่านมาแคนาดาและสหรัฐฯ ได้เริ่มฉีดวัคซีนโรคโควิด-19 ในเด็กอายุ 12 ปีขึ้นไปแล้ว
เอเอฟพีรายงานว่า ผู้เชี่ยวชาญยังสงวนท่าทีในการแสดงความเห็นต่อเรื่องนี้ โดยชี้ว่า มีเด็กน้อยมากที่มีอาการป่วยโรคโควิด-19 รุนแรง และปริมาณวัคซีนที่มีอยู่ก็ยังคงจำกัด
ด้าน STIKO หน่วยงานกำกับดูแลวัคซีนของเยอรมนี เตรียมออกคำแนะนำเกี่ยวกับการให้วัคซีนแก่คนอายุ 12 ปีขึ้นไป หลังมีการรับรองวัคซีนของไฟเซอร์แล้ว
เอเอฟพีรายงานว่า STIKO ได้ส่งสัญญาณแล้วว่าจะแนะนำให้เด็กที่อยู่ในกลุ่มเสี่ยงเท่านั้นที่ควรรับวัคซีน อย่าง ผู้ที่มีปัญหาสุขภาพอยู่ก่อนแล้ว
แต่เด็กทุกคนที่อายุมากกว่า 12 ปี จะได้รับอนุญาตให้รับวัคซีนได้เช่นกัน ในทำนองเดียวกันกับวัคซีนของแอสตร้าเซนเนก้า ซึ่งทางการได้แนะนำให้เฉพาะคนที่อายุมากกว่า 60 ปีในเยอรมนีเข้ารับวัคซีนนี้เท่านั้น แต่ก็เปิดโอกาสให้ผู้ใดก็ตามที่ได้ปรึกษากับแพทย์แล้วสามารถขอรับวัคซีนนี้ได้
ควรฉีดวัคซีนให้เด็กหรือไม่
งานวิจัยที่ตีพิมพ์ในวารสารแลนเซ็ต (Lancet) ซึ่งศึกษาข้อมูลจาก 7 ประเทศ ประเมินว่ามีเด็กน้อยกว่า 2 ใน 1 ล้านคนที่เสียชีวิตจากโควิด-19 แต่การให้วัคซีนเด็กอาจเป็นประโยชน์เพราะจะช่วยรักษาชีวิตคนรอบข้างได้
มีการใช้วิธีคิดแบบนี้แล้วกับไข้หวัดใหญ่ โดยเด็กในสหราชอาณาจักรที่อายุระหว่าง 2 ถึง 12 ปี จะได้รับสเปรย์พ่นจมูก โดยหลัก ๆ แล้วก็เพื่อช่วยปกป้องปู่ย่าตายายของพวกเขา
อีกเหตุผลหนึ่งก็คืออาจจะช่วยทำให้เกิดภูมิคุ้มกันหมู่นั่นเอง เพราะวัคซีนดูเหมือนจะสกัดกั้นการแพร่ระบาดของเชื้อได้ดี แค่วัคซีนหนึ่งเข็มดูเหมือนจะลดการติดเชื้อได้ถึงครึ่งหนึ่ง และแม้ว่าคน ๆ นั้นจะติดเชื้อขึ้นมาก็มีแนวโน้มจะนำไปแพร่ต่อน้อยลงถึงครึ่งหนึ่ง
ดูเหมือนเด็กเล็กจะไม่ได้เป็นคนที่ทำให้เชื้อแพร่กระจายมาก แต่เด็กที่โตขึ้นมาหน่อยก็ยังมีส่วนในการแพร่เชื้ออยู่
ดร.อดัม คูชาสกี จากวิทยาลัยสุขอนามัยและเวชศาสตร์เขตร้อนแห่งมหาวิทยาลัยลอนดอน (London School of Hygiene and Tropical Medicine) บอกว่า มีหลักฐานว่าเด็กระดับชั้นมัธยมนำเชื้อไปแพร่ระบาด ดังนั้นการให้วัคซีนกับเด็กช่วงอายุนี้ก็สามารถส่งผลต่อสถานการณ์การแพร่เชื้อโดยรวมได้
แต่ผู้เชี่ยวชาญก็เห็นไม่ตรงกันว่าสมควรจะฉีดให้เด็กด้วยไหม
ตอนนี้ เด็กอายุ 16-17 ปี ในอังกฤษ มากกว่า 25% มีแอนติบอดีในตัวเองทั้ง ๆ ที่ไม่เคยได้รับวัคซีนมาก่อน ดังนั้น สหราชอาณาจักรและประเทศที่มีสถานการณ์คล้าย ๆ กันอาจสร้างระบบภูมิคุ้มกันขึ้นได้มากพอโดยที่ไม่ต้องไปฉีดวัคซีนให้เด็กด้วย
อ่านเพิ่มเติม : https://www.khaosod.co.th/around-the-world-news/news_6423946
- ไม่สามารถใส่ชื่อเว็บไซต์ใด ๆ ก็ตาม ลงในช่องแสดงความคิดเห็น
- ระบบสามารถรับข้อความ ได้สูงสุดเพียง 2,000 ตัวอักษร ต่อหนึ่งครั้ง
- ผู้ดูแลเว็บไซต์ จะลบข้อความที่ไม่เหมาะสม และข้อความโฆษณาสินค้า หรือบริการ