วันที่ 1 มิ.ย.2565 ผศ.ดร.ทวิดา กมลเวชช อดีตคณบดีคณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ซึ่งได้ลาออก มาดำรงตำแหน่งรองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ทำงานภายใต้นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่ากทม. ได้โพสต์เฟซบุ๊กอำลา ใจหาย และบอกเหตุผลของการตัดสินใจออกจากงานอาจารย์ รำลึกช่วงเวลาของการอยู่ในคณะรัฐศาสตร์ มาตั้งแต่เรียนปริญญาตรี มาเข้าสู่วงการการเมือง
โดยเจ้าตัวโพสต์ว่า ใจหายหลัง ทำงานเป็นอาจารย์มาเกือบ 24 ปี ทำงานทุกวันจนคณะเป็นเหมือนอสังหาริมทรัพย์ส่วนตัว มีคำถามจากผู้คนมากมายว่าทำไมถึงตัดสินใจแบบนี้ เอาจริงๆตอนนี้ในใจยังมีส่วนที่ส่งเสียงเบาๆอยู่ ว่ากลับไปคณะเถอะอย่าไปไหนเลย เราพูดเสมอว่าคณะต้องเป็นพื้นที่ปลอดภัยสำหรับนักศึกษาที่จะเรียนรู้และทำผิด เพราะเป็นพื้นที่เดียวที่ผิดได้อย่างปลอดภัย คนเป็นอาจารย์ก็ไม่ต่างกัน
คณะรัฐศาสตร์เป็นคณะที่มีความสุขและน่าอยู่ที่สุดในธรรมศาสตร์ อันนี้รับรองได้จากคนที่เดินจากมา การถกเถียงกันถ้าพูดแบบอาจารย์ชัยวัฒน์ สถาอานันท์ มันช่วยพัฒนาวิธีคิดและการสร้างทางเลือกในการแก้ไข จนถึงการได้มาซึ่งทางออก
พวกเราไม่เคยให้ร้ายกัน เราไม่ทำร้ายจิตใจกัน พูดกันห้วนๆบ้าง อารมณ์เสียบ้าง เดี๋ยวหากาแฟหาขนมกินก็หาย และเวลาที่งานมันทำไม่ได้ขึ้นมาจริงๆ ก็เห็นหยุดบ่นแล้วลงมือช่วยกันทำทุกที
อาจารย์คณะเราแปลกที่สุดในโลกแล้ว ครั้งหนึ่งเคยมีคำเปรียบเปรยว่าพวกเราเป็นจอมยุทธมือกระบี่เดียวดาย พูดง่ายๆคือเก่งแต่ไม่มีค่ายกลไม่มีทีม เราว่าไม่จริง เพียงแต่มันเป็นแบบทีมอเวนเจอร์ คือต่างคนต่างต่อสู้ด้วยวิธีของตนเอง ในการต่อสู้เดียวกัน คือทำให้พื้นที่การศึกษาของคณะเราแข็งแกร่ง มีเสน่ห์ และดูแลนักศึกษาได้อย่างเต็มภาคภูมิ ก็ทำไมจะต้องฝึกเพลงยุทธเดียวกัน ร่ายรำด้วยท่าทางที่คล้ายกันให้คนงง
เวลาขอให้ใครทำอะไร ไม่ได้ง่ายแบบเดินไปตั้งวงบ่นรัฐบาล แต่ไม่ได้ยากที่จะบอกกันว่า “ช่วยกันทำให้เด็กกันนะคะ”
ถ้านับเวลาที่เรียนทั้งตรีและโทที่คณะด้วยอีก 6 ปี เราอยู่ในดินแดนที่ปลอดภัยนี้มา 30 ปีแล้ว เป็นคนที่รักคณะแบบเว่อร์ๆ เสื้อคณะจากกลุ่มกิจไหนก็เอามา ใส่ทุกตัวถ้าหามาได้ ใครจะว่าคณะอะไรยังไง และแม้จะรู้ว่าคณะมีปัญหาและข้อบกพร่องอะไร ก็รู้แหละและพยายามแก้ไข ความรักมันทำให้เรามีเหตุผลกับความไม่ดีงามของมัน ทำให้เรารออย่างอดทนที่จะทำให้ดีขึ้น และไม่ทำให้เราละทิ้งหรือเดินหันหลังให้อย่างง่ายดาย
ที่แห่งนี้ให้การศึกษาเป็นทุนเริ่มต้นในการทำงานในบริษัทข้อมูล จนทำให้ใกล้ชิดกับเทคโนโลยีอันเป็นทุนไปเรียนเอกภัยพิบัติ และก็คณะนี้ที่ให้เปิดสอนวิชานี้ ในยุคที่คนปรามาสว่า “มันไม่เป็นรัฐศาสตร์”
การเป็นคนเสียงดัง เด็ดขาด ทำอะไรเร็ว ทำให้คนคิดว่าเป็นคนเหี้ยมเกรียม ใจแข็ง ฟาดไม่ยั้ง แต่คนที่ทำงานด้วยจะรู้ แกเสียงดังไปงั้นแหละ
ไม่รู้ว่าเพราะเป็นคนโชคดีไหม งานสอนไม่ใช่งานที่อยากทำตั้งแต่แรก แต่พอสอนไปสอนมา เรารักการสอนนะ หรือเพราะต้องสอนมันสิบกว่าวิชาต่อปีไม่รู้ เลยหลงคิดว่าตัวเองชอบ วิจัยก็ชอบ สนุกดีได้ลงพื้นที่ ได้ไปฟังเรื่องของคนอื่น งานบริหารไม่ได้ชอบเลย
วันนี้ไม่ได้เป็นอาจารย์แล้ว ไม่ได้เป็นคณบดีแล้ว เลือกเดินทางอีกเส้นทางหนึ่งไปเป็นคนดูแลเมือง ก็หน้าที่เดิมนั่นเอง จากเคยบ่น เคยฟาด เคยสอน และเคยจับวาง ให้คนอื่นทำหน้าที่นำพาเมืองไปในทิศทางที่จัดวาง วันนี้ลงมือทำเอง คืนนี้จะแอบออกไปตรวจผับบาร์คาราโอเกะ เนื่องจากคนยังไม่รู้จักหน้าและไม่รู้ว่าดูแลงานสาธารณสุขเองกับมือ จะทำได้แค่ไหนยังไม่รู้แต่จะทำ อยากทำ
ใครที่อ่านมาถึงตรงนี้ เราฝากคณะด้วย เรารักคณะมากนะ ดูแลกันดีๆ ช่วยกันทำงานช่วยกันต่อสู้วงการการศึกษา แล้วจะกลับไป รักนะ ทวิดา กมลเวชช แก้ว สิงห์แดง 42
ข่าวจาก : ข่าวสด
- ไม่สามารถใส่ชื่อเว็บไซต์ใด ๆ ก็ตาม ลงในช่องแสดงความคิดเห็น
- ระบบสามารถรับข้อความ ได้สูงสุดเพียง 2,000 ตัวอักษร ต่อหนึ่งครั้ง
- ผู้ดูแลเว็บไซต์ จะลบข้อความที่ไม่เหมาะสม และข้อความโฆษณาสินค้า หรือบริการ