อยากผอม อยากสวย ทำได้ด้วย “เมล็ดเจีย”





 “ผอม สวย หุ่นดี” ถือเป็นรูปร่างลักษณะที่สาวไทยต่างต้องการอยากให้เกิดขึ้นกับตนเอง เพราะใครๆก็รู้ว่า สาวที่มีหุ่นดีนั้นมีชัยไปกว่าครึ่ง การพยายามดูแลรูปร่างด้วยการรับประทานอาหารที่ดีมีประโยชน์ และไม่ทำให้อ้วน จึงถือเป็นสิ่งที่สาวไทยหมายปอง และพยายามที่จะทำให้ได้ตลอดเวลา

เมล็ดเจีย (Chia Seed) เป็นหนึ่งในธัญพืชมาแรงแซงทางโค้งที่บางคนอาจเคยได้ยินชื่อ แต่ยังไม่เคยได้ลองสัมผัสถึงคุณสมบัติอันแสนวิเศษของมัน ถึงเวลาแล้วละค่ะที่คุณจะเปิดรับเอาธัญพืชตัวใหม่ เข้าไปอยู่ในใจของคุณทุกคน

image1

ภาพจาก : http://www.crunchybetty.com/

ความจริงแล้ว เมล็ดเจียไม่ใช่ธัญพืชที่เพิ่งจะเกิดขึ้นมาใหม่ แต่ถือเป็นพืชที่มีอายุยืนยาวมามากกว่า 3,500 ปีก่อนคริสตกาลแล้ว เพียงแต่ว่าในช่วงเวลานั้น คนไทยยังไม่มีโอกาสได้ทำความรู้จักกับเมล็ดเจียเท่านั้นเอง ชาวอินเดียแดงทางตอนใต้ ผู้เป็นผู้ค้นพบธัญพืชชนิดนี้ นิยมนำมันมารับประทานเพื่อประโยชน์ทางสารอาหาร อีกทั้งยังใช้เป็นอาหารหลักในการให้พลังงานอีกด้วย โดยรูปแบบการรับประทานก็มีอยู่อย่างหลากหลาย ทั้งการนำเอาเมล็ดเจียไปบดรวมกับแป้งก่อนคั้นออกมาเป็นน้ำมัน หรือนำมาแช่น้ำให้พองตัวแล้วผสมอาหารอื่นๆรับประทาน ซึ่งไม่ว่าจะรับประทานเมล็ดเจียในรูปแบบไหน ก็ล้วนแต่มีประโยชน์ต่อร่างกายทั้งสิ้น

[ads]

หากใครยังไม่เคยเห็นว่าเมล็ดเจียมีหน้าตาเป็นอย่างไร อยากให้ลองนึกถึงเม็ดแมงลักดูคะ เมล็ดเจียจะมีลักษณะที่คล้ายๆกับธัญพืชที่ว่านี้ กล่าวคือ เมื่อนำเอาธัญพืชชนิดนี้ไปสัมผัสกับน้ำ เปลือกนอกของเมล็ดเจียก็จะพองตัวออกได้คล้ายวุ้น อย่างไรก็ตาม เมล็ดเจียจะมีข้อแตกต่างกับเมล็ดแมงลักตรงที่ เมล็ดเจียจะมีสีที่ใสกว่า และเมื่อสังเกตที่ผิวของเมล็ดเจีย ก็จะเห็นว่ามีลวดลายที่ผิวเล็กน้อยด้วย

ส่วนคุณประโยชน์ของเมล็ดเจียก็มีอย่างเต็มเปี่ยม เพราะด้วยความที่เมล็ดเจียมีลักษณะที่คล้ายกับเมล็ดแมงลัก ทำให้เมล็ดเจียสามารถให้ความอิ่มท้องแก่เราได้ไม่แตกต่างกัน อย่างไรก็ตาม ต้องแน่ใจเสียก่อนว่า เมล็ดเจียที่เรากำลังจะรับประทานเข้าไปนั้น พองตัวในน้ำได้เต็มที่แล้ว เพื่อให้การรับประทานเมล็ดเจียมีประโยชน์สูงสุดเข้าต่อกระเพาะอาหารของเรา และส่งผลให้ระบบย่อยอาหารค่อยๆย่อยอย่างช้าๆ การรับประทานเมล็ดเจียจึงจะช่วยให้อิ่มท้องได้นาน และที่สำคัญคือไม่ทำให้อ้วนอย่างแน่นอน

ไม่ใช่เพียงแค่การทำให้อิ่มท้องเท่านั้น แต่สิ่งที่ทำให้เมล็ดเจียโดดเด่นเหนือคู่แข่ง ก็คือ คุณค่าทางโภชนาการที่หาไม่ได้ในธัญพืชชนิดไหนๆ ในเมล็ดเจียอัดแน่นไปด้วยใยอาหาร โอเมก้า-3 โอเมก้า-6 สารต้านอนุมูลอิสระ และโปรตีน ที่ล้วนเป็นสารอาหารที่ร่างกายต้องการในการดำเนินชีวิตทั้งนั้น โดยเฉพาะโอเมก้า-3 และ โอเมก้า-6 ที่นักวิชาการการันตีว่ามีอยู่ในปริมาณสูงมาก และแน่นอนว่าการได้รับกรดไขมันจากธรรมชาติที่มีประโยชน์เช่นนี้ จะช่วยให้ระบบหมุนเวียนโลหิตในร่างกายทำงานได้เป็นอย่างดี ช่วยลดคอเลสเตอรอลและไตรกลีเซอไรด์ พัฒนาระบบประสาทและสมอง เสริมความจำที่ดี และช่วยป้องกันการเกิดโรคเบาหวานประเภทที่ 2 ได้ ยังไม่จบเพียงเท่านั้น เพราะเมล็ดเจียยังประกอบไปด้วย แคลเซียม ฟอสฟอรัส และแมกนีเซียม ซึ่งแร่ธาตุเหล่านี้ล้วนมีความสำคัญต่อการเจริญเติบโตของกระดูกและฟัน และช่วยลดอาการกระดูกพรุนและภาวะกระดูกบางได้

image2

ภาพจาก : http://gathery.recruit-lifestyle.co.jp/article/1142123854938785701

เห็นถึงประโยชน์ของเมล็ดเจียกันไปแล้ว ก็ลองไปหาเมล็ดเจียมารับประทานกันดูนะคะ ไม่ว่าจะนำเมล็ดเจียไปรับประทานในรูปแบบไหน ก็สามารถเอร็ดอร่อยได้ไม่แพ้กัน คุณสามารถนำเอาเมล็ดเจียมาผสมในอาหารคาวอย่างผักสลัด หรือนำมาผสมในอาหารหวานในเมนูสมูธตี้หรือมิลค์เชคก็ย่อมได้ การ รับประทานแค่เพียงวันละ 2 ช้อนโต๊ะต่อวัน ก็มีส่วนช่วยในการป้องกันการเกิดโรคได้เป็นอย่างดีแล้ว แต่สำหรับในผู้ป่วยโรคหัวใจและหลอดเลือด หากรับประทานได้ประมาณ 33-41 กรัม ในรูปแบบป่น ก็จะยิ่งช่วยบรรเทาอาการป่วยที่คุณเป็นได้ดีมากยิ่งขึ้น

แล้วจะหาซื้อเมล็ดเจียได้ที่ไหน? พืชชนิดนี้ปลูกได้เฉพาะในบริเวณที่มีอุณหภูมิต่ำเท่านั้น ดังนั้น จึงมักพบเห็นเมล็ดเจียในทวีปอเมริกามากกว่าที่จะเห็นในประเทศไทย เมล็ดเจียส่วนใหญ่ที่วางขายในท้องตลาดจึงมักเป็นธัญพืชที่นำเข้ามาขาย อย่างไรก็ตาม ประเทศไทยก็เริ่มมีการเพาะปลูกธัญพืชชนิดนี้บ้างแล้ว แต่ปลูกได้เฉพาะบางพื้นที่ที่มีอุณหภูมิต่ำเท่านั้น เช่น จังหวัดลำปาง จังหวัดกาญจนบุรี เป็นต้น

ลองไปหาเมล็ดเจียมารับประทานกันดูนะค่ะ เพราะธัญพืชชนิดนี้มีคุณประโยชน์ที่สมบูรณ์สุดๆจริงๆ หากใครยังไม่เคย ก็ต้องไปลองหามาชิมกันดูสักครั้ง เพราะด้วยสารอาหารหรือคุณประโยชน์ต่อร่างกายที่มากมายขนาดนี้ คงจะช่วยให้คุณมีหุ่นสวยและผอมเพรียวได้ดังใจอย่างแน่นอน
 

เรียบเรียงโดย thaijobsgov.com
 

[ads=center]

เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ๆ
- ไม่สามารถ copy ข้อความจากที่อื่น แล้วนำมา paste ในช่องแสดงความคิดเห็น
- ไม่สามารถใส่ชื่อเว็บไซต์ใด ๆ ก็ตาม ลงในช่องแสดงความคิดเห็น
- ระบบสามารถรับข้อความ ได้สูงสุดเพียง 2,000 ตัวอักษร ต่อหนึ่งครั้ง
- ผู้ดูแลเว็บไซต์ จะลบข้อความที่ไม่เหมาะสม และข้อความโฆษณาสินค้า หรือบริการ
error: