9 พ.ย. 2565 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่องค์การบริหารส่วนจังหวัดศรีสะเกษ อ.เมือง จ.ศรีสะเกษ ได้มีกลุ่มพยาบาลวิชาชีพจำนวน 198 คน จากโรงพยาบาลหลายแห่งในเขตพื้นที่ จ.ศรีสะเกษ นำโดย นายแสวงชัย พยาบาลวิชาชีพชำนาญการ โรงพยาบาลแห่งหนึ่ง นำเอาป้ายเรียกร้องมีข้อความว่า
พยาบาลวิชาชีพจาก รพช. รพท.รพศ.มีความประสงค์จะถ่ายโอนไปที่ รพ.สต.อบจ.โปรดให้เราไป ทำงานต่างจังหวัดขอย้ายมาใกล้บ้านย้ายไม่ได้สักที การถ่ายโอนตามภารกิจครั้งนี้ คือช่องทางได้ดูแลพี่น้องของเรา ข้าราชการถ่ายโอนรอบสองทุกสังกัดของ สธ.ต้องการถ่ายโอนไป อบจ.ตามภารกิจโปรดให้เราไป ทำงานกับใครเราก็คือพยาบาลวิชาชีพ ให้โอกาสเราทำงานที่เรารักและได้อยู่ใกล้ชิด “คนที่เรารัก” ขอร้อง (!) เป็นต้น
จากนั้น ได้ยื่นหนังสือกับนายวิชิต ไตรสรณกุล นายก อบจ.ศรีสะเกษ เพื่อขอให้พิจารณาให้การสนับสนุนพยาบาลวิชาชีพโอนย้ายไปสังกัด อบจ.ศรีสะเกษได้ด้วย
นายแสวงชัย ตำแหน่งพยาบาลวิชาชีพชำนาญการ โรงพยาบาลแห่งหนึ่ง กล่าวว่า พวกตนจำนวน 198 คน มีความต้องการที่จะขอโอนย้ายไปสังกัด อบจ.ศรีสะเกษ เนื่องจากว่าการโอนย้ายไปสังกัด อบจ. ศรีสะเกษ แล้วจะได้ไปทำงานที่ รพ.สต.ที่มีการถ่ายโอนมาก่อนหน้านี้แล้ว เพราะว่าพวกเราจะได้ทำงานดูแลพี่น้องประชาชนในพื้นที่ใกล้ชิดมากยิ่งขึ้นกว่าเดิม
อีกทั้งในการดูแลประชาชนที่เจ็บป่วยนั้น อบจ.ศรีสะเกษ มีความพร้อมในการทุกด้านที่จะให้การดูแลประชาชนได้อย่างรวดเร็วมาก เพราะว่า ทั้งคน เงิน และอุปกรณ์ต่าง ๆ อบจ.มีความพร้อมอย่างเต็มที่ ตนและคณะพยาบาลวิชาชีพทั้ง 198 คน จึงขอวอนให้ผู้มีอำนาจโดยพิจารณาอนุญาตให้พวกตนโอนย้ายไปสังกัด อบจ.ศรีสะเกษได้โดยด่วนด้วย
นายวิชิต ไตรสรณกุล นายก อบจ.ศรีสะเกษ กล่าวว่า ตนก็ยินดีอยู่แล้วหากพยาบาลวิชาชีพจะมาอยู่ในสังกัด อบจ.ศรีสะเกษ ตนเห็นว่ากลุ่มบุคคลเหล่านี้อยู่ที่ไหนก็ทำงานเพื่อพี่น้องประชาชน ไม่ว่าจะอยู่ที่โรงพยาบาล จะอยู่ที่ อบจ. หรืออยู่ที่ รพ.สต. เพราะหน้าที่หลักของเขาเหล่านั้นก็คือดูแลสุขภาพอนามัยของพี่น้องประชาชน ดังนั้นไม่ว่าจะอยู่ที่ใดก็เหมือนกัน
พร้อมบอกว่า กระทรวงแต่ละแห่งต้องมีวิธีแก้ไข ไม่ใช่บอกว่ากำลังคนไม่เพียงพอ คุณไม่ให้พยาบาลเหล่านี้ไป นั่นมันไม่ใช่ เพราะว่าเป็นอนาคตของพยาบาลวิชาชีพทุกคน ต้นสังกัดของพยาบาลวิชาชีพที่ขอถ่ายโอนจะต้องไปหาวิธีที่จะแก้ไข คนจบพยาบาลเยอะแยะ คนที่จบทางนี้อยากไปมีอาชีพเป็นพยาบาลก็เยอะ ไม่ควรที่จะมาเหนี่ยวรั้งพยาบาลวิชาชีพเหล่านี้เอาไว้
คนอยากจะมาอยู่แล้ว คนอยากจะมาแล้วมาดึงไว้มันก็ไม่เกิดประโยชน์ เพราะกำลังใจในการทำงานก็ไม่มี หากเราอยู่ที่ไหนแล้วทำงานสบายใจในการทุ่มเททำงานให้กับพี่น้องประชาชนก็จะสามารถทำได้อย่างเต็มที่ ตนก็เช่นกันหากมีอะไรมากระทบจิตใจก็ไม่อยากจะทำงาน
ตนขอฝากถึงกระทรวงสาธารณสุขให้ช่วยพิจารณา ควรที่จะให้ไปหรือจะมากักขังเขาไว้อย่างนี้ คำว่ากักขังนี้ก็คือกักขังด้านความคิดต่อครั้งจิตใจก็ไม่สมควร แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นก็อยู่ที่นโยบายของรัฐบาล เราผู้น้อยก็ได้แค่พูด
ข่าวจาก : ch3plus
- ไม่สามารถใส่ชื่อเว็บไซต์ใด ๆ ก็ตาม ลงในช่องแสดงความคิดเห็น
- ระบบสามารถรับข้อความ ได้สูงสุดเพียง 2,000 ตัวอักษร ต่อหนึ่งครั้ง
- ผู้ดูแลเว็บไซต์ จะลบข้อความที่ไม่เหมาะสม และข้อความโฆษณาสินค้า หรือบริการ