ถ้าเปรียบเป็นหมาไล่เนื้อ กรณีนายชูวิทย์ กมลวิศิษฐ์ โดดออกมางับข่าวดังอย่างการบุกทลายอาบอบนวด “วิคตอเรีย ซีเครท” ด้วยการทำเป็นกูรูด้านโรงนวด ผสมผสานกับบทบาทในฐานะคอมเมนเตเตอร์ หรือ คอลัมนิสต์ทีวี หรือสถานะอะไรก็แล้วแต่ ถือว่านายชูวิทย์ไม่พลาดโอกาส ส่วนจะผิดถูกอย่างไรเป็นอีกเรื่องหนึ่ง
โปรยข่าวไว้อย่างนี้ เพราะทันทีที่รับฟังข้อมูลของนายชูวิทย์ เป็นทางด้าน พล.ต.อ.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล รองผบ.ตร. อธิบายกับสื่อมวลชนว่า ข้อมูลของนายชูวิทย์เป็นประโยชน์ แต่ยังไม่มีน้ำหนัก หรือหลักฐานเพียงพอ….ก่อนจะมีหมายจับบุคคลที่เกี่ยวข้องในเวลาต่อมา
อีกแง่มุมหนึ่งก็เกิดคำถามมากมายกับข้อมูลของนายชูวิทย์ ว่า สมบูรณ์ ครบถ้วน หรือมีนัยแฝงอย่างหนึ่งอย่างใดหรือไม่ เพราะกับคดีที่เกิดขึ้นและสิ่งที่นายชูวิทย์ นำไปทำภาคขยายต่อนั้น มีหลายจุดที่ขัดแย้งอยู่ในตัวเอง ตามข้อมูลอีกด้านหนึ่งที่ “ฐานเศรษฐกิจ” นำมาเสนอล่าสุด
โดยเฉพาะกับข้อมูลตัวตนของนายกำพล วิระเทพสุภรณ์ ที่วันนี้กลายเป็นผู้ต้องหาโดยสมบูรณ์ แต่สาธารณชนส่วนใหญ่ยังไม่ได้รู้จักเขาดีพอ ถ้าเปรียบเทียบกับสารพัดข้อกล่าวหาจากนายชูวิทย์ ยัดเยียดว่าเป็น “นักฟอกเงิน” ???
“เสี่ยกำพล” รู้จักคนใหญ่คนโตของประเทศ นอกจาก สวัสดิ์ หอรุ่งเรือง แล้วเสี่ยกำพลยังคบค้าสมาคมกับ วิชัย ศรีวัฒนประภา เจ้าพ่อดิวตี้ฟรี ผู้ชื่นชอบสะสมพระเครื่องราคาแพง ไม่นับรัฐมนตรี ทหารและตำรวจระดับผู้บัญชาการอีกหลายคน…
เสี่ยกำพลในวัยย่าง 60 ปี วันนี้ พื้นเพเดิมเป็นคนแปดริ้ว บ้านเดียวกับ สุชาติ ตันเจริญ 1 ในกลุ่ม 16 เพื่อนสนิทที่เสี่ยกำพลช่วยเหลือสนับสนุนอยู่เบื้องหลังในฐานะที่ปรึกษาทางกฎหมาย เวลามีคดีความ เพราะเจ้าตัวมีอาชีพทนายความ มีความรู้ความเชี่ยวชาญทางด้านกฎหมายเป็นอย่างดี
“ปกตินายกำพล มักทำตัวโลว์โพรไฟล์ แตกต่างจากสิ่งที่เสี่ยอ่าง ชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ ออกมาให้ข้อมูลกับเจ้าหน้าที่ตำรวจว่า เสี่ยกำพล คือเจ้าของ วิคตอเรีย ตัวจริงเสียงจริง หนำซ้ำยังโยงว่าเสี่ยกำพลยัง เป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ AQUA หรือ บริษัท อควา คอร์เปอเรชั่น จำกัด (มหาชน)”
จากการสืบค้นของ “ฐานเศรษฐกิจ” พบว่า ทางเดินเสี่ยกำพลก่อนมาถึงวันนี้เป็นเซียนพระ ต่อมาพระที่เคยสะสมมามีมูลค่างอกเงยหลายร้อยเท่า จนสามารถนำเงินในธุรกิจพระเครื่องไปซื้ออาบอบนวดและลงทุนในตลาดหุ้น
