22 ก.พ. 61น ทางเจ้าหน้าที่เทศกิจสำนักงานเขตประเวศ ได้เข้ามาดูแลบริเวณพื้นที่ตลาดทั้ง 5 แห่ง โดย นายชยุต เทียนอร่าม พนักงานเทศกิจเชี่ยวชาญงาน เปิดเผยว่า ในวันนี้ได้รับคำสั่งเข้ามาดูแลความเรียบร้อย กรณีที่อาจจะมีแม่ค้าเข้ามาใช้พื้นที่สาธารณะ โดยเฉพาะบริเวณทางเท้า ซึ่งหากเจอก็จะเข้าไปตักเตือนให้เก็บของออกไป แต่ในเรื่องของการขายของในตลาด ยังไม่มีการเข้าไปดำเนินการ เนื่องจากยังอยู่ในช่วงปรับปรุงตลาดในระยะ 7 วัน หลังจากนี้ ก็ต้องรอคำสั่งอีกครั้ง
ส่วนการค้าขายของตลาดในวันนี้ ค่อนข้างเงียบเหงา เปิดเพียง 3 ตลาด คือ ตลาดสดสวนหลวง ร.9 ตลาดเปิ้ลมาร์เก็ต และตลาดยิ่งนรา มีแม่ค้ามาขายของลดลงจากเมื่อวันที่ 21 ก.พ. 61 เกินกว่าครึ่ง โดยเหตุจากความไม่ชัดเจนว่า สามารถที่จะขายได้ต่อหรือไม่ ทำให้ส่วนใหญ่ไม่กล้าที่จะมาขายของ
โดยคุณแอน แม่ค้าขายผลไม้ ที่ขายอยู่ตลาดสวนหลวง ร.9 เปิดเผยว่า ตนขายที่นี่มามากกว่า 10 ปี ตั้งแต่ยังไม่เป็นตลาดขึ้นมา จนมีการฟ้องเกิดขึ้น ตนยืนยันว่า ไม่ได้ทำอะไรสกปรก ขายเสร็จก็จะเก็บให้เรียบร้อย แถมยังช่วยดูแลความสะอาดรอบๆ บ้านอีก
ส่วนกรณีที่ป้าบุญศรี กล่าวหาว่าทางแม่ค้าไปขโมยต่อไฟฟ้ามาใช้นั้น ตนยืนยันว่าไม่มีแน่นอน เพราะใครจะทำได้ กำแพงบ้านก็สูง รวมถึงเรื่องกลิ่นเหม็นนั้น กลิ่นจะเข้าไปได้อย่างไร กำแพงบ้านสูงขนาดนั้น รวมทั้งแม่ค้าก็ไม่เคยไปทำความเดือดร้อนอะไรให้เขา
ขณะเดียวกันเรื่องที่ป้าบุญศรี กล่าวหาว่า มีคนนำงู หรือหนูไปใส่บ้านนั้น ก็ไม่มีอีกเช่นกัน เพราะฤดูฝน งูก็ไปได้ทุกที่ สมัยก่อนนั้น หลังบ้านเป็นป่ายังไงต้องมีงู โดยเฉพาะต้นไม้ที่ขึ้นสูงติดรั้วบ้าน หนูหรือกระรอกมันก็ปีนขึ้นไปได้ ส่วนเรื่องที่มีแม่ค้าไปแอบอ้างใช้บ้านเลขที่ของป้าบุญศรี ส่งของนั้น ตนคิดว่าไม่มีอย่างแน่นอน เพราะตัวตลาดกับบ้านนั้นห่างกัน มีถนนกั้นกลาง ทั้งนี้ยืนยันว่า ตลาดไม่เคยสร้างความเดือดร้อนอะไร พอหมดเวลา ก็เก็บของกลับบ้าน
เรื่องที่มีคนตายในบ้านของป้าบุญศรี เพราะมีรถขวางหน้าบ้านจนออกจากบ้านไม่ได้นั้น คุณแอน แม่ค้าขายผลไม้ ยืนยันอีกว่า ไม่เคยได้ยินข่าวนี้ แต่เคยได้ยินว่าบ้านอีกหลังคนป่วยจะออกจากบ้าน แต่ออกไม่ได้เพราะมีรถจอดอยู่ จนขาดอากาศหายใจตาย ซึ่งอยู่ห่างออกไปจากตลาดอีกไกล และเรื่องเกิดคนละเวลากับที่ตลาดเปิด
ทั้งนี้ตนมั่นใจ และเห็นกับตาว่า บ้านของป้าบุญศรี เคยใช้สายยางฉีดน้ำ ฉีดไล่ขี้หมาออกมาจากบ้าน จนเกลื่อนด้านหน้าบ้านเต็มไปหมด เพราะเมื่อก่อนมีแม่ค้ามาจอดขายของบริเวณหน้าบ้าน โดยที่ไม่มีรูปหลักฐาน และไม่ได้คิดว่าจะไปเอาเรื่องเขา แต่ช่วงที่มีตลาด แม่ค้าก็ย้ายเข้าตลาดกันหมด
ขณะเดียวกัน บางครั้งที่มีขอทานมานั่ง เขาก็จะเอาอุจจาระมาราด มันคงไม่ใช่ปุ๋ยคอกแน่ เพราะมันเหลืองขนาดนั้น กลิ่นแรงมาก เรื่องไม่ดีของเขาก็มีเหมือนกัน แต่เราไม่มีหลักฐาน
อย่างไรก็ตามเรื่องการทุบรถ ที่หลายคนสงสัยว่า เป็นการสร้างสถานการณ์นั้น ตนก็ไม่รู้เหมือนกัน แต่แม่ค้าพูดกันว่าเหมือนการสร้างภาพ โดยเฉพาะหลังเกิดเรื่อง คนที่โดนทุบรถยังมีหน้าตายิ้มแย้มแจ่มใส ไม่ต่อเถียงอะไร เรื่องคดีทุบรถก็ไม่ข่าวแถลง มีแต่เรื่องประเด็นตลาดมากกว่า เพราะก่อนหน้านี้ ก็เคยมีเรื่องแบบนี้ แต่แค่โดนด่าหยาบสารพัด หรือล่าสุด เคยมีผู้หญิงคนหนึ่งถูกพลั่วฟาดรถ แต่ผู้หญิงคนนั้นรีบขอโทษ แล้วขับรถออกไป แต่เหตุการณ์ครั้งนี้รุนแรงมากจนกลายเป็นข่าวขึ้นมา
ต่อมาทางด้าน นายสุวิจักขณ์ ทองสนิท เจ้าของผู้ทำแอพพลิเคชัน s.o.s Thailand ได้เดินทางมาที่หน้าบ้านของป้าบุญศรี เปิดเผยว่า ตนเห็นข่าวก็เข้าใจทั้ง 2 ฝ่าย เพราะตนเองก็เคยไปจอดรถขวางหน้าบ้านคนอื่น และเคยโดนคนอื่นจอดขวางหน้าบ้านเช่นกัน จึงเป็นโอกาสที่ดี เป็นจุดเริ่มต้นที่จะให้สังคมกลับมาเห็นใจ นึกถึงความเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่กัน
ทั้งนี้ ค่าเสียหายทั้งหมดในการซ่อมรถนั้น ตนเองขอเป็นผู้รับผิดชอบแทน เพื่อให้คู่กรณีทั้ง 2 ฝ่าย จบกันด้วยดี และถือเป็นจุดเริ่มต้นในการตระหนักถึงการไม่ละเมิดสิทธิผู้อื่น และการรักษาสิทธิของตัวเอง
ต่อมาทีมข่าวได้ลงพื้นที่ สอบถามผู้ขี่จักรยานยนต์รับจ้าง ที่อยู่บริเวณตลาดทั้ง 5 แห่ง ใกล้กับบ้านของป้าบุญศรี โดยนายอภัย ใหญ่กระโทก ผู้ขี่รถจักรยานยนต์รับจ้าง เปิดเผยว่า ตนขี่รถจักรยานยนต์รับจ้างมาหลายปีแล้ว ทั้งช่วงเช้าและเย็น เป็นอาชีพเสริม โดยจะรับ-ส่ง ผู้ที่มาออกกำลังกายที่สวนหลวง ร.9 และผู้ที่มาเดินตลาดบริเวณนี้ โดยมีรายได้ในช่วงวันจันทร์ถึงศุกร์อยู่ที่ 600-700 บาท และวันเสาร์-อาทิตย์ ที่มีการเปิดตลาดทั้ง 5 แห่ง จะได้รายได้มากกว่า 1,000 บาท
หากต้องปิดตลาด ตนมีผลกระทบแน่นอน เพราะต้องผ่อนบ้าน ต้องส่งลูกเรียน บางครั้งเงินยังไม่พอใช้จ่าย และหากปิดตลาดไป รายได้ก็ลดลงมากกว่าครึ่ง จากที่เคยได้ 600-700 บาท คงเหลือไม่ถึง 300 บาท จึงต้องหารายได้จากอาชีพอื่นทำ แต่ก็ยังไม่ได้คิดไว้ว่าจะไปทำอะไร ส่วนตัวตนก็ยังอยากให้มีตลาดอยู่ แต่อยากให้จัดระเบียบให้เรียบร้อยมากขึ้น โดยให้มีทางเท้าไว้เดินมากขึ้น พร้อมยอมรับว่าเห็นใจคุณป้าบุญศรี เพราะเสาร์-อาทิตย์ มีรถเป็นจำนวนมาก คนเข้าออกลำบาก
ส่วนนางบังอร สุขมงคล แม่ค้าขายส้มตำ เปิดเผยว่า หลายคนในตลาดต่างก็ตั้งข้อสังเกตกันว่า เหตุการณ์ทุบรถนั้นเป็นการจัดฉากสร้างสถานการณ์หรือไม่ ตนก็ยอมรับว่า คิดไม่ต่างกันนัก เพราะขณะเกิดเหตุ ตนเห็นว่าเจ้าของรถที่โดนทุบไม่ได้มีท่าทีตกใจ กลับยืนนิ่งเฉย ปล่อยให้เขาชี้หน้าด่าหยาบคาย ผิดวิสัยคนที่โดนทุบรถไปต่อหน้า เพราะถ้าเป็นตัวเองเจอแบบนี้คงตกใจ และเข้าไปถามว่า “ทำไมป้าต้องทำกับหนูแบบนี้ ป้า หนูขอโทษ”
นอกจากนี้ ตนยังตั้งข้อสังเกตด้วยว่า เจ้าของรถบ้านอยู่มหาชัย จ.สมุทรสาคร เดินทางตั้งไกลมาซื้อของที่นี่เป็นครั้งแรก มาแล้วทำไมถึงมาจอดหน้าบ้านเขาเลย จนกลายเป็นเรื่องขึ้นมาทันที
นางบังอร ยอมรับว่า โกรธทั้งป้าเจ้าของบ้าน และเจ้าของรถ เพราะไม่ใช่แค่ตนที่เดือดร้อน แต่เป็นพ่อค้าแม่ค้า ทั้งตลาด เพราะทุกคนต่างมีภาระ อย่างเช่นตน ต้องมีภาระจ่ายหนี้สิน นอกระบบ ดอกเบี้ยร้อยละ 20 ประมาณ 4-5 หมื่นบาท แล้วยังมีภาระต้องเลี้ยงดูแม่วัย 70 ปี ที่กำลังป่วยด้วยโรคเบาหวาน โดยตนเป็นคนสู้ชีวิตมาโดยตลอด แต่ตอนนี้รู้สึกน้อยใจชะตา เพราะตลาดปิดกะทันหัน หากมีเวลาให้ตั้งตัวสัก 1 เดือน คงจะดีกว่านี้ ตลอดทั้งวันนี้ตนต้องย้ายของเก็บของที่จุดขายของของตัวเอง จนยังไม่มีเวลากินข้าว
“แค่คน ๆ เดียว ต้องทำให้ตนขาดรายได้ มีภาระต้องเลี้ยงแม่ป่วยเบาหวาน แล้วชีวิตครอบครัวป้าจะเป็นอย่างไร แฟนป้าก็เสียไปแล้ว ตอนนี้ป้าลำบากสุด ๆ เลย ตั้งแต่เกิดเรื่องมา แค้นจนไม่กินข้าวกินน้ำ แค้นมากเลย แค้นใจเจ้าของบ้านกับเจ้าของรถ จากที่เคยหาเงินได้ ต้องมาเจอสภาพแบบนี้ ยังรับไม่ได้” นางบังอร กล่าวด้วยน้ำตาคลอ
หลังจากนี้ตนคิดว่า จะไปจองแผงค้าในตลาดเปิ้ลมาร์เก็ต ที่ยังเปิดได้อยู่ แต่ไม่รู้ว่าจะได้หรือไม่ เพราะผู้ค้าเดิมของตลาดนั้นเต็มจำนวนอยู่แล้ว หากขายของไม่ได้จริงๆ ก็คงต้องเข็นรถขายเรื่อยไป
ข่าวจาก : อัมรินทร์ทีวี
- ไม่สามารถใส่ชื่อเว็บไซต์ใด ๆ ก็ตาม ลงในช่องแสดงความคิดเห็น
- ระบบสามารถรับข้อความ ได้สูงสุดเพียง 2,000 ตัวอักษร ต่อหนึ่งครั้ง
- ผู้ดูแลเว็บไซต์ จะลบข้อความที่ไม่เหมาะสม และข้อความโฆษณาสินค้า หรือบริการ