เมื่อเวลา 15.45 น. วันที่ 24 ตุลาคม ที่ทำเนียบรัฐบาล น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ถึงคดีสลายการชุมนุมหน้า สภ.ตากใบ ที่จะหมดอายุความในวันที่ 25 ต.ค.นี้ ว่า คดีดังกล่าวเกิดเมื่อ 20 ปีที่แล้ว ซึ่งตนที่รู้สึกเสียใจกับเหตุการณ์ดังกล่าวและขอโทษในนามของรัฐบาล จากนี้จะพยายามทำงานให้ดีไม่ให้เกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้นอีก ส่วนผู้ที่ได้รับผลกระทบ รัฐบาลที่ผ่านมาทั้งรัฐบาลนายทักษิณ ชินวัตร รัฐบาล พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ และรัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ได้ออกมาแสดงความเสียใจและขอโทษและได้ชดเชยเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบไปแล้ว
น.ส.แพทองธารกล่าวว่า รัฐบาลไม่ได้นิ่งนอนใจ นับตั้งแต่วันที่ 1 ต.ค.ที่ผ่านมาได้เร่งรัดในกระบวนการต่างๆ รวมถึงได้หารือกับคณะที่ปรึกษาว่าจะทำอย่างไรกับเรื่องนี้ได้บ้าง ทำได้หรือไม่และทำอะไรบ้าง โดยได้ส่งไปสอบถามความเห็นจากคณะกรรมการกฤษฎีกา ถึงขั้นตอนทางกฎหมายว่าสามารถทำอะไรได้บ้าง รวมถึงการ
ออก พ.ร.ก.เพื่อขยายอายุความ ซึ่งคณะกรรมการกฤษฎีกาตอบกลับมาว่า ไม่เข้าหลักเกณฑ์และเงื่อนไขในการออก พ.ร.ก. ตามมาตรา 172 และ 174 ที่จะขยายอายุความ เฉพาะคดี หรือตรากฎหมายขึ้นเพื่อเป็นการบังคับใช้โดยไม่ได้มุ่งขยายอายุความในคดีลักษณะเดียวกันเป็นการทั่วไปจึงไม่สอดคล้องกับมาตรา 26 วรรคสอง และยังอาจเป็นการเลือกปฏิบัติโดยไม่เป็นธรรมกับบุคคล จึงไม่เข้าหลักเกณฑ์ออก พ.ร.ก.ตามรัฐธรรมนูญและหลักกฏหมายอาญาสากล
“ขอให้ทุกคนตระหนักถึงความรุนแรงดังกล่าว และไม่อยากให้เกิดขึ้นอีก อยากให้เกิดความสงบสุข ไม่อยากให้ทุกฝ่ายขัดแย้งซึ่งกันและกัน และอย่าโยงคดีรุนแรงกับการเมือง”
ผู้สื่อข่าวถามว่า รัฐบาลเตรียมรับมือหลังจากคดีหมดอายุความอย่างไร เนื่องจากเวลานี้เริ่มมีเหตุความรุนแรงในพื้นที่ภาคใต้เกิดขึ้นต่อเนื่อง น.ส.แพทองธารกล่าวว่า ขอย้ำว่ารัฐบาลไม่ได้นิ่งนอนใจ ขณะที่หน่วยงานความมั่นคง ตำรวจทำงานเต็มที่ในการติดตามตัวบุคคลและเรื่องที่เกี่ยวกับคดี ส่วนความรุนแรงที่เกิดขึ้นที่ จ.ปัตตานี ทางตำรวจและหน่วยงานความมั่นคง รายงานว่าไม่มีผู้เสียชีวิตหรือบาดเจ็บจึงไม่อยากให้โยงเห็นความรุนแรงกับเรื่องการเมือง
เมื่อถามว่าต้องคุมเข้มเรื่องความปลอดภัยในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้มากขึ้นหรือไม่ นายกฯ กล่าวว่า ความปลอดภัยของทุกคนในประเทศมีความสำคัญทุกฝ่ายดูแลเรื่องนี้อย่างเต็มที่ เมื่อถามย้ำว่าหากคดีหมดอายุความไปแล้วอาจทำให้ความไว้วางใจต่อรัฐบาลหมดไป นายกฯ จะสื่อสารเรื่องนี้กับประชาชนอย่างไร น.ส.แพทองธารกล่าวว่า ขอย้ำว่ารู้สึกเสียใจและเชื่อว่า นายกฯที่ผ่านมา ทุกคนก็เสียใจเช่นเดียวกันเพราะเป็นคนไทยเหมือนกันและได้เยียวยาทุกอย่างเพื่อแสดงความรับผิดชอบในส่วนที่ทำได้ และเมื่อตนเป็นนายกฯก็จะทำหน้าที่ตรงนี้ให้ดีที่สุดเพื่อไม่ให้เกิดความรุนแรงขึ้นอีก และขอให้ทุกคนช่วยกันเพราะไม่ใช่เรื่องของใครคนใดคนหนึ่งหรือฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งเพราะจะเกิดความสามัคคีได้ต้องอาศัยความร่วมมือจากทุกฝ่าย และรัฐบาลจะทำเต็มที่ขอให้ประชาชนไว้ใจ ทำให้ประชาชนสบายใจและบ้านเมืองสงบสุข
เมื่อถามว่าคดีเกิดดังกล่าวเกิดสมัยนายทักษิณ เป็นนายกฯ ในฐานะลูกสาวที่มาเป็นนายกฯ กังวลในเรื่องนี้หรือไม่ น.ส.แพทองธารกล่าวว่า รัฐบาลที่ผ่านมาได้รับผิดชอบแล้วและพูดคุยกับหลายฝ่ายจนมาถึงสมัยนี้จนจะทำหน้าที่ให้ดีที่สุดในทุกพื้นที่ของประเทศไทย อย่างสุดความสามารถ ถ้าตรงไหนมีประเด็นอะไรก็ดูแลเป็นรายพื้นที่ไปและเรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องส่วนตัวแต่เป็นเรื่องประเทศชาติ ในการดูแลทุกคนไม่ว่าจะหัวข้ออะไรก็ต้องดูแลในทุกเรื่อง
เมื่อถามว่ากลุ่มผู้ที่ได้รับผลกระทบอาจพิจารณาในการไปฟ้องศาลโลกเพื่อเรียกร้องความยุติธรรมรัฐบาลมีความเห็นอย่างไร น.ส.แพทองธารกล่าวว่า คดี 20 ปีที่ผ่านมาจนมาถึงครั้งนี้ฟ้องร้องขึ้นมาอีกก็หลายประเด็นและหลายองค์ประกอบเกิดขึ้นคิดว่าศาลได้พิจารณาตัดสินไปก่อนหน้านี้แล้ว
เมื่อถามว่ากรรมาธิการในสภามีความเห็นว่าหลังคดีหมดอายุความรัฐบาลอาจต้องเยียวยาผู้เสียหายในคดีนี้เพิ่ม นายกฯ กล่าวว่า ต้องพิจารณาเพราะต้องดูว่าเรื่อง 20 ปีที่แล้วจบแบบใดและมีการเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบบาดเจ็บและเสียชีวิตไปแล้วและยังมีอะไรที่สามารถพูดคุยเพิ่มเติมได้ แล้วถ้ามีโอกาสก็จะลงไปในพื้นที่ภาคใต้รวมถึงทุกพื้นที่ในประเทศไทยโดยต้องดูเวลาที่เหมาะสมและสถานที่จะไปที่ใดก่อนหลัง
เมื่อถามถึงมาตรการที่จะมีต่อ พล.อ.พิศาล วัฒนวงษ์คีรี อดีต ส.ส.พรรคเพื่อไทย หากเดินทางกลับมาประเทศไทยหลังคดีหมดอายุความ ได้วางแผนเรื่องนี้ไว้อย่างไรเพื่อลดอุณหภูมิ นายกฯ กล่าวว่า คงต้องพูดคุยกัน อย่างที่เห็นว่าขณะนี้ พล.อ.พิศาลได้ลาออกจากพรรคเพื่อไทยแล้ว และเท่าที่สอบถามยังไม่มีใครได้พูดคุยกับ พล.อ.พิศาลเลย เดี๋ยวรอดูว่าจะยังไง แต่แน่นอนว่าประเด็นที่สำคัญ มันไม่อยากให้เกิดเรื่องอยู่แล้ว เพราะฉะนั้นอะไรที่สามารถเจรจาพูดคุยได้ก็ต้องทำอยู่เเล้ว ไม่มีทางที่จะกลับมาว่ากัน ต้องมีการไปข้างหน้าอยู่แล้ว หรือพยายามทำให้ย่อปัญหาลง
เมื่อถามว่าเหลือเวลาอีกแค่ 1 วัน ที่คดีตากใบจะหมดอายุความ พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รมว.ยุติธรรม เคยระบุว่า ต้องรอปาฏิหาริย์ถึงจะนำตัวผู้ต้องหาคดีตากใบกลับมาดำเนินคดีได้ ในฐานะรัฐบาลคิดว่าจะมีปาฏิหาริย์นั้นหรือไม่ น.ส.แพทองธารกล่าวว่า เราทำทุกอย่างเต็มที่ เต็มความสามารถ ซึ่งจังหวะนี้นายกรัฐมนตรีได้พูดย้ำคำว่า “ปาฏิหาริย์หรอ” ก่อนจะหัวเราะในลำคอและกล่าวว่า ต้องใช้เรื่องจริงค่ะ ก่อนจะกล่าวขอบคุณสื่อมวลชนและเดินกลับขึ้นตึกไทยคู่ฟ้าทันที
ข่าวจาก มติชนออนไลน์, Today
- ไม่สามารถใส่ชื่อเว็บไซต์ใด ๆ ก็ตาม ลงในช่องแสดงความคิดเห็น
- ระบบสามารถรับข้อความ ได้สูงสุดเพียง 2,000 ตัวอักษร ต่อหนึ่งครั้ง
- ผู้ดูแลเว็บไซต์ จะลบข้อความที่ไม่เหมาะสม และข้อความโฆษณาสินค้า หรือบริการ