AQUA เป็นเพียง 1 ใน 12 บริษัทจดทะเบียนในตลาด หลักทรัพย์ ที่เสี่ยกำพลถือหุ้นใหญ่โดยเฉพาะบริษัท จี เจ สตีล จำกัด (มหาชน) (GJS) 1,000 ล้านหุ้น คิดเป็นมูลค่า 360 ล้านบาท เป็น GJS ที่ สวัสดิ์ หอรุ่งเรือง เจ้าพ่อเหล็ก เคยเป็นเจ้าของ รวมถึง “เสี่ยกำพล” ยังมีหุ้นอยู่ใน บริษัท โรงพิมพ์ตะวันออก จำกัด (มหาชน) (EPCO) จำนวน 37 ล้านหุ้น
ข้อมูลอีกชุดสำคัญ ระบุว่า “เสี่ยกำพล” เข้าวงการอาบอบนวดด้วยการเป็นเจ้าของโนอาร์ ก่อนจะซื้อกิจการจาก “เสี่ยอ่าง” ชูวิทย์ ในราคา 700 ล้านบาทแลกกับ 3 ใบอนุญาตเมื่อปี 2547 ได้แก่ ฮอนโนลูลู , โคปาคาบานา และ บาร์บาร่า ทำกิจการรุ่งเรืองมาเป็นลำดับ ขยายอาณาจักร จนได้เป็นเจ้าของเดอะลอร์ด
กระทั่ง 2-3 ปีผ่านมานี้ เศรษฐกิจตกสะเก็ด คนเที่ยวน้อยลง กำไรอาบอบนวดระดับกลางลงล่างเหลือแค่หลักล้าน ปลายปี 2560 “เสี่ยกำพล” จึงเตรียมหยุดทำทุกอย่างที่สัญญาเช่าที่หมดอายุ รวมทั้งวิคตอเรียฯ ซึ่งกลายเป็นกรณีปัญหา แต่จะยกเว้นเดอะลอร์ดที่จับลูกค้าระดับไฮเอนด์ทั้งไทยและเทศ โดยเฉพาะนักท่องเที่ยวชาวจีน สาวบริการเป็นหญิงไทยล้วน ไม่ต้องใช้แรงงานต่างด้าวที่สุ่มเสี่ยงกับการผิดกฎหมายค้ามนุษย์
ทว่าไม่รู้อะไรดลใจ หรือชะตากรรมแต่ปางก่อน พอเอ่ยปากเลิกทำวิคตอเรียฯ เด็กเชียร์แขกของ วิคตอเรียฯ กลัวตกงานขอให้ “เสี่ยกำพล” อย่าเพิ่งคืนสัญญาเช่า ระหว่างตัดสินใจ ไม่รู้ถึงคราวซวยหรืออย่างไร ฝั่งประเทศมาเลเซียกำลังมีข่าวฉาว เจ้าหน้าที่ตำรวจจับสาวไทยที่ไปขายบริการ หญิงคนดังกล่าวซัดทอดว่าเด็กเชียร์แขกวิคตอเรียเป็นคนบังคับให้ค้าประเวณี
เรื่องนี้ถูกนักสิทธิมนุษยชนในองค์การต่อต้านการค้ามนุษย์ข้ามชาติ แกะรอยพร้อมยื่นเรื่องต่อดีเอสไอ ทำให้เจ้าหน้าที่ไม่อาจเพิกเฉย เข้าล่อซื้อก่อนตัดสินใจบุกค้นในวันที่วิคตอรียฯเรียกประชุมพนักงาน จนเป็นที่มาของการจับหญิงบริการล็อตใหญ่กว่า 100 ชีวิต ส่วนใหญ่เป็นต่างด้าว!!!…
ชะตาชีวิตของ “เสี่ยกำพล” คราวนี้ ตกที่นั่งลำบาก เป็นบทเรียนให้เจ้าตัวจดจำ เข้าตำรา หมองูตายเพราะงู!
ขอบคุณที่มาจาก : คอลัมน์ : ขาใหญ่ในตลาดหุ้น หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ฉบับที่ 3333
- ไม่สามารถใส่ชื่อเว็บไซต์ใด ๆ ก็ตาม ลงในช่องแสดงความคิดเห็น
- ระบบสามารถรับข้อความ ได้สูงสุดเพียง 2,000 ตัวอักษร ต่อหนึ่งครั้ง
- ผู้ดูแลเว็บไซต์ จะลบข้อความที่ไม่เหมาะสม และข้อความโฆษณาสินค้า หรือบริการ