“สุริยะ” เล็งขอทัพอากาศ100เที่ยวบิน หนุนท่องเที่ยวช่วงไฮซีชั่น





7 กันยายน นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เปิดเผยภายหลังรับฟังการทำงานของหน่วยงานในกระทรวงคมนาคม และรัฐวิสาหกิจในสังกัดกระทรวง ว่า การมากระทรวงฯ ในครั้งนี้ ยังไม่ได้มีการมอบนโยบายแก่ข้าราชการ เนื่องจากตามที่รัฐธรรมนูญกำหนดไว้ ต้องรอให้รัฐบาลแถลงนโยบายในภาพรวมให้แล้วเสร็จก่อน ในวันที่ 11-12 กันยายนนี้ หลังจากนั้น จึงจะมีการมอบนโยบายบายและแนวทางการดำเนินงาน แก่ข้าราชการ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอีกครั้งต่อไป

“ครั้งนี้เป็นครั้งแรกที่ได้เข้ามาพบปะกับข้าราชการ และรัฐวิสาหกิจ เป็นการแนะนำว่าหน่วยงานไหนดำเนินงานในส่วนใดบ้าง เพื่อเตรียมตัวนำข้อมูลไปชี้แจ้งในการแถลงนโยบายของรัฐบาล ขณะเดียวกัน ได้มีการหารือกับรัฐมนตรีช่วยทั้ง 2 คน ถึงแนวทางในการทำงานร่วมกันว่าเราจะขับเคลื่อนอย่างไร เพื่อให้กระทรวงคมนาคมเป็นส่วนหนึ่งในการแก้ปัญหาของรัฐบาล ทั้งนี้ ผมเชื่อว่า รัฐมนตรีฯ ทั้ง 2 คน รู้สึกยินดีเป็นอย่างยิ่ง ซึ่งตัวผมเองเคยเป็นภาคเอกชนที่ทำงานในภาคปฏิบัติ ซึ่งกระทรวงคมนาคมเป็นหน่วยงานที่ปฏิบัติจริง และทำให้เกิดผลได้ ดังนั้นการทำงานในครั้งนี้ก็น่าจะสนุกสนานเพิ่มขึ้น วันนี้ตื่นตั้งแต่ตี 5 ดีใจที่จะได้เข้ามาทำงาน นอกจากนี้ ยังได้นำนโยบายที่นายกรัฐมนตรี ย้ำกับรัฐมนตรีทุกคนว่าต้องทำงานแบบไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อยได้เน้นย้ำกับข้าราชการแล้วว่าต้องทำงานอย่างรวดเร็ว” นายสุริยะ กล่าว

นอกจากนี้อีกเรื่องหนึ่งที่รัฐบาลเน้นย้ำคือในเรื่องของการกระตุ้นภาคการท่องเที่ยวในช่วงไฮซีซั่นที่จะถึงนี้ ซึ่งนายกฯ ได้มีการสั่งการกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องไปแล้ว แต่ผมได้มีการกำชับเพิ่มเติม โดยให้สำนักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศไทย (กพท.) หาวิธีจัดสล็อตเพิ่มเติม เพื่อเปิดโอกาสให้นักท่องเที่ยวต่างชาติเข้าไทยเพิ่มขึ้น เบื้องต้นทราบมาว่ากองทัพอากาศ มีตารางการบิน (สล็อต)การบินในช่วงเช้าเหลืออยู่

“เบื้องต้นได้ฝากเรื่องนี้ให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ให้หารือกับกองทัพอากาศ เพื่อขอสล็อตที่ไม่ใช้ไปมอบให้กับ บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) หรือทอท. คาดว่าเบื้องต้นจะได้เพิ่มขึ้นมาประมาณ 100 เที่ยวบิน หรือทำให้มีผู้โดยสารเพิ่มขึ้นมา 10,000 คนต่อวัน ถือเป็นวิธีการแก้ไขปัญหาอย่างเร่งด่วน” นายสุริยะ กล่าว

นายสุริยะ กล่าวต่อว่าส่วนการดำเนินงานในระยะต่อไป คือจะมุ่งเน้นในเรื่องของระบบโลจิสติกส์ ซึ่งเรื่องนี้ไทยมาการขนส่งในรูปแบบโลจิสติกส์สูงมากเมื่อเทียบกับประเทศที่เจริญแล้ว หรือคิดเป็น 15% ของผลิตภัณฑ์มวลรวมของประเทศ (จีดีพี) ขณะที่ ประเทศที่เจริญแล้ว มีการใช้ระบบโลจิสติกส์อยู่เพียง 9% ของจีดีพี เนื่องจากไทยใช้ระบบขนส่งทางบก และทางอากาศเป็นหลัก แต่ใช้ระบบการขนส่งทางน้ำและรางเพียง 2% เพราะฉะนั้น รัฐบาลจึงต้องรีบลงทุนเพิ่มเติม และเร่งรัดโครงการที่ทำอยู่ให้แล้วเสร็จตรงเวลา อาทิ โครงการรถไฟทางคู่ ช่วงขอนแก่น-หนองคาย ซึ่งเส้นทางนี้มีความสำคัญเพราะสามารถขนส่งสินค้าไปยังจีนได้ ซึ่งสิ่งเหล่านี้เป็นเรื่องที่ผมมีความตั้งใจเป็นอย่างมาก

ข่าวจาก : มติชน

เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ๆ
- ไม่สามารถ copy ข้อความจากที่อื่น แล้วนำมา paste ในช่องแสดงความคิดเห็น
- ไม่สามารถใส่ชื่อเว็บไซต์ใด ๆ ก็ตาม ลงในช่องแสดงความคิดเห็น
- ระบบสามารถรับข้อความ ได้สูงสุดเพียง 2,000 ตัวอักษร ต่อหนึ่งครั้ง
- ผู้ดูแลเว็บไซต์ จะลบข้อความที่ไม่เหมาะสม และข้อความโฆษณาสินค้า หรือบริการ
error: