เอกชนวอนรัฐขยายคนละครึ่งเป็น1,500 บ. ลุ้นหอค้าถกคลัง4 ก.พ.นี้





กกร.ผวาราคาสินค้า-น้ำมันแพง ขยับกรอบเงินเฟ้อพุ่ง2.5% วอนรัฐตรึงยกแผง ขอร่วมประชุมศบค. วอนปรับเทสต์แอนด์โกให้คล่องตัวขึ้น “สุพันธุ์”วอนขยายคนละครึ่ง1,500บ.เพิ่มช้อปดีมีคืน100,000บ. “สนั่น”ถก”อาคม”4ก.พ.ขอมาตรการกระตุ้นศก.เพิ่ม

เมื่อวันที่ 1 กุมภาพันธุ์ ที่โรงแรมคอนราด กรุงเทพฯ นายสุพันธุ์ มงคลสุธี ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย(ส.อ.ท.) ภายหลังเป็นประธานการประชุมคณะกรรมการร่วมภาคเอกชน 3 สถาบัน(กกร.) ประกอบด้วย สภาหอการค้าแห่งประเทศไทย ส.อ.ท. และสมาคมธนาคารไทย ประจำเดือนกุมภาพันธ์ ว่า กกร.มีความกังวลต่อสถานการณ์เงินเฟ้อจากราคาสินค้าที่ปรับขึ้นต่อเนื่อง ประกอบกับราคาน้ำมันที่เพิ่มขึ้นต่อเนื่องจึงตัดสินใจปรับกรอบเงินเฟ้อทั่วไปปี2565 เพิ่มเป็น 1.5-2.5% จากเดิม 1.2-2.0% โดยกกร.อยากให้รัฐบาลตรึงราคาสินค้า ราคาน้ำมัน ให้อยู่ในระดับเหมาะสม ซึ่งล่าสุดราคาน้ำมันโลกมีแนวโน้มที่จะขยับราคาไปถึง 100 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรลภายในไตรมาสแรกของปีนี้(มกราคม-มีนาคม2565)

“จากสถานการณ์ราคาสินค้าอุปโภคบริโภค โดยเฉพาะหมวดอาหารสด และพลังงาน ที่ปรับตัวสูง ส่งผลต่อครองชีพประชาชน กกร.กังวลหนี้ครัวเรือน จึงขอเสนอภาครัฐดำเนินการ คือ ขอความร่วมมือตรึงราคาสินค้า ขอให้รัฐตรึงราคาพลังงาน ทั้งน้ำมัน โดยดีเซลไม่ควรเกิน 30 บาทต่อลิตร และตรึงก๊าซหุงตัม”นายสุพันธุ์กล่าว

อย่างไรก็ตาม กกร.คงประมาณการเศรษฐกิจไทยคงเป้าหมายเดิม 3-4.5% และการส่งออกไว้ที่ 3-4% เนื่องจากผลกระทบจากการแพร่ระบาดของโควิด-19 สายพันธุ์โอมิครอนไม่รุนแรง จึงไม่กระทบกิจกรรมเศรษฐกิจโลกมากนัก ภาคการส่งออกของไทยจึงยังมีโอกาสปรับตัว แต่ต้องติดตามความตึงเครียดทางการเมืองระหว่างรัสเซียและยูเครน เพราะอาจส่งผลด้านลบต่อเศรษฐกิจโลกและประเทศไทย

ทั้งนี้เพื่อสนับสนุนภาคการท่องเที่ยวไทยให้ฟื้นตัว ช่วยฟื้นฟูเศรษฐกิจ อยากให้ภาครัฐอำนวยความสะดวกในการเดินทางเข้าไทย โดยปรับมาตรการเทสต์แอนด์โก ให้กลับไปใช้เกณฑ์เดิมที่ใช้ช่วงก่อนปีใหม่ เพื่อส่งเสริมบรรยากาศท่องเที่ยว อย่างไรก็ตามจะพบว่าการตัดสินใจยกเลิกเทสต์แอนด์โกชั่วคราวของคณะกรรมการศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19(ศบค.) ในช่วงที่ผ่านมาไม่ถูกต้อง เพราะตัวเลขนักท่องเที่ยวลดลงกว่า50% ขณะที่สถานการณ์ไม่รุนแรง ดังนั้นอยากเสนอให้กกร.เข้าร่วมประชุมศบค.ด้วย

นายสุพันธุ์ กล่าวด้วยว่า ทั้งนี้จากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาลผ่านโครงการคนละครึ่ง เฟส4 คนละ 1,200 บาท ถือเป็นมาตรการที่ดีแต่อยากให้เพิ่มเป็น 1,500 บาทขึ้นไป เพราะวงเงินนี้จะกระตุ้นได้มากกว่า นอกจากนี้อยากให้เพิ่มวงเงินมาตรการช้อปดีมีคืน จาก 30,000 บาท เป็น 100,000 บาท และขยายเวลาจากสิ้นมาตรการวันที่ 15 กุมภาพันธ์นี้ เป็นสิ้นปี2565

ด้านนายสนั่น อังอุบลกุล ประธานกรรมการสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย​ กล่าวว่า วันที่ 4 กุมภาพันธ์นี้ เตรียมเข้าหารือกับ นายอาคม​ เติมพิทยาไพสิฐ​ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง​ เพื่อหามาตรการกระตุ้นกำลังซื้อเพิ่มเติม โดยเฉพาะการขยายเวลาโครงการช้อปดีมีคืนที่จะสิ้นสุดวันที่​ 15 กุมภาพันธ์ เนื่องจากโครงการเริ่มช้า ระยะเวลาน้อย ทำให้ยอดการใช้จ่ายน้อย​ รวมทั้งเสนอเพิ่มวงเงินโครงการคนละครึ่ง เพราะวงเงินปัจจุบัน 1,200 บาท ประชาชนมองว่า ยังน้อยเกินไป ซึ่งเป็นโครงการที่กระตุ้นใช้จ่ายได้จริง จะหารือให้กลับมาเป็นวงเงิน 1,500 บาทได้หรือไม่

 

ข่าวจาก : มติชน

เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ๆ
- ไม่สามารถ copy ข้อความจากที่อื่น แล้วนำมา paste ในช่องแสดงความคิดเห็น
- ไม่สามารถใส่ชื่อเว็บไซต์ใด ๆ ก็ตาม ลงในช่องแสดงความคิดเห็น
- ระบบสามารถรับข้อความ ได้สูงสุดเพียง 2,000 ตัวอักษร ต่อหนึ่งครั้ง
- ผู้ดูแลเว็บไซต์ จะลบข้อความที่ไม่เหมาะสม และข้อความโฆษณาสินค้า หรือบริการ
error: