ทุกคนรู้ดีว่า ถ้าอยากมีปากสะอาดก็ต้องแปรงฟัน แต่ถ้าแปรงสีฟันของเราไม่สะอาดละ มันยังคงจะช่วยรักษาความสะอาดของช่องปากได้ดีอยู่อีกหรือไม่ หรือว่าจะเป็นการเพิ่มความสกปรกในปากของเราให้มากขึ้นไปกว่าเดิม มาหาคำตอบไปด้วยกันเถอะค่ะ
“คุณเปลี่ยนแปรงสีฟันบ่อยแค่ไหน?” หลายคนตอบคำถามนี้ไม่ได้ ไม่ใช่เพราะยากไป แต่เพราะมันนานจนจำไม่ได้แล้ว หรือบางคนก็ไม่เคยคิดจะใส่ใจมันเลยด้วยซ้ำ รู้แต่เพียงว่าหน้าที่ของแปรงสีฟัน ก็คือ จะต้องมีไว้ทำความสะอาดฟัน หากเมื่อไรที่มันไม่สามารถแปรงได้แล้ว เช่น ขนแปรงหลุดร่วง เป็นต้น จึงค่อยโยนมันทิ้งลงถังขยะไป แต่ถ้ามันยังใช้ได้ ก็ใช้มันต่อไปสิ ใช้จนกว่าจะหักกันไปข้างหนึ่งแหละ
[ads]
เชื่อว่าหลายคนน่าจะคิดเช่นนี้ และนี่เองก็เป็นเหตุผลสำคัญที่ทำให้คุณเกิดอันตรายจากการใช้แปรงสีฟันได้ เนื่องจาก การใช้แปรงสีฟันไปนานๆ สิ่งของสิ่งนี้จะกลายเป็นแหล่งสะสมของเชื้อโรคหลากชนิด และเมื่อเรานำมันมาแปรงฟัน เชื้อโรคเหล่านี้ก็จะมีโอกาสเข้าสู่ร่างกายเราได้ ในกรณีที่เราเกิดบาดแผลที่เหงือกหรือมีบาดแผลในช่องปาก ทำให้เป็นการเพิ่มโอกาสการติดเชื้อเข้าสู่กระแสเลือดอย่างง่ายดาย
โดยเชื้อโรคที่มีโอกาสพบอยู่ตามขนแปรงสีฟันได้มากที่สุด ก็คือ ‘เชื้อแบคทีเรียหรือเชื้อรา’ โดยวายร้ายตัวสำคัญที่ทำให้เกิดโรคต่อมนุษย์ได้อย่างมากมายก็คงจะเป็นเชื้อโรคที่มีชื่อว่า “เชื้อแบคทีเรียสเตรปโตคอกคัส” ซี่งหากคุณปล่อยให้มันสะสมตัวอยู่ตามแปรงสีฟันของคุณไปนานๆเข้า เชื้อโรคเหล่านี้ก็จะพัฒนาไปเป็นเชื้อที่ร้ายแรงขึ้นกว่าเดิมได้ นอกเหนือจากเชื้อแบคทีเรียตัวดังกล่าวแล้ว ยังอาจพบการปนเปื้อนของไวรัสตับอักเสบเอ บี หรือซี ในแปรงสีฟันได้ด้วย ซึ่งหากได้รับเชื้อไวรัสตัวนี้เข้าไป ย่อมจะทำให้คุณอ่อนแอลงได้อย่างแน่นอน
ภาพจาก : http://weknowmemes.com/2015/01/25-super-simple-life-changes-thatll-make-you-live-longer/
แต่หากคุณมีการดูแลแปรงสีฟันอย่างดี และเปลี่ยนแปรงอยู่บ่อยครั้งทุกๆ 3 เดือน ก็ย่อมจะทำให้ปลอดภัยต่อการติดเชื้อโรคได้ โดยวิธีการดูแลแปรงสีฟันที่ถูกต้อง ก็คือ การพยายามทำให้แปรงสีฟันแห้งอยู่เสมอ การไม่ใช้แปรงสีฟันร่วมกับผู้อื่น การเก็บแปรงสีฟันในปลอกให้เรียบร้อยหรือระวังไม่ให้ไปสัมผัสกับแปรงสีฟันของคนอื่น รวมไปถึงการใช้น้ำร้อนทำความสะอาดเพื่อฆ่าเชื้อโรคให้แปรงสีฟันบ้างเป็นครั้งคราว
ระยะเวลาการใช้แปรงสีฟันที่ยาวนานมากกว่า 3 เดือน จะทำให้ประสิทธิภาพในการกำจัดคราบพลัคบนเหงือกและฟันต่ำลง เนื่องมาจากเหตุผลของขนแปรง ที่จะเริ่มหมดสภาพและเสื่อมคุณภาพในการกำจัดสิ่งสกปรกตามซอกฟัน แต่หากใครที่เกิดอาการติดเชื้อในช่องปาก และสามารถรักษาได้หายเป็นปกติแล้ว ทางที่ดีที่สุดที่จะเป็นการป้องกันไม่ให้เกิดโรคนี้ขึ้นได้อีก ก็ควรจะต้องเปลี่ยนแปรงสีฟันด้ามใหม่เลยทันที อย่าคิดเสียดายเป็นอันขาด เพราะเชื้อโรคอาจจะยังหลงเหลืออยู่ตามขนแปรง และนำไปสู่การติดเชื้อซ้ำเป็นครั้งที่สองได้
ถ้าอยากมีช่องปากที่สะอาดปราศจากเชื้อโรค ก็ควรหมั่นเปลี่ยนแปรงสีฟันเสียบ้าง หากกลัวจะลืมว่าเริ่มใช้แปรงสีฟันไปเมื่อไร ก็ให้จดวันที่ที่เริ่มใช้แปรงสีฟันเอาไว้ด้วย พอครบกำหนด 3 เดือนเมื่อไร ก็ทิ้งแปรงสีฟันอันเก่าไปได้เลย หรือจะเอาไปใช้เป็นแปรงทำความสะอาดสิ่งของอื่นๆแทนก็ย่อมได้ ถ้าคุณยังรู้สึกเสียดายมัน หากคุณสามารถปฏิบัติได้ตามวิธีที่กล่าวมาข้างต้น ก็คงจะทำให้คุณปลอดภัยจากเชื้อโรคได้มากขึ้นอย่างแน่นอน
[ads=center]
- ไม่สามารถใส่ชื่อเว็บไซต์ใด ๆ ก็ตาม ลงในช่องแสดงความคิดเห็น
- ระบบสามารถรับข้อความ ได้สูงสุดเพียง 2,000 ตัวอักษร ต่อหนึ่งครั้ง
- ผู้ดูแลเว็บไซต์ จะลบข้อความที่ไม่เหมาะสม และข้อความโฆษณาสินค้า หรือบริการ