นพ.ธเรศ กรัษนัยรวิวงค์ อธิบดี กรมสนับสนุนบริการสุขภาพ (กรม สบส.) กระทรวงสาธารณสุข เปิดเผยว่า ตามที่ภาครัฐมีนโยบายการพัฒนาประเทศไทยให้เป็นศูนย์กลางสุขภาพนานาชาติ (Medical Hub) แต่ด้วยสถานการณ์การระบาดของโรคโควิด-19 ซึ่งส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจ และการเดินทางของนักท่องเที่ยว ทำให้การดำเนินการตามนโยบายฯ ต้องชะลอตัวลง
ดังนั้น เมื่อประเทศไทยและนานาประเทศ ได้ก้าวพ้นสถานการณ์การระบาดของโรคโควิด-19 แล้ว กระทรวงสาธารณสุข โดยกรม สบส.จึงร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง กำหนดมาตรการในการกระตุ้นเศรษฐกิจ เพื่อสร้างรายได้จากการพัฒนาประเทศไทยให้เป็นศูนย์กลางสุขภาพนานาชาติ
ทั้งนี้ ได้วางเป้าหมายยกระดับประเทศไทย เป็นศูนย์กลางสุขภาพนานาชาติด้านทันตกรรม (Dental Hub) นำบริการทันตกรรมที่มีศักยภาพสูงมาเป็นจุดดึงดูดชาวต่างชาติ
สำหรับโครงการนำร่อง จะเริ่มจากคลินิกทันตกรรมในพื้นที่จังหวัดภูเก็ต เน้นบริการทันตกรรมเพื่อความงาม และกำหนดอัตราค่าบริการเป็นราคาเดียว (One Price Policy)
แต่ละคลินิกสามารถกำหนดอัตราค่าบริการทางทันตกรรมที่แตกต่างกันได้ แต่จะต้องเก็บค่าบริการในอัตราเดียวกันทั้งชาวไทยและต่างชาติ เพื่อดึงดูดให้ชาวไทยและต่างชาติเข้ารับบริการ
พร้อมกันนี้ ยังได้เตรียมพัฒนาแอปพลิเคชัน หรือแพลตฟอร์มกลางที่เชื่อมโยงฐานข้อมูลร่วมกัน ผู้รับบริการสามารถค้นหารายชื่อคลินิกทันตกรรม ชื่อหัตถการ หรือทันตแพทย์ที่เชี่ยวชาญเฉพาะผ่านระบบออนไลน์ มีการพัฒนาศูนย์ล่าม ระบบการเบิกจ่ายค่ารักษา (Claim Center) เป็นต้น
คลินิกทันตกรรมที่จะเข้าร่วมโครงการฯ จะต้องเป็นคลินิกที่ถูกต้องตามกฎหมาย มีใบอนุญาตดำเนินการสถานพยาบาล รวมทั้งมีความพร้อมในองค์ประกอบ ได้แก่
1. ด้านสถานที่ มีโครงสร้างปลอดภัย สะอาด มีการทำความสะอาดอุปกรณ์เสมอ
2. ด้าน COVID Free Setting จัดจุดคัดกรองผู้รับบริการ และมีการปฏิบัติตามมาตรการป้องกันโรคโควิด 19 อย่างเคร่งครัด
3. ด้านการรักษา มีการคัดกรองก่อนให้การรักษา ครอบคลุมข้อมูลทางการแพทย์ เครื่องมือปลอดเชื้อ
4. ด้านผู้ให้บริการ มีบุคลิกภาพและการแต่งกายที่เหมาะสม มีศักยภาพในการสื่อสารภาษาอังกฤษ
5. ด้านข้อมูล/เอกสาร มีเอกสารประกอบการบันทึกหรือสื่อสารกับผู้รับการรักษาเป็นภาษาอังกฤษ มีการทำแผนการรักษาร่วมกับผู้รับการรักษาเป็นลายลักษณ์อักษร
ทั้งนี้ คาดว่าจะเปิดให้คลินิกทันตกรรมที่สนใจสมัครเข้าร่วมโครงการได้ ในช่วงไตรมาสที่ 3-4 ของปี 2565
ข่าวจาก :thebangkokinsigh
- ไม่สามารถใส่ชื่อเว็บไซต์ใด ๆ ก็ตาม ลงในช่องแสดงความคิดเห็น
- ระบบสามารถรับข้อความ ได้สูงสุดเพียง 2,000 ตัวอักษร ต่อหนึ่งครั้ง
- ผู้ดูแลเว็บไซต์ จะลบข้อความที่ไม่เหมาะสม และข้อความโฆษณาสินค้า หรือบริการ