วันนี้ (15 ม.ค. 2561) ที่จังหวัดบุรีรัมย์ นายศรชัย สายศ อายุ 45 ปี ชาว อ.ลำปลายมาศ จ.บุรีรัมย์ ร้องผ่านสื่อหลังจากรู้สึกว่าตนเองไม่ได้รับความเป็นธรรม กับระบบของทางราชการ และอยากให้มีการตรวจสอบทุกขั้นตอน เพราะทำให้ตนเองได้รับความเดือดร้อนและไม่อยากให้เป็นแบบอย่าง
ทั้งนี้ นายศรชัย เล่าว่า เมื่อปลายเดือนตุลาคม 2560 ที่ผ่านมา ตนได้ซื้อรถกระบะยี่ห้อโตโยต้า รุ่น D4D ทะเบียน บฉ-6297 มหาสารคาม กับพ่อค้ารถรายหนึ่งในจังหวัดบุรีรัมย์ ในราคา 180,000 บาท แต่ตนเองไม่มีเงินสด จึงติดต่อขอเข้าไฟแนนซ์กับบริษัทไมด้าฯ ขอกู้เงินจำนวนเงิน 170,000 บาท อีก 10,000 บาท ได้ขอค้างไว้กับพ่อค้ารถ หลังตกลงกันบริษัทได้ตรวจสอบประวัติและทำสัญญาเช่าซื้อ ก่อนจะเอารถไปตรวจสภาพที่ขนส่งจังหวัดบุรีรัมย์ แล้วย้ายปลายทางมาใช้ทะเบียนบุรีรัมย์ ประมาณ 7 วัน บริษัทตรวจสอบครบถ้วนก็อนุมัติเงิน แล้วได้เอารถมาขับใช้งานตามปกติ โดยผ่อนกับบริษัทเดือนละ 5,380 บาท และได้เริ่มผ่อนชำระค่างวดไปแล้ว 1 งวด
ต่อมา เมื่อเดือนธันวาคม 2560 ขณะที่ตนกำลังเติมน้ำมันอยู่ในปั๊ม ได้มีตำรวจนอกเครื่องแบบ ของ สภ.เมืองบุรีรัมย์ จู่โจมเข้ามาขออายัดรถอ้างว่าเป็นรถที่แจ้งหายไว้ที่ จ.ขอนแก่น ตนเองมีความรู้สึกมึนงงมาก และพยายามขัดขืนตำรวจ เพราะรถซื้อมาถูกต้อง ผ่านกระบวนการของกรมขนส่งทางบก จนบริษัทไฟแนนซ์รับโอนได้ตามปกติ แต่กลับถูกยึดเอาไปง่าย ๆ
จากนั้นตำรวจได้นำรถไปไว้ที่ สภ.เมือง โดยตำรวจชุดสืบสวน ได้นำเอกสารการแจ้งหายไว้ที่ สภ.ขอนแก่น มาให้ดูว่ามีการแจ้งความไว้ที่ สภ.เมืองขอนแก่น เมื่อวันที่ 19 ส.ค.2560 ตนเองก็จำเป็นต้องรับฟัง และเจ้าของรถได้มารับรถกลับไปต่อหน้าต่อตา
นอกจากนี้ นายศรชัย ยังบอกด้วยว่า ตอนนี้ตนยังมึนงงไม่หาย โดยเฉพาะหลักฐานการแจ้งความที่มีขึ้นตั้งแต่วันที่ 19 ส.ค. 2560 แต่เจ้าหน้าที่ยังไม่มีการอายัดทะเบียน จนล่วงเลยมากว่า 2 เดือน
ขณะเดียวกัน ยังพบว่าผู้ที่แจ้งหาย ได้แจ้งกล่าวหาน้องชายตัวเองฐานยักยอกทรัพย์ และทั้งสองคนพี่น้องลงนามเป็นผู้แจ้งทั้งสองคนอีกด้วย ตอนนี้ตนเองได้รับความเดือดร้อนอย่างหนัก ไม่มีรถออกไปทำงานรับเหมาหินขัด ถูกชาวบ้านมองว่าไปเอารถขโมยมาขับ อีกทั้งยังต้องเป็นหนี้บริษัท จึงอยากเรียกร้องให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องมาตรวจสอบให้ละเอียด
จากการสอบถาม นายต้นตระการ แก้วศรี อายุ 37 ปี เจ้าของอู่รถแห่งหนึ่งใน อ.เมือง ซึ่งเป็นคนซื้อรถมาจากจังหวัดขอนแก่น บอกว่า ตนเองก็ซื้อรถมาอย่างถูกต้อง คือ มีหลักฐานของเจ้าของรถ เล่มทะเบียนรถและตัวรถ โดยก่อนจะซื้อยังได้ตรวจสอบสถานะที่ขนส่งว่าถูกต้องรถไม่ได้อายัด ตนก็ซื้อมา ครั้งนี้ถือเป็นครั้งแรกที่เจอเหตุการณ์ในลักษณะนี้ ด้าน นายสุเทพ นิติวัฒนานนท์ ผู้อำนวยการขนส่งจังหวัดบุรีรัมย์ ได้ออกมาระบุในกรณีดังกล่าวว่า การซื้อขายรถทั่วไป หากผู้ซื้อได้หลักฐานชุดโอน ซึ่งประกอบด้วยสำเนาบัตรประจำตัวประชาชนเจ้าของรถ, ใบมอบอำนาจ, เล่มทะเบียนรถและตัวรถ ก็ถือว่าเป็นเจ้าของรถ แต่ถ้าจะให้สมบูรณ์จะต้องนำไปแจ้งจดต่อนายทะเบียนขนส่ง ส่วนการโอนรถจะต้องนำรถมาตรวจสอบภาพที่สำนักขนส่งแต่ละแห่ง โดยจะมีช่างตรวจสภาพรถที่เชี่ยวชาญตรวจสอบ ว่า รถถูกต้องหรือไม่ ก่อนจะไปโอนกับฝ่ายทะเบียนรถในสำนักงานขนส่ง กรณีนี้ได้มีการโอนเข้าไปบริษัทไฟแนนซ์เรียบร้อย ก็ถือว่าผ่านการตรวจสภาพสมบูรณ์ ส่วนจะผิดพลาดในขั้นตอนไหนจะต้องให้หน่วยงานเกี่ยวข้องตรวจสอบ ส่วนขนส่งได้ทำหน้าที่ถูกต้องแล้ว ขอขอบคุณข้อมูลจาก : ONBnews
- ไม่สามารถใส่ชื่อเว็บไซต์ใด ๆ ก็ตาม ลงในช่องแสดงความคิดเห็น
- ระบบสามารถรับข้อความ ได้สูงสุดเพียง 2,000 ตัวอักษร ต่อหนึ่งครั้ง
- ผู้ดูแลเว็บไซต์ จะลบข้อความที่ไม่เหมาะสม และข้อความโฆษณาสินค้า หรือบริการ