มดลูกเป็นอวัยวะที่ร่วมทุกข์ร่วมสุขกับผู้หญิงตั้งแต่เกิดจนตาย ด้วยภาระอันหนักอึ้งที่มดลูกต้องแบกรับไว้ทุกช่วงวัย ทำให้ผู้หญิงเรามักต้องเผชิญหน้ากับปัญหามดลูกอยู่เรื่อยๆ ว่ากันว่าครั้งหนึ่งในชีวิตต้องเคยเจอปัญหามดลูกเกเรกันบ้าง ไม่มากก็น้อย ตั้งแต่ปัญหาเล็กๆ อย่างประจำเดือนมาไม่ปกติ ไปจนถึงเรื่องใหญ่โตอย่างมะเร็งมดลูก ดังนั้นหากดูแลสุขภาพไม่เต็มที่ มดลูกอาจต้องป่วยได้ในที่สุด ก่อนจะสายเกินแก้ เรามาดูแลมดลูกให้แข็งแรงเสียแต่วันนี้ด้วยวิธีธรรมชาติที่นำมาฝากดังต่อไปนี้ค่ะ
ภาพประกอบจาก : health.mthai.com
1. กินปรับฮอร์โมนเพศ
มดลูกถูกควบคุมโดยฮอร์โมนจากรังไข่ซึ่งอยู่บริเวณปีกมดลูก โดยปกติรังไข่จะสร้างฮอร์โมนเพศ 3 ชนิด คือ แอนโดรเจน (Androgen) เอสโตรเจน (Estrogen) และโปรเจสเตอโรน (Progesterone) การมีสุขภาพมดลูกและระดับฮอร์โมนที่จึงย่อมส่งผลดีต่อกัน
อาหารมีบทบาทในการสร้างฮอร์โมน ซึ่งนั่นหมายถึงอาหารมีบทบาทสำคัญต่อสุขภาพมดลูกด้วย ในทางกลับกันหากกินผิดๆ ก็จะทำให้เรามีปัญหาเกี่ยวกับฮอร์โมนและมดลูกได้เช่นเดียวกัน
อาจารย์สาทิส อินทรกำแหง กูรูต้นตำรับชีวจิตแนะแนวทางแก้ไขปัญหาฮอร์โมนด้วยอาหารการกินเอาไว้ว่า
“ในคนที่มีปัญหาเรื่องฮอร์โมน จะต้องปรับอาหารกลุ่มโปรตีน เพราะอาหารกลุ่มโปรตีนจะเกี่ยวกับฮอร์โมน คนที่ต้องการปรับเรื่องออร์โมน แนะนำให้กินโปรตีนจากเนื้อสัตว์มากกว่าพืช เน้นอาหารทะเลจำพวกปลาเป็นหลัก เพราะปลานอกจากจะมีโปรตีนดีแล้วยังมีแร่ธาตุที่ดีด้วย ในปลาทะเลมีแร่ธาตุที่มนุษย์ต้องการอยู่ครบ”
นายแพทย์แอนดรูว์ ไวล์ กล่าวไว้ว่า อาหารที่เป็นศัตรูของฮอร์โมน คือ
“อาหารที่มีฮอร์โมนจะเพิ่มภาวะแบกรับฮอร์โมนให้แก่เซลล์ในเต้านม รังไข่ และมดลูก”
จากการศึกษาของ Mayo Clinic ประเทศสหรัฐอเมริกา พบว่า เพียงฮอร์โมนเอสโตรเจนในร่างกายของผู้หญิงเราไม่สามารถทำให้เกิดเนื้องอกในมดลูก (fibroid) ได้ แต่เมื่อร่างกายได้รับซีโนเอสโตรเจน (xenoestrogen) ซึ่งเป็นฮอร์โมนในกระบวนการการผลิตอาหารและยาฆ่าแมลงเข้าไปด้วย จะกระตุ้นให้เกิดเนื้องอกขึ้นได้
อาหารที่ทำให้ฮอร์โมนไม่สมดุลจนอาจทำให้มดลูกเข้าข่ายสุ่มเสี่ยงป่วยได้เหล่านั้น คือ เนื้อสัตว์ ที่เลี้ยงกันในฟาร์มขนาดใหญ่ ซึ่งใช้ฮอร์โมนมากมายมหาศาล ตลอดจนผลิตภัณฑ์ที่ได้จากสัตว์เหล่านั้น
แพทย์หญิง อียู มยองโฮ (Leeyu Myungho) สูตินารีแพทย์ชาวเกาหลี ได้แนะนำอาหารเพื่อสุขภาพมดลูกไว้ในหนังสือ รู้ลึกเรื่องลับ สุขภาพผู้หญิงๆ ว่าเพื่อสุขภาพมดลูกที่ดี คุณผู้หญิงควรงดเนื้อสัตว์ใหญ่ อาหารประเภทที่มีรสหวาน ช็อกโกแลต น้ำอัดลม และของทอด รวมทั้งไขมันสัตว์ และอาหารไขมันสูงซึ่งเป็นอาหารที่กระตุ้นการเจริญเติบโตของเนื้องอกและซีสต์ในมดลูกและรังไข่
กินพืชผักที่ช่วยให้ความอบอุ่น เช่น หอมหัวใหญ่ บ๊วย ผลไม้ที่มีสีแดง เช่น มะเขือเทศ พุทราแดง ส้ม ทับทิม และที่ขาดไม่ได้คือ ธัญพืชต่างๆ คุณหมออียูยังแนะนำให้กินผัก เช่น คะน้า และผักกาด ทุกวัน เพื่อปรับฮอร์โมนเอสโตรเจนให้สมดุลซึ่งจะช่วยยับยั้งการเจริญของเนื้องอก
แพทย์หญิงดวงรัตน์ เชี่ยวชาญวิทย์ โรงพยาบาลบางกระทุ่ม อธิบายถึงพืชที่มีสารไฟโตเอสโตรเจน (Phytoestrogen) ซึ่งมีคุณสมบัติเหมือนเอสโตรเจนว่า สามารถกินพืชกลุ่มนี้ทดแทนฮอร์โมนในหญิงวัยหมดประจำเดือน ช่วยลดอาการวัยทอง ลดปัญหามดลูกในช่วงวัยดังกล่าวได้
เมื่อศึกษาคุณสมบัติต่อการลดความเสี่ยงหรือป้องกันการเกิดมะเร็งที่สัมพันธ์กับฮอร์โมน (hormone-associated cancers) โดยเฉพาะมะเร็งมดลูก มะเร็งรังไข่ พบว่าอาหารที่มีสารไฟโตเอสโตรเจนช่วยปรับสมดุลร่างกาย ได้แก่ น้ำเต้าหู้ นมถั่วเหลือง เต้าหู้ก้อน โยเกิร์ตเต้าหู้ ผลิตภัณฑ์จากถั่วเหลือง ถั่วเขียว ถั่วดำ น้ำมะพร้าวอ่อน กระเทียม พริกไทย กระชาย กะเพรา สะระแหน่ โหระพา สับปะรด มะละกอ กะหล่ำดอก หัวผักกาดแดง มะนาว มะกรูด บัวบก ขมิ้น อินทผลัม แครอต และน้ำมันจากเมล็ดทานตะวัน
เราทราบวิธีดูแลมดลูกไปหนึ่งวิธีแล้ว ยังเหลืออีก 4 วิธีค่ะ ติดตามอ่านต่อได้ที่ คอลัมน์ “เรื่องพิเศษ” นิตยสารชีวจิต ฉบับ 338 (1 พฤศจิกายน 2555)
ข้อมูลจาก : ชีวจิต.คอม
- ไม่สามารถใส่ชื่อเว็บไซต์ใด ๆ ก็ตาม ลงในช่องแสดงความคิดเห็น
- ระบบสามารถรับข้อความ ได้สูงสุดเพียง 2,000 ตัวอักษร ต่อหนึ่งครั้ง
- ผู้ดูแลเว็บไซต์ จะลบข้อความที่ไม่เหมาะสม และข้อความโฆษณาสินค้า หรือบริการ