คณะครูแจงราคาอุปกรณ์การเรียน 195 บาท ละเอียดยิบ หลังมีผู้ปกครองโพสต์ตั้งข้อสงสัยบนเพจดัง ยอมรับ โพสต์ดังกล่าว บั่นทอนกำลังใจในการทำงาน
เมื่อวันที่ 14 มิถุนายน จากกรณีผู้ปกครองรายหนึ่ง ได้โพสต์ข้อมูลผ่านเพจชื่อดัง ต้องการให้มีการตรวจสอบและชี้แจงจากโรงเรียนแห่งหนึ่งใน อ.หัวหิน จ.ประจวบคีรีขันธ์ กรณีการจัดสรรอุปกรณ์การเรียนให้กับเด็กนักเรียนเป็นชุด แทนการจ่ายเงินสดให้ผู้ปกครองไปซื้อเอง โดยระบุว่า มีสมุดเหลือจากปีที่แล้ว แต่ทางโรงเรียนก็ให้มาเพิ่ม ปากกาไม่ติด แจกอุปกรณ์ทั้งหมดมาเป็นถุงโดยไม่ได้สอบถามผู้ปกครอง มีการตั้งข้อสงสัยทำไมโรงเรียนอื่นถึงให้ผู้ปกครองซื้อเอง รวมทั้งปีที่แล้วกล่องข้าวที่แจกมาก็มีขนาดเล็กต้องไปซื้อใหม่อีก เป็นการสิ้นเปลือง โดยเฉพาะในช่วงเศรษฐกิจแบบนี้ อยากประหยัด โดยเรื่องราวดังกล่าวถูกแชร์ออกไปจำนวนมาก รวมทั้งมีผู้ใช้เฟซบุ๊กรายอื่นเข้ามาแสดงความคิดเห็นจำนวนมากเช่นกัน
สำหรับความคืบหน้าล่าสุด วันนี้ผู้สื่อข่าวได้เดินทางลงพื้นที่ ซึ่งโรงเรียนดังกล่าว ตั้งอยู่ใน ต.หนองพลับ อ.หัวหิน จ.ประจวบคีรีขันธ์ เป็นโรงเรียนสังกัดประถมศึกษา เปิดสอนระดับอนุบาล ถึงประถมศึกษาปีที่ 6 ปัจจุบันมีนักเรียน จำนวน 143 คน ซึ่งส่วนใหญ่มีภูมิลำเนาอยู่รอบๆ โรงเรียน โดยวันนี้ผู้อำนวยการโรงเรียนเดินทางไปประชุมที่สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาประจวบคีรีขันธ์ เขต 2 อำเภอปราณบุรี ได้มอบหมายให้คณะครูมาชี้แจงข้อเท็จจริงต่างๆ กับผู้สื่อข่าว
ชุดอุปกรณ์การเรียน 195 บาท ประกอบด้วยอะไรบ้าง
ทั้งนี้ คณะครูได้นำถุงอุปกรณ์การเรียนที่จัดชุดแล้ว มาชี้แจง ภายในถุงประกอบด้วย สมุดราคาเล่มละ 10 บาท จำนวน 7 เล่ม, สมุดวาดเขียนเล่มใหญ่ ราคา 20 บาท, ดินสอสีราคา 30 บาท, ไม้บรรทัด 2 อัน ราคา 10 บาท, ปากกา 4 ด้าม ราคา 20 บาท, ดินสอ 2 แท่ง ราคา 10 บาท, กบเหลาดินสอ 2 อัน ราคา 10 บาท, ยางลบ 2 อัน ราคา 10 บาท และปากกาลบคำผิด 1 ด้าม ราคา 15 บาท รวมมูลค่าทั้งสิ้น 195 บาท เต็มตามจำนวนที่รัฐบาลสนับสนุน
โดยทางคณะครูขอชี้แจงเรื่อง ปากกาเขียนไม่ติดว่า ทางโรงเรียนซื้อมาเป็นกล่องใหญ่และจัดชุดให้โดยไม่ได้ลองก่อน อาจจะเป็นไปได้ว่ามีบางด้ามเขียนไม่ติด ประกอบกับ ปากกาเป็นชนิดที่มีจุกพลาสติกเล็กๆ ปิดหัวลูกลื่นกันหมึกแห้งหรือซึมออกมา หากไม่นำจุกออกจะเป็นปัญหาให้เขียนไม่ติด แต่หากกรณีที่ปากกาเขียนไม่ติดจริง นักเรียนสามารถมาแจ้งกับครูได้ ซึ่งทางคณะครูยินดีเปลี่ยนให้ใหม่ทันที ซึ่งไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร ทางโรงเรียนไม่เคยเอาเปรียบเด็กนักเรียน
ส่วน กรณีกล่องข้าว เป็นเรื่องของเทอมที่แล้ว ซึ่งเป็นเทอม 2 ไม่ได้แจกสมุดถึง 7 เล่ม ทำให้มีเงินเหลือ 25 บาท จึงมาจัดซื้อกล่องข้าวให้เด็กนักเรียน ตามจำนวนเงินที่เหลือ เนื่องจากเป็นช่วงโควิด เด็กจะต้องนำกล่องข้าวมาเอง และนำกลับมาล้างเองที่บ้าน บางคนไม่มีกล่องข้าวก็จะไม่สะดวก บางครั้งหกเลอะเทอะ แต่ด้วยจำนวนเงิน 25 บาท จะได้กล่องข้าวที่อาจจะพอดีแค่เด็กระดับประถมต้น สำหรับเด็กโตอาจจะเล็กเกินไป ซึ่งทางโรงเรียนยอมรับความผิดในเรื่องนี้ และพร้อมจะแก้ไขหากผู้ปกครองติดใจในกรณีดังกล่าว
