นายวิสุทธิ์ ศรีสุพรรณ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า กระทรวงการคลังกำลังพิจารณาถึงแนวทางให้แรงจูงใจ เพื่อสนับสนุนให้คนไทยมีลูกมากขึ้น ขณะนี้สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง(สศค.) กำลังศึกษามาตรการที่เป็นไปได้ และให้มีความเหมาะสมกับฐานการคลัง เช่น มาตรการด้านภาษี
นายวิสุทธิ์ กล่าวว่า ประเทศไทยกลายเป็นตัวอย่างของธนาคารโลก(เวิร์ลด์แบงก์) และกองทุนการเงินระหว่างประเทศ(ไอเอ็มเอฟ) เรื่องของควบคุมการเกิด ทำให้จำนวนเด็กเกิดใหม่ในประเทศไทยลดลงอย่างเนื่องจนกระทั่งประเทศขาดแคลนแรงงาน ต้องนำแรงงานจากประเทศเพื่อนบ้านเข้ามาทำงานในประเทศไทย สภาวะดังกล่าว จะส่งผลต่อเศรษฐกิจมหภาคในอนาคตของประเทศไทยหากไม่ได้รับการแก้ไข
นายวิสุทธิ์ กล่าวว่า ในอดีตรัฐบาลเคยให้ค่าเลี้ยงดูบุตรคนละ 50 บาทต่อเดือน แต่ปัจจุบันเพิ่มขึ้นเป็น 600 บาทต่อเดือนเพื่อสนับสนุนให้คนมีลูกกันมากขึ้น แต่จะช่วยเพิ่มอัตราค่าเลี้ยงดูบุตรจากอัตรา 600 บาทหรือไม่ ขึ้นอยู่กับฐานะการคลังด้วย นอกจากนี้ในปัจจุบันกรมสรรพากรได้เพิ่มค่าลดหย่อนทางภาษีเพื่อสนับสนุนคนมีลูก โดยให้สามารถนำบุตรมาหักเป็นค่าหย่อนทางภาษีได้คนละ 3 หมื่นบาท ไม่จำกัดจำนวนบุตร จากเดิมให้ค่าลดหย่อนบุตรเพียงคนละ 15,000 บาท และจำกัดจำนวนบุตรที่จะได้รับค่าลดหย่อนไม่เกิน 3 คน “การสนับสนุนให้คนมีบุตรมากขึ้น จำเป็นต้องมองทั้งฝั่งปริมาณและคุณภาพไปพร้อมกัน เพื่อให้ประชากรเกิดใหม่ในอนาคตมีคุณภาพ” นายวิสุทธิ์ กล่าว
แหล่งข่าวจากกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า แนวทางการส่งเสริมให้คนมีลูกมากขึ้นโดยใช้มาตรการภาษีเป็นแรงจูงใจนั้น สศค.กำลังพิจารณาว่าหากเพิ่มค่าลดหย่อนการมีบุตรคนที่สองเป็น 6 หมื่นบาท จากปัจจุบันได้เพียง 3 หมื่นบาท จะเป็นแรงจูงใจที่เพียงพอหรือไม่ ซึ่งในหลักการกระทรวงการคลังต้องการส่งเสริมให้คนที่มีความพร้อมทั้งทางร่างกายและฐานะความเป็นอยู่ ให้มีลูกมากขึ้น เพื่อให้การเพิ่มขึ้นของประชากรมีคุณภาพ
ข่าวจาก : ประชาชาติธุรกิจ
- ไม่สามารถใส่ชื่อเว็บไซต์ใด ๆ ก็ตาม ลงในช่องแสดงความคิดเห็น
- ระบบสามารถรับข้อความ ได้สูงสุดเพียง 2,000 ตัวอักษร ต่อหนึ่งครั้ง
- ผู้ดูแลเว็บไซต์ จะลบข้อความที่ไม่เหมาะสม และข้อความโฆษณาสินค้า หรือบริการ