ทนายษิทรา พร้อมด้วย ทนายเดชา โต้เดือด ประธานบอย ปมช่วยคนหรือหลอกเงิน พบผู้เสียหายโผล่เพียบกลางรายการ ลั่นพี่น้องทนายรวมตัวเตรียมฟ้องให้ถึงที่สุด!
เมื่อวันที่ 9 ม.ค.61 รายการต่างคนต่างติด ได้เชิญ นายธนาพิพัฒน์ ชัยธนาธนธัต หรือที่รู้จักกันในนามของ ประธานบอย มาร่วมโต้เถียงเรื่อง "เผชิญหน้า "ประธานบอย" กับ "ทนายดัง" ช่วยคนหรือหลอกเงิน ?" กับ นายษิทรา เบี้ยบังเกิด หรือ ทนายตั้ม เลขาธิการมูลนิธิทีมงานทนายประชาชนเพื่อเยาวชนและสังคม ทนายเดชา กิตติวิทยานันท์ และผู้เสียหาย คือ น.ส.อนุสรา วงศ์สนิท หรือ คุณปุ้ย ที่ได้ร้องเรียนว่าถูกประธานบอยหลอกลวง
โดยคุณปุ้ย ได้เล่าว่า ตนได้ขอให้ประธานบอยช่วยดำเนินการเรื่องคดี โดยตกลงกันไว้ที่ 150,000 บาท และขณะทำสัญญาจ้างประธานบอยให้กระดาษเปล่ามาให้เซ็นแล้วนำไปเพิ่มข้อความทีหลังเป็น 3 แสนบาท เมื่อยกเลิกสัญญาก็ไม่ยอมคืนเงินให้
ด้านทนายตั้ม ได้ย้อนถามประธานบอยว่า ในสัญญาจ้างระบุว่า ต้องแต่งตั้งทนายภายใน 15 วัน โดยสัญญานี้ได้ทำวันที่ 9 ธ.ค. แต่ขึ้นศาลวันแรกวันที่ 18 ธ.ค. ซึ่งระยะเวลาดังกล่าวไม่ถึง 15 วัน เหมือนเป็นการสร้างเงื่อนไขเพื่อจะได้ไม่ต้องคืนเงิน และการถอนทนายนั้นสามารถทำให้เสร็จเพียงในวันเดียวได้
ประธานบอย กล่าวว่า สาเหตุที่ไม่คืนเงิน 150,000 บาท เพราะอีกฝ่ายผิดสัญญา ไม่ยอมถอนทนายชุดเดิม ทำให้ทนายที่ตนติดต่อมาช่วยต้องยกเลิกงานอื่นมาช่วย และเอกสารยกเลิกสัญญาอีกฝ่ายไม่ยอมเขียนเอง แต่เป็นผู้ชายอีกคนเป็นคนเขียนได้ รวมทั้งยังให้ตนโอนเงินให้กับผู้ชายคนดังกล่าว
ขณะที่ปุ้ย ยืนยันว่า เงินจำนวน 150,000 บาท ตนได้หยิบยืมมาจากผู้ชายคนดังกล่าวและเคยบอกประธานบอยโอนเงินเข้าบัญชีตนแล้วแต่อีกฝ่ายไม่ยอมโอนเงิน
ทนายเดชา ได้กล่าวเสริมว่า คำว่าหลอกลวงคือ การที่ประธานบอยให้คำมั่นสัญญาทั้งที่รู้อยู่แล้วว่าไม่เป็นความจริง ซึ่งในทางกฎหมายมี 2 อย่างคือ โกหก กับ ปกปิดไว้ หากเข้า 2 เหตุนี้ก็เข้าข่ายหลอกลวง ซึ่งตนยังไม่รู้รายละเอียด
ทั้งนี้ นายแกละ ผู้เสียหายอีกราย ได้กล่าวว่า ตนรู้จักประธานบอยจากคลิปในเฟซบุ๊ก จึงติดต่อให้ช่วยเหลือหลายคดี คดีแรกคือผู้รับเหมาก่อสร้างผิดแบบที่ จ.ชุมพร คดีนี้อยู่ในชั้นศาลฎีกา และอีกคดีเป็นคดีที่เกี่ยวข้องกับเจ้าหน้าที่รัฐใช้ ม.44 ตรวจค้นโดยมิชอบ เสียเงินไป 1 ล้าน 3 แสนบาท มีทนายให้แต่ไม่ชัดเจน และยังอ้างว่าจะหาหลักฐานใหม่ส่งศาลฎีกา
ทนายตั้ม ได้กล่าวเพิ่มเติมว่า คดีที่อยู่ในชั้นฎีกาจะไม่สามารถยื่นหลักฐานใหม่ได้ ใครก็ตามที่บอกว่าจะส่งหลักฐานใหม่ให้นั้นถือว่า ฉ้อโกง
“พฤติกรรมของประธานบอยไม่ใช่ทนาย การเป็นนายหน้าหาทนายนั้นถือว่าผิดกฎหมายโดยชัดเจน และทนายที่ทำงานด้วยก็ต้องถูกลบชื่อออกจากสภาทนายความ และรายการนี้จะเป็นรายการที่จะปิดเกมประธานบอย” ทนายเดชา กล่าว
นอกจากนี้ยังมีผู้เสียหายอีกราย คือ นางณัทกาญจน์ภร แอกทอง หรือ คุณบน กล่าวว่า ตนเสียเงินไปแล้ว 55,000 บาท จากที่ตกลงกันไว้ตอนแรกคือ 75,000 บาท แต่คดีไม่คืบหน้า โดยวันที่ขึ้นศาลประธานบอยได้บอกว่า ทนายป่วยมาไม่ได้ และตอนที่ตกลงทำสัญญาก็ให้ตนเซ็นกระดาษเปล่า
ทั้งนี้ ทนายษิทรา กล่าวว่า จะต้องมีการดำเนินคดี ขณะที่ทนายเดชา ได้กล่าวเพิ่มเติมว่า พี่น้องทนายความได้รวมตัวกันจะดำเนินคดีกับประธานบอยให้ถึงที่สุด
อย่างไรก็ตาม มีข้อมูลเพิ่มเติมว่า นายธนาพิพัฒน์ หรือประธานบอย เคยถูกเจ้าหน้าที่ใช้ ม.44 เข้าจับกุมในข้อหาเกี่ยวกับอาวุธปืน และอ้างตัวเองว่าเป็นประธานคณะทำงานองค์การตรวจสอบและต่อต้านการทุจริตคอร์รัปชันของชาติ (ค.อ.ต.ช.)
ขอบคุณข้อมูลจาก : ต่างคนต่างคิด
- ไม่สามารถใส่ชื่อเว็บไซต์ใด ๆ ก็ตาม ลงในช่องแสดงความคิดเห็น
- ระบบสามารถรับข้อความ ได้สูงสุดเพียง 2,000 ตัวอักษร ต่อหนึ่งครั้ง
- ผู้ดูแลเว็บไซต์ จะลบข้อความที่ไม่เหมาะสม และข้อความโฆษณาสินค้า หรือบริการ