“วิษณุ”ยัน”พล.อ.เปรม”ผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ พ้นหน้าที่กลับนั่งประธานองคมนตรีเหมือนเดิม มีอำนาจลงนาม รธน.ฉบับใหม่ เผยหน้าที่ประธาน สนช.”อัญเชิญขึ้นครองราชย์” รับสั่ง”สมเด็จพระบรมฯ”เผยพระราโชบายสร้างพระเมรุ บำเพ็ญพระราชกุศล
วิษณุเผยพระราโชบายสร้างพระเมรุ
เมื่อเวลา 11.30 น. วันที่ 15 ตุลาคม ที่ทำเนียบรัฐบาล นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงขั้นตอนพระราชพิธีราชาภิเษกว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ได้กราบบังคมทูลถามสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร ว่าการพระบรมศพจะใช้เวลานานเท่าไหร่ เพราะเกี่ยวกับการสร้างพระเมรุ จะต้องใช้เวลาสักระยะในการดำเนินการตามธรรมเนียมราชประเพณีการถวายพระเพลิง และโดยปกติจะไม่ทำกันในหน้าฝน
“จากการเทียบกับโบราณประเพณีในอดีต ท่านมีพระราชบัณฑูรว่า เรื่องหน้าฝนอะไรนั้นก็เรื่องหนึ่ง เป็นเรื่องของช่างไปว่ากันเอง แต่น่าจะมีการบำเพ็ญพระราชกุศล กว่าจะถึงเวลาออกพระเมรุก็คงใช้เวลาประมาณ 1 ปีเป็นอย่างน้อย ตรงนี้ถือเป็นพระราโชบายที่รัฐบาลต้องทราบ เพื่อจะได้มาดำเนินการถูก ถ้าเร็วงานสร้างพระเมรุก็ต้องเร็ว” นายวิษณุกล่าว
บำเพ็ญพระราชกุศลอย่างน้อย 1 ปี
นายวิษณุกล่าวว่า เมื่อไปเทียบกับคราวพระเมรุสมเด็จพระนางเจ้ารำไพพรรณี ปี 2527-2528 หรือเทียบกับงานพระเมรุสมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนีในปี 2538-2539 เทียบกับงานพระเมรุสมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์ เมื่อประมาณปี 2551-2552 และงานสุดท้ายพระเมรุสมเด็จพระเจ้าภคินีเธอ เจ้าฟ้าเพชรรัตนราชสุดา สิริโสภาพัณณวดี ปี 2554 นั้น หลังจากสวรรคตหรือสิ้นพระชนม์แล้ว การพระราชทานเพลิงพระบรมศพหรือพระศพนั้น จะเกิดขึ้นช้าหรือเร็วต่างกัน 5-6 เดือน 8-9 เดือนบ้าง
“อันนี้จำเป็นต้องขอรับพระราโชบาย ซึ่งได้พระราชทานพระราโชบายแล้วว่าน่าจะเป็นระยะเวลาที่ประชาชนชาวไทยจะต้องอาลัย ไม่ใช่เรื่องที่ต้องมาบอกกันว่าจะถวายพระเพลิงช้าหรือเร็วอย่างไร เอาเป็นว่าจะอยู่ในระหว่างการบำเพ็ญพระราชกุศลอย่างนี้ ไปเป็นอย่างน้อย 1 ปี ซึ่งจริงๆ เท่ากับเวลาที่รัฐบาลได้ประกาศให้ประชาชนไว้ทุกข์ แล้วอย่างอื่นเป็นเรื่องค่อยมาพูดกัน อย่างเช่นการกำหนดถวายพระเพลิงที่แน่ชัด การบรมราชาภิเษกที่จะเกิดขึ้น และอะไรต่ออะไรที่จะต้องตามมาหลังจากนั้น” นายวิษณุกล่าว ชี้ครองราชย์ต่างบรมราชาภิเษก
“ขอย้ำอีกครั้งการเชิญขึ้นครองราชย์กับการบรมราชาภิเษกคนละเรื่องกัน การเชิญขึ้นครองราชย์คือการสืบราชสันตติวงศ์ แต่บรมราชาภิเษกเป็นเรื่องของพระราชพิธี พูดง่ายๆ แบบฝรั่งคือการสวมมงกุฎ ในต่างประเทศก็ทิ้งเวลาเหมือนกันอย่างเจ้าชายจิกมี แห่งราชอาณาจักรภูฏานขึ้นรับราชสมบัติต่อจากพ่อ 1 ปี แล้วท่านขึ้นเป็นพระมหากษัตริย์ทันที แต่ท่านยังไม่สวมมงกุฎ เพราะโหรประเทศท่านคำนวณพระฤกษ์แล้ว ไม่มีศุภวาระดิถีมงคลในปีนั้น ก็ต้องทิ้งไป 1-2 ปี จึงจะไปถึงเวลาพระบรมราชาภิเษก” นายวิษณุกล่าว และว่าประเทศอื่นๆ ไม่ว่าจะเป็นอังกฤษหรือญี่ปุ่นที่เป็นราชอาณาจักรที่มีสมเด็จพระราชาธิบดีใช้หลักทำนองเดียวกัน เพียงแต่ช้าหรือเร็วต่างกัน สำหรับหลักการสร้างพระเมรุจะต้องเตรียมสถานที่ ต้องมีไม้ เตรียมราชรถ ทุกสิ่งทุกอย่างต้องใช้เวลา ถ้าจะให้ตอบต้องตอบว่าประมาณ 1 ปี ตามพระราโชบาย
ผู้สื่อข่าวถามว่าจะมีการโยงหมายกำหนดการระหว่างถวายพระเพลิงกับการขึ้นบรมราชาภิเษก นายวิษณุกล่าวว่า ไม่โยง ไม่เกี่ยว ขอให้เอากรณีของรัชกาลที่ 9 เป็นตัวอย่าง ท่านขึ้นเป็นสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ลงพระปรมาภิไธยในทุกอย่างได้เบ็ดเสร็จในวันที่รัชกาลที่ 8 สวรรคต พอสามทุ่มท่านก็เป็นพระมหากษัตริย์ วันนั้นก็นับเป็นวันที่ 1 ปีที่ 1 ของรัชกาล แต่ต้องเรียกท่านว่าสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ไม่ให้เรียกว่าพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ท่านเป็นพระมหากษัตริย์ แล้วท่านก็กลับไปเรียนต่อ ผ่านไป 4 ปี ท่านศึกษาจบและเสด็จกลับประเทศไทย จึงมีการถวายพระเพลิง
“จากนั้นตามด้วยการมีพิธีบรมราชาภิเษก ในวันที่ 5 พฤษภาคม 2493 หรือที่เรียกว่าวันฉัตรมงคล และถือเป็นพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวตั้งแต่บัดนั้น ความเป็นจริงเราบอกว่าทรงครองราชย์ 70 ปี เราไม่เคยนับจากวันที่ 5 พฤษภาคม 2493 แต่เรานับจากวันที่ 1 ปีที่ 1 ซึ่งก็คือ 9 มิถุนายน 2489 เพราะฉะนั้น ในกรณีของสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวพระองค์ใหม่ก็จะเกิดตามหลักเดียวกัน” นายวิษณุกล่าว
ย้ำ‘ป๋าเปรม’ผู้สำเร็จราชการฯ
นายวิษณุกล่าวอีกว่า ขณะนี้ พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ เป็นทั้งประธานองคมนตรีและผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์เป็นการชั่วคราว และรัฐธรรมนูญกำหนดว่าจะปฏิบัติหน้าที่ในฐานะประธานองคมนตรีไม่ได้ ซึ่งต้องทำหน้าที่ผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ ด้วยเหตุนี้ในรัฐธรรมนูญมาตรา 25 กำหนดไว้ว่าให้คณะองคมนตรี ประชุมปรึกษาเลือกองคมนตรี 1 คน ขึ้นเป็นประธานองคมนตรี เพราะมีภารกิจที่จะต้องทำ เช่น มีเหตุเภทภัยเกิดขึ้น เมื่อผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ พ้นจากหน้าที่จะมาเป็นประธานองคมนตรีเหมือนเดิม โดยที่ไม่ต้องมีพระบรมราชโองการ ทุกอย่างเป็นไปโดยกฎหมายที่กำหนดไว้
“ทั้งนี้ ผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์มีอำนาจลงนามในรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ เพราะรัฐธรรมนูญในอดีตเคยลงนามโดยผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ เช่น นายปรีดี พนมยงค์ เจ้าพระยายมราช พระองค์เจ้าอาทิตย์ทิพอาภา และกฎหมายต่างๆ การแต่งตั้งข้าราชการ ผู้สำเร็จราชการสามารถลงนามได้” นายวิษณุกล่าว
ชี้ ปธ.สนช.อัญเชิญขึ้นครองราชย์
นายวิษณุกล่าวถึงกรณีข่าวลือว่าผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์มีอำนาจเสนอชื่อพระมหากษัตริย์ว่า ไม่จริง เพราะเป็นเรื่องคณะรัฐมนตรีจะต้องแจ้งไปยังประธานรัฐสภา หรือประธานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) จากนั้นจะมีการประชุม สนช. เพื่อมีมติรับทราบ จากนั้นประธาน สนช.จะเข้าเฝ้าเพื่ออัญเชิญขึ้นครองราชย์ จากนั้นจะประกาศให้ประชาชนชาวไทยรับทราบ บัดนั้นประเทศไทยจะมีสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวโดยสมบูรณ์ และราชสมบัติจะไม่มีวันขาดตอนลง หมายความว่ารัชสมัยแห่งรัชกาลใหม่เริ่มต้นขึ้นตั้งแต่วันที่ 13 ตุลาคม 2559 เป็นต้นไป
“เรื่องนี้ใช้ทั้งรัฐธรรมนูญและกฎมนเทียรบาล รวมทั้งโบราณราชนิติประเพณี เพราะบางเรื่องรัฐธรรมนูญไม่มีคำตอบ เช่น รัชทายาทมาจากไหน เป็นใคร แต่เมื่อตั้งรัชทายาท รัชทายาทจะมีสิทธิตามรัฐธรรมนูญ ส่วนขั้นตอนการดำเนินการจะใช้โบราณราชประเพณี” นายวิษณุกล่าว
ปีติต่อรับสั่ง‘สมเด็จพระบรมฯ’
นายวิษณุกล่าวว่า องค์รัชทายาทไม่สามารถลงนามในรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ได้ เพราะองค์รัชทายาทเป็นที่ 2 รองจากพระเจ้าอยู่หัว และไม่มีอำนาจใดๆ ยกเว้นในส่วนพระราชพิธีอย่างที่เห็นในพิธีพระบรมศพ สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร จะทรงบัญชาการในส่วนนี้ และทรงเอาพระทัยใส่อย่างมาก
ทั้งนี้ นายวิษณุกล่าวช่วงท้ายด้วยน้ำตาคลอเบ้าแล้วร่ำไห้ว่า สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร รับสั่งกับนายกรัฐมนตรีว่า ขอให้ทุกอย่างในช่วงนี้ อย่างน้อยก็ช่วงนี้ให้อยู่เป็นปกติเหมือนกับพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวในพระบรมโกศยังทรงสถิตอยู่ อย่าให้เกิดความรู้สึกว่าแผ่นดินว่างเปล่าและทุกอย่างอย่าเพิ่งให้เป็นอดีตเร็วนัก เก็บไว้ให้เป็นปัจจุบันเพราะฉะนั้นเรื่องอย่างนี้เราเป็นลูก เราเป็นหลาน เราเป็นญาติ เราคงเคยทำอย่างนี้กับพ่อเรา แม่เรา คู่สมรส คนรักของเราที่ตาย เราอาจจะเห็นว่าบางครั้ง เรากินข้าวเรายังตั้งเก้าอี้ไว้และบอกแม่พ่อ
สนช.งดสัมมนา-กรธ.ถกกม.ลูก
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ฝ่ายประชาสัมพันธ์ของสำนักงานเลขาธิการวุฒิสภา ปฏิบัติหน้าที่เลขาธิการสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) เปิดเผยว่า ระหว่างนี้ สนช.จะยังไม่มีการประชุม ตามที่นายพรเพชร วิชิตชลชัย ประธาน สนช.แจ้งต่อสมาชิก สนช. ในการประชุมวาระพิเศษ เมื่อวันที่ 13 ตุลาคม เวลา 21.30 น.ที่ผ่านมา พร้อมทั้งแจ้งงดกิจกรรมการสัมมนา สนช. ระหว่างวันที่ 23-25 ตุลาคม แต่ในส่วนของคณะกรรมาธิการ (กมธ.) ชุดต่างๆ จะยังคงประชุมตามปกติ เช่นเดียวกับสภาขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ (สปท.) จะเลื่อนออกไปจนกว่าจะถึงเวลาที่เหมาะสม ตามที่ ร.อ.ทินพันธุ์ นาคะตะ ประธาน สปท. แจ้งให้สมาชิก สปท.รับทราบ
นายชาติชาย ณ เชียงใหม่ คณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ (กรธ.) กล่าวว่า การประชุมของ กรธ.ในสัปดาห์หน้าน่าจะยังมีตามปกติ ระหว่างนี้ กรธ.ก็จะทำหน้าที่ โดยเฉพาะการประชุมพิจารณาจัดทำร่างกฎหมายลูกเพื่อเสนอ สนช.ต่อไป ส่วนตัวเชื่อว่าโรดแมปจะยังคงเหมือนเดิมไม่น่ามีการขยับอะไร
ข่าวจาก : matichon.co.th
- ไม่สามารถใส่ชื่อเว็บไซต์ใด ๆ ก็ตาม ลงในช่องแสดงความคิดเห็น
- ระบบสามารถรับข้อความ ได้สูงสุดเพียง 2,000 ตัวอักษร ต่อหนึ่งครั้ง
- ผู้ดูแลเว็บไซต์ จะลบข้อความที่ไม่เหมาะสม และข้อความโฆษณาสินค้า หรือบริการ