เงื่อนไขการเบิกค่าสนับสนุนอุปกรณ์การเรียนค่อนข้างเยอะ ตัดปัญหาด้วยการจัดเป็นชุดให้
ส่วนกรณีที่ ผู้ปกครองตั้งข้อสงสัยว่า เหตุใดทางโรงเรียนต้องจัดอุปกรณ์การเรียนเป็นชุดให้เด็กนักเรียน แทนที่จะให้เงินผู้ปกครองซื้อเอง
ทั้งนี้ ทางโรงเรียนเห็นว่าด้วยพื้นที่ตั้งของโรงเรียนอยู่ห่างใกล้ตัวเมืองราว 30-40 กิโลเมตร ประกอบกับต้องการให้นักเรียนได้รับความสะดวกเป็นหลัก อยากให้มีอุปกรณ์ที่จำเป็นครบถ้วนพร้อมที่จะเรียนทันที หากผู้ปกครองนำเงินค่าอุปกรณ์การเรียนไปซื้ออุปกรณ์เอง จะต้องนำเอกสารใบสำคัญรับเงินที่มีรายละเอียดครบถ้วน จำนวน 195 บาทมาแสดงเป็นหลักฐานด้วย หากใบสำคัญดังกล่าวข้อมูลไม่ครบถ้วน ก็ไม่สามารถเบิกเงินได้ ซึ่งจะเป็นปัญหากับเด็กนักเรียน หรืออาจจะซื้ออุปกรณ์ได้ไม่ครบ ถึงเวลาเรียนไม่มี ถ้าจะให้ซื้อเพิ่มบางคนก็ไม่มีเงินมา
ทางโรงเรียนจึงตัดปัญหานี้ด้วยการจัดชุดอุปกรณ์ให้ โดยทางโรงเรียนจัดสรรสมุดให้ตามจำนวนวิชาที่เรียนคือ ประมาณ 10 วิชา นักเรียนระดับประถมต้นจะไม่ได้ปากกา แต่จะได้ดินสอจำนวนมากกว่า เป็นต้น ทั้งนี้ การดำเนินการดังกล่าวเป็นการอำนวยความสะดวกให้ทางผู้ปกครองและนักเรียน ซึ่งการจัดซื้อดำเนินการภายใต้รูปแบบสหกรณ์ของโรงเรียนไม่ใช่ครูคนใดคนหนึ่ง
ส่วนกรณีที่มองว่า นักเรียนมีสมุดเหลืออยู่แล้วนั้น เกิดจากบางครั้งนักเรียน ลืมเอาสมุดมาเรียนบางคนก็ซื้อเพิ่มที่โรงเรียน หรือบางคนก็แจ้งกับครูว่า ขอเอาสมุดไปก่อน วันต่อมาจะเอาสมุดที่บ้านมาคืน บางคนก็เอามาคืน บางคนก็ไม่เอามาคืน ทำให้สมุดเหลือที่บ้านเยอะ ดังกล่าว
ดราม่าที่เกิดขึ้น บั่นทอนกำลังใจ ครูยืนยันยินดีชี้แจง-อธิบาย
โดยก่อนหน้านี้ ยังไม่เคยมีผู้ปกครองรายใด มาสอบถามถึงกรณีดังกล่าวแม้แต่รายเดียว กระทั่งมาทราบว่า ผู้ปกครองตั้งข้อสงสัยแต่ไปโพสต์ในสื่อออนไลน์แทนที่จะมาถามครูเพื่อให้ได้คำตอบที่ชัดเจน ซึ่งทางโรงเรียนยินดีตอบข้อซักถาม อธิบายให้ฟังอย่างชัดเจน หรือหากผู้ปกครองเห็นว่าไม่เหมาะสมก็ยินดีปรับแก้ ในเรื่องนี้ก็ทำให้ครูทุกคนต่างก็เสียใจ และบั่นทอนกำลังใจในการทำงาน เนื่องจากที่ผ่านมาครูทุกคนทุ่มเททำงาน เตรียมอุปกรณ์การเรียนการสอน ในช่วงวันหยุดเพื่อให้พร้อมสำหรับการเรียน ครูทุกคนต่างก็ทำเพื่อเด็กๆ ขับรถยนต์ส่วนตัวไปซื้อ ไปขนอุปกรณ์ทั้งหมด วันหยุดก็มาช่วยกันเตรียม
ถ้าผู้ปกครองมาสอบถามก็ยินดี ยืนยันไม่มีปัญหาไปถึงบุตรหลาน ถ้าผู้ปกครองเห็นว่าไม่เหมาะสมก็ยินดีปรับ รวมทั้งก่อนเปิดเทอมก็มีการแจ้งไปแล้วว่าจะมีการแจกอุปกรณ์การเรียน แต่ไม่มีเสียงคัดค้าน ทางโรงเรียนก็เข้าใจดีถึงสภาวะเศรษฐกิจในขณะนี้ พยายามช่วยเหลือนักเรียนอย่างเต็มที่เช่นเดียวกัน
ข่าวจาก : มติชน
- ไม่สามารถใส่ชื่อเว็บไซต์ใด ๆ ก็ตาม ลงในช่องแสดงความคิดเห็น
- ระบบสามารถรับข้อความ ได้สูงสุดเพียง 2,000 ตัวอักษร ต่อหนึ่งครั้ง
- ผู้ดูแลเว็บไซต์ จะลบข้อความที่ไม่เหมาะสม และข้อความโฆษณาสินค้า หรือบริการ