“สมชัย” สมัครสมาชิกเสรีรวมไทยแล้ว ชี้กติกาบัตร 2 ใบ เพื่อไทยได้เปรียบ บอก ถ้า “ทักษิณ” กลับไทยต้องมาตามกฎหมาย ชี้ เพื่อไทย ประเมินแล้ว หาก ชู “อุ๊งอิ๊ง” ผลบวกมากกว่าลบ เทียบ “ประยุทธ์” เหนือกว่า “แพทองธาร” ด้วยอายุราชการ
เมื่อเวลา 11.10 น. วันที่ 30 ตุลาคม ที่โรงแรมรอยัลริเวอร์ กรุงเทพฯ นายสมชัย ศรีสุทธิยากร อดีตกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) เปิดเผยว่า ตนสมัครเป็นสมาชิกพรรคเสรีรวมไทย (สร.) โดยชำระเงินค่าสมัคร จำนวน 2,000 บาท ตนขอขอบคุณ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียเวส ส.ส.บัญชีรายชื่อและหัวหน้าพรรค สร. ให้เข้ามาทำงาน ช่วยเหลือพรรค ส่วนจะลงสมัครส.ส.ในการเลือกตั้งครั้งหน้าหรือไม่ ยังตอบไม่ได้ และตนไม่คิดจะเป็นกรรมการบริหารพรรค
“ผมเข้ามาทำหน้าที่เสนอความคิดเห็นต่างๆ ที่เป็นประโยชน์กับพรรค โดยผมพร้อมเสนอยุทธศาสตร์ให้กับพรรคเสรีรวมไทย ที่จะเอาชนะการเลือกตั้งในครั้งหน้า ที่กติกาเลือกตั้งถูกเปลี่ยน และทำให้พรรคขนาดเล็กเสียเปรียบ ซึ่งผมมั่นใจว่าจะเป็นแนวทางที่ทำให้พรรคเล็กได้รับเลือกตั้งมากขึ้น” นายสมชัย กล่าว
นายสมชัย ยังกล่าวถึงทิศทางทางการเมืองต่อจากนี้ หลังจากที่พรรคการเมืองหลายพรรคเริ่มเปิดตัวแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีและนโยบายหาเสียง ว่า เป็นจังหวะที่ทุกพรรคประเมินว่า รัฐบาลจะอยู่ไม่ครบวาระ ขึ้นอยู่กับรัฐบาลจะยุบสภาในช่วงเวลาใดเพื่อให้ตนเองได้รับประโยชน์ ดังนั้นทุกพรรคต้องปรับทัพ ปรับโครงสร้างหากลยุทธ์ให้ประชาชนสนใจชื่นชมในนโยบายพรรค จึงไม่แปลกที่พรรคการเมืองต่างๆ จะประชุมใหญ่ โดยเฉพาะพรรคการเมืองขนาดใหญ่จะเลือกเปิดประชุมที่ภาคอีสาน ซึ่งเป็นสมรภูมิที่มีส.ส.มากที่สุด และไม่แปลกที่พรรคจะเปิดตัวแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีโดยเฉพาะพรรคใหญ่ เพราะต้องมีความพร้อมให้ประชาชนเห็นความเข้มแข็งความเชื่อมั่นที่เป็นจุดแข็งของตนเอง
นายสมชัย กล่าวด้วยว่า สำหรับการเมืองตอนนี้ มีจุดอ่อนคือ แกนนำพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ที่มีจุดอ่อนมากมายมีความขัดแย้งในพรรค ประเมินว่า จากการเปลี่ยนแปลงกติกาจากบัตรเลือกตั้ง 2 ใบ ที่พรรค พปชร.และพรรคเพื่อไทย (พท.) ได้เปรียบนั้น ส่วนตัวมองว่าพรรค พท.ได้เปรียบมากกว่า ส่วนพรรรคขนาดกลางต้องปรับยุทธศาสตร์การเลือกตั้ง เพราะมีการคำนวณ ส.ส.บัญชีรายชื่อใหม่ ทำให้พรรคขนาดกลางต้องมุ่งไปที่ ส.ส.เขตมากขึ้น เห็นได้จากการเคลื่อนไหวของพรรคก้าวไกล (ก.ก.) ที่มุ่งลงพื้นที่มากขึ้น ให้ส.ส.เขตลงพื้นที่เข้าหาประชาชนมากขึ้น
เมื่อถามว่า พรรค พท.เปิดตัว น.ส.แพทองธาร ชินวัตร ลูกสาวนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี และประกาศพานายทักษิณ กลับประเทศจะเกิดปรากฎการณ์แลนด์สไลด์หรือไม่ นายสมชัย กล่าวว่า การชูจุดขายของแต่ละพรรคแตกต่างกัน กรณีของพรรค พท. ชู น.ส.แพทองธาร เป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี เพราะประเมินว่าต้องการให้เชื่อมโยงกับนายทักษิณ ทำให้ได้คะแนนนิยมจากประชาชน แต่ต้องยอมรับว่ามีคนที่ไม่ชอบนายทักษิณ ก็ยังมีอยู่ แต่พรรค พท.คงประเมินแล้วว่า จะได้ผลบวกมากกว่าผลลบ จึงชูเรื่องดังกล่าว
“ประเด็นสำคัญไม่ใช่อยู่ที่นำนายทักษิณกลับบ้าน แต่พรรคเพื่อไทยควรมีนโยบายปรับปรุงประเทศให้ดีขึ้น อย่าเอาตัวบุคคลเป็นประเด็นหลักหากนายทักษิณจะกลับ ต้องใช้วิธีให้ถูกต้องตามกฎหมาย ไม่ใช่ออกกฎหมายนิรโทษกรรม เพราะจะทำให้เกิดความไม่สงบ ดังนั้นพรรคเพื่อไทยอย่าเน้นเรื่องนี้มากเกินไป” นายสมชัย กล่าว
เมื่อถามถึง กรณีที่พรรค พท. ถูกจับตาว่านายทักษิณจะครอบงำพรรคผ่าน น.ส.แพทองธารนั้น นายสมชัย กล่าวว่า ตนมองว่าหากมองแค่นั้น ทุกจังหวัดที่มีตระกูลการเมือง จะมีการถ่ายทอดอำนาจจากพ่อไปสู่ลูกทุกจังหวัด ดังนั้น การที่คนรุ่นใหม่เข้ามามีบทบาททางการเมืองด้วยความตั้งใจให้การเมืองดีขึ้นควรสนับสนุน แต่พรรค พท.ต้องเรียนรู้ความผิดพลาดในอดีต ไม่เดินตามและหลีกเลี่ยง
เมื่อถามว่า กรณีที่ยังมีส.ว.250 คนเป็นเสียงข้างมากในรัฐสภา จะเป็นอุปสรรคให้พรรค พท.กลับมาเป็นรัฐบาลหรือไม่ นายสมชัย กล่าวว่า ขณะนี้ไม่ทราบผลการเลือกตั้งจะออกมาอย่างไร แต่ส.ว.ต้องประเมินตนเองว่าจะฟังความต้องการของประชาชน หรือความต้องการขอผู้มีอำนาจที่แต่งตั้งเข้ามาทำหน้าที่ ส.ว.ต้องคิดถึงประชาชนเป็นหลัก เพราะส.ว.อยู่ไม่นาน ควรทำตัวให้สังคมชื่นชม และตัดสินใจตามความต้องการของประชาชน ไม่ใช่ยึดตามความต้องการของคนที่แต่งตั้งตนเองเข้ามา
