ภายหลังจากรัฐสภาลงมติโหวต นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล เป็นนายกรัฐมนตรี โดยมี 324 เสียงที่เห็นชอบ และมี ส.ว. เพียง 13 คนเท่านั้นที่เห็นชอบ สร้างความไม่พอใจให้ประชาชนที่สนับสนุนเป็นอย่างมาก จนเกิดกระแสวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนักในโลกออนไลน์
ทั้งนี้ในช่วงก่อนการโหวตนายกฯ เมื่อวันที่ 13 กรกฎาคม 2566 นายรณวริทธิ์ ปริยฉัตรตระกูล ส.ว. เครือข่ายเกษตร ได้โพสต์เฟซบุ๊ก เขียนจดหมายถึงลูก ระบุว่า หากเพื่อนลูกไม่เข้าใจในเหตุผลความเป็นวุฒิสมาชิก และเกิดแบนลูกขึ้นมา ขออย่าได้กังวล เพราะหากคนเหล่านั้นเป็นนักประชาธิปไตย ต้องยอมรับในความเห็นต่างและเคารพในความเป็นเพื่อน ก่อนที่ต่อมาเจ้าตัวจะเลือกโหวต “งดออกเสียง”
โดยโพสต์ดังกล่าวของ ส.ว. รณวริทธิ์ ปริยฉัตรตระกูล ระบุว่า …
“13/07/66 ถึงลูกรักของพ่อ และเพื่อน ๆ ทุกคนของลูก ตามที่ลูกมีความวิตกกังวลในระดับสูงเกี่ยวกับการเลือกนายกรัฐมนตรีที่จะโหวตกันในวันนี้ เพราะหากพ่อไม่เลือกคุณพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ จากพรรคก้าวไกล เป็นนายกรัฐมนตรี ลูกจะโดนต่อต้านและเพื่อน ๆ จะเลิกคบกับลูก บางครั้งถึงอาจต้องมีเรื่องราวต่าง ๆ นานาที่ไม่พึงประสงค์กับลูก ข้อนี้พ่อวิตกกังวลยิ่งนัก เพราะลูกคือแก้วตาดวงใจของพ่อ
ลูกครับ บอกเพื่อน ๆ ของลูก ทั้งในและนอกมหาวิทยาลัยไปเลยว่า พ่อเป็นนักเรียนทุนภูมิพลที่เรียนในระดับปริญญาตรี นับเป็นพระมหากรุณาธิคุณอันหาที่สุดมิได้ เพราะหากไม่มีทุนภูมิพล ในวันนั้นก็จะไม่มีพ่อในวันนี้ และก็จะไม่มีลูกเช่นเดียวกัน และพระมหากรุณาธิคุณอีกมากมายล้นพ้น ที่พระมหากษัตริย์ทรงมีต่อประเทศชาติบ้านเมืองจนสุดที่พอจะบรรยายได้ ครอบครัวของพวกเราเทิดทูนองค์พระมหากษัตริย์ไว้เหนือเกล้า ผู้ใดจะแตะต้องมิได้
ดังนั้น หากคุณพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ จากพรรคก้าวไกล มีนโยบายไม่แตะต้องมาตรา 112 แห่งรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2560 แล้ว พ่อก็ไม่มีข้อรังเกียจในตัวบุคคลและตัวพรรคที่จะไม่เลือกบุคคลดังกล่าวขึ้นมาเป็นนายกรัฐมนตรี แต่หากตราบใดที่บุคคลดังกล่าว พรรคดังกล่าวยังมีแนวนโยบายที่จะล่วงละเมิดองค์พระมหากษัตริย์ โดยการยืนยันว่าจะแก้ไขหรือยกเลิกมาตรา 112 ซึ่งก็เท่ากับเป็นการล่วงละเมิดองค์พระมหากษัตริย์ พ่อไม่สามารถที่จะเลือกเขาเป็นนายกรัฐมนตรีได้
ลูกครับ หากเพื่อนลูกไม่เข้าใจในเหตุผลของครอบครัวเรา ไม่เข้าใจในเหตุผลของความเป็นเรา ความเป็นวุฒิสมาชิกของพ่อ เค้าจะใช้วิธีการบีบบังคับหรือใช้วิธีการรุนแรงใด ๆ ก็แล้วแต่ ก็แสดงว่าเค้าจะบังคับให้เราทำตามที่เขาต้องการ แม้จะต้องล่วงละเมิดองค์พระมหากษัตริย์อันเป็นที่รักยิ่งของครอบครัวเรา แล้วก็จงอย่าได้แยแสและแคร์ที่จะรับเค้าเป็นเพื่อน หากเพื่อน ๆ เข้าใจในความเป็นเราและจงรักภักดีต่อองค์พระมหากษัตริย์และแผ่นดินเกิดแล้วจงนับเค้าเป็นกัลยาณมิตร เกื้อกูลไปจนตลอดชีวิตของลูก จะเป็นสิริมงคลต่อชีวิตยิ่ง
หากเขาเป็นนักประชาธิปไตย เค้าต้องยอมรับในความเห็นต่างและเคารพในความเป็นเพื่อน ถ้าเค้าทำไม่ได้ ก็เท่ากับเค้าเป็นโมฆะมิตร ให้ลูกจงจำไว้และยึดมั่นในองค์พระมหากษัตริย์ของเรา ลูกจะเป็นคนรุ่นใหม่ที่มีคุณภาพและเป็นที่ยอมรับไปทั่ว เพราะความกตัญญูเป็นเครื่องหมายของคนดี พ่อขอให้กำลังใจกับลูกว่า อย่าได้ท้อแท้หรือท้อถอยกับอุปสรรคครั้งนี้ สิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลาย พระสยามเทวาธิราชจงปกป้องคุ้มครองครอบครัวเราให้ร่มเย็นเป็นสุข เราได้ทำดีที่สุดแล้ว พ่อขอยืนยัน”
ข่าวจาก : kapook
- ไม่สามารถใส่ชื่อเว็บไซต์ใด ๆ ก็ตาม ลงในช่องแสดงความคิดเห็น
- ระบบสามารถรับข้อความ ได้สูงสุดเพียง 2,000 ตัวอักษร ต่อหนึ่งครั้ง
- ผู้ดูแลเว็บไซต์ จะลบข้อความที่ไม่เหมาะสม และข้อความโฆษณาสินค้า หรือบริการ