‘อนุทิน’ เผยดูยอดโควิด-19 หลังสงกรานต์ 2 สัปดาห์จึงจะวางใจได้ เตรียมขอ ศบค.ผ่อนคลายเพิ่ม ชี้ไม่มีใครประกาศว่า 1 ก.ค.เป็นโรคประจำถิ่น
เมื่อเวลา 09.40 น. วันที่ 18 เมษายน ที่ทำเนียบรัฐบาล นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ให้สัมภาษณ์ถึงการเตรียมรับมือสถานการณ์โควิด-19 หลังหยุดยาวเทศกาลสงกรานต์ว่า ตอนนี้เน้นเรื่องเวชภัณฑ์ สถานพยาบาลให้มีความพร้อมอย่างเต็มที่ เราจะให้การดูแลผู้ป่วยที่จะเข้ารับการรักษาในสถานพยาบาล โดยต้องเป็นผู้ป่วยที่มีอาการ ผู้ป่วย 608 และผู้สูงอายุเป็นพิเศษ สำหรับผู้ติดเชื้อที่ไม่มีอาการก็รักษาตามแบบฉบับที่ได้ดูแลกันมาโดยตลอด ทั้ง HI เข้ารับรักษาที่โรงพยาบาล หากไม่มีอาการใดก็ไม่จำเป็นที่จะต้องกินยาฆ่าไวรัสโควิด-19
ผู้สื่อข่าวถามว่า ยืนยันหรือไม่ว่ายาฟาวิพิราเวียร์ยังมีปริมาณเพียงพอ นายอนุทินกล่าวว่า มีเพียงพอ ตนพูดเสมอว่าเวชภัณฑ์ไม่ใช่สิ่งที่น่าเป็นห่วง รักษาตามอาการ พยายามรักษาไปตามความรุนแรงของโรค ต้องปรับเปลี่ยนไปเรื่อยๆ ซึ่งทางบุคลากรทางการแพทย์และแพทย์มีความพร้อม คณะที่ปรึกษาโควิด-19 ของกระทรวงสาธารณสุข ยังได้ให้ความเห็นว่า ควรจะเสนอผ่อนคลายมาตรการ ไม่ทำอะไรที่เข้มเกินไป มากเกินไป แต่ต้องผ่านคณะกรรมการทางวิชาการก่อน ยืนยันว่าแพทย์มีความพร้อม
เมื่อถามถึงกรณีการจัดงานเทศกาลสงกรานต์ที่ถนนข้าวสาร นายอนุทินกล่าวว่า รัฐบาลและกระทรวงสาธารณะสุขได้เตือนไปหมดแล้ว แต่ละจังหวัดก็ต้องมีความรับผิดชอบโดยผู้ว่าราชการจังหวัด ในเรื่องการปฏิบัติตนว่าจะทำ หรือไม่ทำ ซึ่งคณะแพทย์ของกระทรวงสาธารณสุขได้ออกมาตรการทั้งกรมควบคุมโรค กรมอนามัย
นายอนุทินกล่าวว่า สำหรับมาตรการที่กระทรวงสาธารณสุขเตรียมเสนอที่ประชุมศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อโควิด-19 (ศบค.) ชุดใหญ่ ในวันศุกร์ที่ 22 เมษายนนี้คือต้องผ่อนคลาย เพื่อให้ทุกบริบทเดินไปได้ ทั้งเศรษฐกิจ การทำมาหากิน และความสะดวกของประชาชน โดยต้องไม่กระทบต่อความเสี่ยงที่จะทำให้เกิดการติดเชื้อ
เมื่อถามถึงกรณีที่กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาเตรียมเสนอให้คนเดินทางเข้าประเทศไม่ต้องตรวจ RT-PCR แต่เปลี่ยนไปเป็น ATK นายอนุทินกล่าวว่า นั่นเป็นสิ่งที่จะต้องทำในวันหนึ่ง เราเกรงว่าประชาชนจะตื่นตระหนก จึงอยากให้ผ่านช่วงเทศกาลสงกรานต์ไปก่อน เมื่อผ่านไปแล้วสถานการณ์ไม่มีอะไรที่เกินขีดความสามารถ หรือเกินความคาดหวัง ก็ต้องหามาตรการผ่อนคลายให้ได้มากยิ่งขึ้น อยากให้ทุกอย่างกลับมาคืนสู่ปกติให้เร็วที่สุด
เมื่อถามว่า แผนที่จะให้โรคโควิด-19 เป็นโรคประจำถิ่น ในวันที่ 1 กรกฎาคม เมื่อดูจากตัวเลขปัจจุบันแล้วจะส่งผลกระทบต่อแผนดังกล่าวหรือไม่ นายอนุทินกล่าวว่า ตัวเลขปัจจุบันเราดูแล้วไม่มีอะไรแตกต่างกันไป ที่ผ่านมา 3-4 เดือน อัตราส่วนต่างๆ เป็นไปตามหลักสากล และยังไม่มีใครประกาศว่าวันที่ 1 กรกฎาคมจะเป็นโรคประจำถิ่น เราวางแผนไว้ว่าทำได้เร็วก็จะทำให้เร็วตามความจำเป็น ของพวกนี้กะเกณฑ์ไม่ได้ แต่ขอไปอย่างหนึ่งว่าขอให้เรามีความพร้อมในทุกๆ ด้าน นี่คือสิ่งที่สำคัญที่สุด เมื่อมีความพร้อมก็จะประกาศให้เป็นหลัก
“แต่ละจังหวัดก็ต้องมีการกำหนดเกณฑ์ขึ้นมาว่าติดเชื้ออย่างไร ตายอย่างไร เวชภัณฑ์เป็นอย่างไร รับการฉีดวัคซีนแล้วกี่เปอร์เซ็นต์ โดยเราจะพยายามอย่างดีที่สุด ช่วงเทศกาลสงกรานต์ที่ผ่านมาบุคลากรด้านการแพทย์และสาธารณสุขไม่ได้กลับบ้าน กลับไม่ได้ เพราะต้องคอยดูแล ซึ่งอธิบดีกรมควบคุมโรครายงานว่าเรื่องของอุบัติเหตุก็ดีกว่าปีก่อน ไม่มีอะไรที่เกินขีดความสามารถของการให้บริการรักษาพยาบาล ต้องขอขอบคุณประชาชนที่ให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี
“ส่วนเรื่องการติดเชื้อโควิด-19 นั้นเป็นธรรมดา เนื่องจากการสัญจรไปมา คนหมู่มากมีความใกล้ชิดกันมากก็เสี่ยงที่จะติดเชื้อได้เพิ่มมากขึ้น แต่หากฉีดวัคซีนแล้วเมื่อเป็นโอมิครอนก็ไม่น่าจะมีผลกระทบเกินความสามารถสาธารณสุขไทย อย่างไรก็ตาม ต้องดูหลังจากนี้ 2 สัปดาห์จึงจะวางใจได้” รมว.สธ.ระบุ
ข่าวจาก : มติชน
- ไม่สามารถใส่ชื่อเว็บไซต์ใด ๆ ก็ตาม ลงในช่องแสดงความคิดเห็น
- ระบบสามารถรับข้อความ ได้สูงสุดเพียง 2,000 ตัวอักษร ต่อหนึ่งครั้ง
- ผู้ดูแลเว็บไซต์ จะลบข้อความที่ไม่เหมาะสม และข้อความโฆษณาสินค้า หรือบริการ