เมื่อถามถึง ปัจจัยชี้วัดของผลเลือกตั้งครั้งหน้า นายสมชัย กล่าวว่า อยู่ที่พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม จะรับเป็นนายกรัฐมนตรีอีกรอบหรือไม่ หากอาสาและมีพรรคการเมืองเสนอให้เป็นนายกรัฐมนตรีประเด็นตัดสินใจของประชาชน คือ จะเอาหรือไม่เอา พล.อ.ประยุทธ์ แต่หากพล.อ.ประยุทธ์ ไม่เป็นนายกรัฐมนตรีอีก ประเด็นตัดสินใจของประชาชนคือ นโยบายของแต่ละพรรค
“การเลือกตั้งครั้งหน้าประชาชนจะถามแต่ละพรรคว่า เอาพล.อ.ประยุทธ์หรือไม่ บางพรรคแม้ตอบว่าไม่เอา แต่ประชาชนจะไม่เลือกพรรคนั้น ส่วนตัวไม่เชื่อว่า สถานการณ์ขณะนี้ผู้บริหารพรรคพลังประชาชนจะประเมินว่า พล.อ.ประยุทธ์ เป็นสินค้าที่ควรเสนอต่อประชาชน ถ้าทำโพล แล้วเห็นว่า พล.อ.ประยุทธ์ไม่มีประโยชน์ อาจไม่เสนอชื่อเป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีหรือเสนอ 3 ชื่อไม่ใช่ชื่อเดียว เพื่อให้มีทางเลือก และจะทำให้พล.อ.ประยุทธ์เกิดความไม่มั่นคง เพราะพรรคอาจเสนอชื่อคนอื่นให้สภาฯ เลือกก็ได้” นายสมชัย กล่าว
ผู้สื่อข่าวถามว่า เงื่อนไขของพล.อ.ประยุทธ์ ประเด็นดำรงตำแหน่ง 8 ปี จะเป็นประเด็นหรือไม่ นายสมชัย กล่าวว่า เชื่อจะถูกนำมาเป็นประเด็นหลักในการหาเสียง แต่ไม่เชื่อว่า จะมีการส่งเรื่องนี้ให้ศาลรัฐธรรมนูญตีความ เพราะหากมีความไม่ชัดเจน ทุกพรรคสามารถนำเรื่องนี้โจมตี พล.อ.ประยุทธ์ได้ ยกเว้น พล.อ.ประยุทธ์จะเสนอเอง เพราะเชื่อว่าการตัดสินจะเป็นคุณกับตัวเอง
เมื่อถามถึง การเปรียบเทียบแคนดิเดตนายกฯระหว่าง พล.อ.ประยุทธ์ กับ น.ส.แพทองธาร ใครได้เปรียบกว่ากัน นายสมชัย กล่าวว่า ไม่ขอวิจารณ์ เพราะไม่ทราบว่าจริงหรือไม่ แต่หากเทียบตัวต่อตัว พล.อ.ประยุทธ์ เหนือกว่า เพราะรับราชการมานาน มีประสบการณ์สูงกว่าน.ส.แพทองธาร แต่ตอบไม่ได้ว่าประชาชนจะเลือกใคร
ผู้สื่อข่าวถามว่า กรณีของน.ส.แพทองธาร อาจชนะได้โดยโมเดล 49 วันเหมือนสมัย น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี นายสมชัย กล่าวว่า เวลา 49 วันยิ่งกว่าพอ พิสูจน์ให้เห็นได้จากกรณีของน.ส.ยิ่งลักษณ์ แม้ไม่มีประสบการณ์ทางการเมืองสามารถประสบความสำเร็จได้ด้วยทีมงาน โดยตนเชื่อว่าทีมงานของพรรคเพื่อไทยยุคนี้ไม่ด้อยกว่าทีมงานสมัย น.ส.ยิ่งลักษณ์
ข่าวจาก : มติชน
- ไม่สามารถใส่ชื่อเว็บไซต์ใด ๆ ก็ตาม ลงในช่องแสดงความคิดเห็น
- ระบบสามารถรับข้อความ ได้สูงสุดเพียง 2,000 ตัวอักษร ต่อหนึ่งครั้ง
- ผู้ดูแลเว็บไซต์ จะลบข้อความที่ไม่เหมาะสม และข้อความโฆษณาสินค้า หรือบริการ