กกต.เปิดรับสมัครเลขาฯ 1-28 ก.พ.นี้ เน้นเป็นกลาง ปลอดการเมือง เพราะต้องทำหน้าที่นายทะเบียนพรรคการเมือง เพื่อความสง่างามองค์กร
เมื่อวันที่ 26 มกราคม ที่สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) นายเมธา ศิลาพันธ์ รองเลขาธิการ กกต. แถลงว่าที่ประชุมกกต. ได้พิจารณาร่างประกาศกกต. เรื่อง รับสมัครคัดเลือกบุคคลเพื่อแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งเลขาธิการกกต. โดยมีมติเห็นชอบร่างประกาศกกต.และร่างแผนการปฏิบัติงานในการสรรหาคัดเลือกบุคคลเพื่อแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งเลขาธิการกกต. ซึ่งจะเปิดรับสมัครระหว่างวันที่ 1-28 กุมภาพันธ์นี้
สำหรับผู้สนใจจะสมัครเข้ารับการคัดเลือกขอรับใบสมัครได้ที่สำนักงาน กกต. อาคารรัฐประศาสนภักดี (อาคารบี) ศูนย์ราชการเฉลิมพระเกียรติฯ ถนนแจ้งวัฒนะ ในวันและเวลาราชการ หรือสามารถดาวน์โหลดใบสมัครได้ทางเว็บไซต์ www.ect.go.th ทั้งนี้ผู้สนใจสมัครจะต้องเตรียมเอกสารหลักฐาน 8 รายการ ใบสมัคร รูปถ่าย สำเนาหลักฐานแสดงคุณวุฒิทางการศึกษา สำเนาทะเบียนบ้าน และสำเนาบัตรประจำตัวประชาชน สำเนาหลักฐานการเปลี่ยนชื่อ-ชื่อสกุล ใบรับรองแพทย์ หลักฐานที่แสดงถึงประสบการณ์การดำรงตำแหน่ง ผลงานที่แสดงถึงความสำเร็จด้านการบริหารงาน ซึ่งผู้ประสงค์จะสมัครตำแหน่งเลขาธิการ กกต.จะต้องตรวจสอบคุณสมบัติและลักษณะต้องห้าม รวมทั้งหลักฐานการสมัครตามประกาศ กกต.
นายเมธา กล่าวว่า สำหรับตำแหน่งเลขาฯ กกต. มีการเปลี่ยนไปจากเดิมเนื่องจากจะมีบทบาทสำคัญเพิ่มขึ้น คือการเป็นนายทะเบียนพรรคการเมือง ซึ่งเดิมกฎหมายกำหนดให้เป็นหน้าที่ของประธาน กกต. รวมทั้งมีค่าตอบแทนเพิ่มสูงขึ้นจากเดิม คือ เงินเดือน 97,900 – 150,000 บาท เงินประจำตำแหน่ง 35,000 บาท และเงินเพิ่มพิเศษ 35,000 บาท ขณะเดียวกันก็มีการกำหนดคุณสมบัติและลักษณะต้องห้ามเพิ่มขึ้น โดยจะต้องพ้นจากการเป็นสมาชิกพรรคการเมือง และพ้นจากตำแหน่งทางการเมืองมาแล้วไม่น้อยกว่า 10 ปี จากเดิมที่กำหนดไว้ 5 ปี และจะต้องไม่เคยถูกศาลพิพากษาให้จำคุกหรือมีความผิด
“การที่กำหนดคุณสมบัติไว้เข้มมากขึ้นและเปลี่ยนแปลงไปจากเดิม เนื่องจากบุคคลที่จะมาดำรงตำแหน่งเลขาธิการ กกต.มีความสำคัญ ต้องมีความเป็นกลาง เพื่อความสง่างามในการปฎิบัติหน้าที่ หากเป็นสมาชิกพรรคการเมืองหรือเคยดำรงตำแหน่งทางการเมืองก็ต้องพ้นมาแล้วไม่น้อยกว่า 10 ปี” นายเมธา กล่าว และระบุว่าผู้ที่เคยสมัครในครั้งที่ผ่านมา ก็สามารถมาสมัครในครั้งนี้ หากมีคุณสมบัติและไม่มีลักษณะต้องห้าม ตามที่ประกาศ กกต.กำหนดไว้ อย่างไรก็ตาม อยากให้ผู้สมัครทุกคนตรวจสอบหลักฐานการสมัคร และคุณสมบัติให้ดีเพื่อป้องกันการเกิดปัญหาในภายหลัง หรือมีข้อโต้แย้ง ดังเช่นที่ผ่านมา จนมีการฟ้องร้องที่ศาลปกครอง
รองเลขาธิการ กกต. กล่าวว่าในการรับสมัครครั้งนี้ เจ้าหน้าที่ของ กกต.ก็สามารถสมัครได้ โดยไม่ต้องลาออกจากตำแหน่ง เว้นได้ว่าได้รับการคัดเลือก โดยคุณสมบัติต้องอยู่ในระดับรองเลขาธิการไม่น้อยกว่า 2 ปี ส่วนข้าราชการทั่วไปและหน่วยงานรัฐวิสาหกิจ องค์การอิสระ คือระดับรองอธิบดี รองผู้ว่าฯ และรอผู้บริหารสูงสุด และรองเลขาธิการฯ
นายเมธา กล่าวต่อว่า หลังจากการปิดรับสมัคร ทาง กกต.จะตรวจสอบคุณสมบัติในช่วงเดือนมีนาคม และในเดือนเมษายนก็จะประกาศผุ้มีสิทธิ์สัมภาษณ์ เพื่อเข้ารับการสัมภาษณ์จาก กกต. ในเดือนพฤษภาคม และคาดว่าจะได้เลขาธิการ กกต.คนใหม่ในช่วงเดือนมิถุนายน ทั้งนี้ กระบวนการคัดเลือกอาจจะเร็วขึ้น หากขั้นตอนใดตอนหนึ่งใช้เวลาไม่นาน ส่วนการพิจารณาเลือกเลขาฯ กกต.คนใหม่จะเป็น กกต.ชุดปัจจุบันหรือ กกต.ชุดใหม่ขึ้น อยู่กับสถานการณ์ ว่าช่วงนั้นจะมี กกต.ใหม่มาหรือยัง แต่ในเบื้องต้นยังไม่มีการกำหนดว่า กกต.ชุดใดจะเป็นผู้ทำหน้าที่คัดเลือก แต่ไม่ว่าจะมีเลขาธิการหรือยังไม่มี หากมีการเลือกตั้งระดับใดเกิดขึ้นทาง ฝ่ายประจำของสำนักงานก็ได้เตรียมคณะทำงานรองรับไว้พร้อมแล้ว เชื่อว่าจะไม่เป็นปัญหาหรือมีอุปสรรคต่อการเลือกตั้ง
ข่าวจาก : มติชนออนไลน์
- ไม่สามารถใส่ชื่อเว็บไซต์ใด ๆ ก็ตาม ลงในช่องแสดงความคิดเห็น
- ระบบสามารถรับข้อความ ได้สูงสุดเพียง 2,000 ตัวอักษร ต่อหนึ่งครั้ง
- ผู้ดูแลเว็บไซต์ จะลบข้อความที่ไม่เหมาะสม และข้อความโฆษณาสินค้า หรือบริการ